ภาวะคลุกฝุ่นของการเมืองในภาวะอ่อนไหวนี้ ทำให้ฉันคิดถึงงานที่ทำอยู่ในเครือข่ายงดเหล้า
ตอนนี้เรากำลังต่อสู้กับธุรกิจน้ำเมาที่ประกาศชัดว่า "กลุ่มเป้าหมายคือ เพิ่มนักดื่มหน้าใหม่"
ในขณะที่เราทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้เยาวชนเข้าไปสู่สภาวะ "นักดื่มหน้าใหม่" ที่จะกลายไปเป็นพลเมืองขี้เมาในอนาคตนั้น
ทางฟากธุรกิจน้ำเมาก็ประกาศชัดว่า "เมื่อพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาใช้นั้น พวกเขายิ่งต้องทำผลกำไรให้สูงสุดด้วยทุกวิถีทางและทุกกลยุทธ์ และกลุ่มที่เขาคาดหมายจะให้ภักดีกับสินค้าของเขาได้ง่ายที่สุดคือ "เยาวชน"
เดือนที่ผ่านมาเครือข่ายงดเหล้าเปิดตัว "โครงการรับน้องปลอดเหล้า" โดยมีคอนเซ็ปต์ว่า "การรับน้องที่ดีงามนั้น ต้องปลอดจากความรุนแรง และปลอดเหล้าเพื่อพี่และน้องในมหาวิทยาลัยจะมีสติพอที่จะชวนกันค้นให้พบรากเหง้าที่ดีงามของประเพณีรับน้อง
ในขณะที่ฟากธุรกิจนั้น เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้โครงการเดียวกัน แต่คอนเซ็ปต์คือ ดื่มอย่างมีสติ อย่าให้ผู้ใหญ่มาชี้นำ เยาวชนควรต้องเป็นตัวของตัวเองและเลือกทางเดินของตัวเอง
เมื่อแต่ละฝ่ายคิดเห็นต่างกัน มีจุดยืนในผลประโยชน์ที่ต่างกันสุดขั้วเนื่องจากฝ่ายหนึ่งต้องการให้เยาวชนเป็นขี้เมา แต่อีกฝ่ายไม่อยากให้เยาวชนขี้เมานั้น
"แต่ต้องสู้กันบนพื้นที่อนาคตของเยาวชน"
ถ้าประชาชนในสังคมบอกว่า "หันหน้ามาคุยกันเถอะ" "มาฟังกันเถอะ" นั้น ถามว่าจะให้คุยกันเรื่องอะไร
ให้เครือข่ายงดเหล้า รามือ และยินยอมให้บริษัทธุรกิจน้ำเมาสอนให้เด็กเยาวชน(ลูกของพวกคุณคุณ) นั้นดื่มอย่างมีสติใช่หรือไม่
เหมือนกันกับประเทศในตอนนี้ ฟากนึงทำเพื่อตัวเองให้อยู่รอดเพื่อประโยชน์แก่พวกพ้องสูงสุด อีกฟากนึงบอกว่าพอได้แล้ว หยุดเห็นแก่ประโยชน์ขอตัวเองสักที
แล้วสังคมยังจะบอกว่า "มายืนกันอยู่ตรงกลางได้ไหม" "ฝ่ายเห็นแก่ประโยชน์พวกพ้องก็กินน้อยๆ หน่อย แล้วอีกฝ่ายนึงก็ยอมๆ เขาหน่อยเถอะหลับตาสักข้างนึง แล้วก็อยู่ๆ กันไป ให้เขากินบ้างจะเป็นไร รถจะได้ไม่ติดในวันทำงาน" อย่างเนี้ยเหรอ
องค์การอนามัยโลกให้คำขวัญวันงดสูบบุหรี่โลก(31 พฤษภาคม) ว่า “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจต้านภัยบุหรี่”
สวัสดีครับ ดอกไม้น้อย
จริง ๆ นะครับ หลายเรื่องเราทำเรื่องเดี่ยวกันแต่ตรงกันข้ามนะครับ อย่างเรื่องการประหยัดพลังงาน กับการเพิ่มยอดขายรถยนต์ การส่งเสริมความพอเพียง กับการเพิ่มเป้าหมายการผลิตการส่งออก แล้วก็พยายามอธิบายกันไปว่า ชีวิตต้องมีทั้งสองฝ่าย ต้องทำทั้งสองอย่าง อย่างเลือก ไม่เลือก อยู่ตรงกลาง อะไรแบบนี้แหล่ะครับ
เรื่องขาวกับดำ มันก็เลยแยกไม่ออก กลายเป็นเท่า ๆ ครึ้ม ๆ ไป
บางครั้งก็คล้ายกับว่า เราต้องทำไปเพราะมันคืองาน โลกเราก็สู้กันด้วยสองแนวคิดเสมอ คือบวกกับลบ พวกอยู่กลาง ๆ มีไม่เยอะหรอก ต้องเอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอยู่แล้ว
สู้ต่อไปเถอะครับ ผมว่ามันคือการพยุงให้สังคมไม่เอียง แต่บางทีก็เหมือนกับว่ามันเอียงไปแล้วด้วยกระแสบริโภคหลัก เราต้องดึงกลับมาด้วยแรงที่น้อยกว่า สิ่งสนับสนุนที่น้อยกว่า และด้วย ความคิดเข้าข้างเราที่น้อยกว่าอีกด้วย ลำบากครับ ยอมรับว่าสถานการณ์เราแย่ .....แต่ก็ยอมแพ้ไม่ได้
เป็นกำลังใจให้ฝ่าไปครับ
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
คนที่จากไปไม่ใช่คนอ่อนแอค่ะ แต่รับไม่ได้ เข้าใจไหม
จะต้องให้พูดสักกี่ครั้งว่ารับไม่ได้จริงๆๆ