จีนก้าวหน้าผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จากผู้ว่าจ้างสู่ผู้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยตัวเอง
จีนพร้อมเป็นพี่เลี้ยง ‘รัฐไทย’ ผุดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4แห่ง!
โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ |
29 พฤษภาคม 2551 15:45 น. |
ภาพภายนอกโรงไฟฟ้าChina Guangdong Nuclear Power Holding Co. |
|
|
|
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
|
|
|
|
จีนก้าวหน้าผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
จากผู้ว่าจ้างสู่ผู้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยตัวเอง
จนปัจจุบันมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 10 โรง ตั้งเป้ามี 40 โรงในอีก 15 ปี
จากการถ่ายทอดเทคโนโลยี จากฝรั่งเศส-อังกฤษ-สวีเดน
‘สทน.’เผยจีนพร้อมเป็นพี่เลี้ยงให้ไทยในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
และการพัฒนาอุตสาหกรรมปลายน้ำรองรับ แพทย์เผยมั่นใจปลอดภัย
เตือนระวังเวียดนามแซง! ข่าวการขึ้นราคาน้ำมันเกือบทุกวัน และมีแนวโน้มพุ่งไม่หยุดเวลานี้
ได้สร้างความชอกช้ำใจทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง
และประชาชนผู้บริโภคทุกระดับ
ถึงเวลาหรือยังที่ไทยควรมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการใช้พลังงาน
ซึ่งจีนอาจเป็นคำตอบสำคัญในการตัดสินใจของรัฐบาลไทย เซ็น MOU ร่วมมือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ผศ.ดร.สมพร จองคำ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
(องค์การมหาชน) หรือ สทน.กล่าวว่าการนำก๊าซธรรมชาติมาผลิตไฟฟ้ากว่า 70%
ของไทยในปัจจุบัน จะทำให้ในอีกไม่เกิน 20-30 ปี
ก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้ในอ่าวไทยจะหมดลง และราคาน้ำมันที่พุ่งไม่หยุดนี้
อาจทำให้ประเทศไทยเกิดภาวะขาดแคลนพลังงานขั้นรุนแรง
จึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา สทน.ได้ไปลงนาม MOU ร่วมกับ
CHINA NUCLEAR POWER TECHNOLOGY RESEARCH INSTITUTE (CNPRI)
เพื่อแลกเปลี่ยนด้านความรู้และได้เดินทางไปดูงานเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่
DAYA bay, China Guangdong Nuclear Power Holding Co.ด้วย จากการศึกษาและดูงานพบว่า ขณะนี้ประเทศจีน
มีความก้าวหน้าในเรื่องของการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างมาก
และในอนาคตอันใกล้นี้จีนจะเป็นประเทศที่สามารถผลิตโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ด้วยตัวเอง
100% และกลายเป็นผู้รับจ้างผลิตโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เต็มตัว
โดยในการเซ็นสัญญาครั้งนี้
จีนรับปากว่าหากประเทศไทยจะดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขึ้นมา
จีนยินดีที่จะเป็นพี่เลี้ยงให้ไทยด้วย ทั้งการสร้างโรงงานนิวเคลียร์
และการวิจัยสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยจีนได้เริ่มสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกที่อ่าวดาหยา
โดยกู้เงินจากฮ่องกง
และขอความร่วมมือกับประเทศฝรั่งเศสช่วยเหลือในด้านเทคโนโลยีที่ขณะนี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ดีที่สุดในโลก
โดยหลักๆ
แล้วในส่วนของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จีนได้เลือกใช้ของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของฝรั่งเศส
ขณะที่ระบบเทอร์บายของโรงไฟฟ้าเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาใช้นั้น
จีนใช้เทคโนโลยีของอังกฤษและสวีเดนที่มีความเชี่ยวชาญเช่นกัน ผันร่างสู่ผู้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ข้อที่น่าศึกษาจากจีนคือ
แม้จีนจะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของต่างประเทศ แต่จีนได้กำหนดให้ประเทศนั้นๆ
ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้จีนด้วย โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1-2
โรงแรกจีนพึ่งพาเทคโนโลยีจากฝรั่งเศส 100% จากนั้นโรงที่ 3-4
ฝรั่งเศสได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตให้จีน 30% โรงที่ 5 ถ่ายทอด 50%
โรงที่ 6 ถ่ายทอด 70%
ปัจจุบันถือว่าจีนได้ดูดซับความรู้ด้านการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กว่า 90%
แล้ว
นอกจากนี้จีนยังได้สร้างเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่ได้มาตรฐานของตัวเองขึ้นมาแล้วด้วย
ในชื่อว่า CNR 1000 (China Nuclear Reactor)
ซึ่งกำลังจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ด้วยตัวเองเป็นแห่งแรกที่โรงงานฮองยันฮี
อ่าวดาหยา ขนาด 1,000 เมกกะวัตต์ ซึ่งเมื่อสร้างสำเร็จ
จะถือว่าจีนมีความสามารถในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ 100% นอกจากเทคโนโลยีการสร้างโรงไฟฟ้าแล้ว
จีนยังพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องขึ้นมาใหม่
เพื่อนำวัตถุดิบจากท้องถิ่นในการนำมาสร้างโรงไฟฟ้าของตัวเองด้วย
ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถูกลง และทำได้รวดเร็วขึ้น
โดยตามแผนนั้นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1 โรงจะต้องใช้เวลา 10 ปี
แต่เนื่องจากจีนมีความพร้อมในทุกด้าน โดยเฉพาะรัฐบาลจีนที่เอาจริงเอาจัง
ประกอบกับการที่จีนได้พัฒนาอุตสาหกรรมท้ายน้ำรองรับหมดแล้ว
ทำให้จีนสามารถผลิตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ในระยะเพียง 6-7 ปีเท่านั้น ปัจจุบันจีนจึงมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 10 โรงทั่วประเทศ
และมีแผนสร้างโรงไฟฟ้าปีละ 2 โรงทุกปี ซึ่งตั้งเป้าว่าภายใน 15 ปี
จีนจะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศ 40 โรง โดยแต่ละโรงไฟฟ้าจะมีมูลค่าในการก่อสร้าง โรงละประมาณ 8
หมื่นถึงหนึ่งแสนบาท เป็นโรงไฟฟ้าขนาด 1,000 เมกกะวัตต์
ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัยแล้วถือว่าสูงมากเพราะ 1 ใน 4
ของการลงทุนคือ 25% จะเป็นการวางระบบรักษาความปลอดภัย
จะมีการควบคุมโดยอัตโนมัตทุกขั้นตอนการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนความร้อนสูง ขั้นตอนรังสี และขั้นตอนของแก๊สที่เริ่มสูง “ระบบทั้งหมดของจีน ถือว่าเป็นระบบที่ได้มาตรฐาน
เพราะส่วนใหญ่ใช้มาตรฐานเดียวกันหมด ทั้งฝรั่งเศส อเมริกา ออสเตเลีย ฯลฯ
ซึ่งต้องเป็นมาตรฐานที่ได้รับการรับรองจาก ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างเทศ
หรือ IAEA(International Atomic Energy Agency)
ซึ่งไทยเราอยู่ในวิสัยที่ตามจีนได้” ในการเซ็นสัญญาดังกล่าวทางสถาบันฯ
ถือว่าเป็นหน้าที่ที่จะดึงประโยชน์ของพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ประโยชน์เพื่อคนไทยให้ได้
ขณะนี้เมืองไทยเองได้มีการเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์อยู่แล้วขนาด 2
เมกกะวัตต์ ซึ่งได้มีการใช้ตั้งแต่ปี 2505 ถือว่า 46
ปีที่ผ่านมาได้ใช้ประโยชน์จากนิวเคลียร์ในด้านอื่นๆ เช่น ใช้ทางการแพทย์
ใช้ฉายแสงให้ผลไม้ไทยไม่มีแมลง และไม่เน่าเสีย และฉายในพลอย
ทำให้พลอยมีสีเข้มขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มาก
แต่เมืองไทยยังไม่มีการนำนิวเคลียร์มาใช้เพื่อการสร้างไฟฟ้า ทั้งนี้ประเทศไทยมีแผนการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว
โดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ตั้งเป้าไว้ว่าอีก 12
ปีจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้ 4 โรงในไทย โรงละ 1,000 เมกกะวัตต์
ทั้งนี้ต้องรอดูว่าในปี 2553
รัฐบาลขณะนั้นจะตัดสินใจเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างไร
หากตัดสินใจว่าจะสร้าง ก็จะใช้เวลาเลือกผู้รับเหมาอีก 2 ปี (2554-2555)
สร้าง 6-7 ปี (2562-2563) คนไทยก็จะมีโรงไฟฟ้าใช้เป็นแห่งแรก
ซึ่งจีนใช้เวลาคืนทุนแค่ 10 ปี เท่านั้น “ปี 1979
จีนเริ่มคิดจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งขณะนั้นจีนยังยากจนอยู่มาก
แต่วิสัยทัศน์กว้างไกล ทำให้จีนมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 10แห่งในขณะนี้
และกำลังจะสร้างต่อไป เพื่อเป็นพลังงานที่สำคัญของประเทศ” ทั้งนี้จีนยินดีจะช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ประเทศไทย
เนื่องจากความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของไทยและจีน ทั้งด้านวิศวกรรม
นิวเคลียร์ฟิสิกส์ นิวเคลียร์เคมี วิทยาศาสตร์นิวเคลียร์
และคำแนะนำการผลิตอุปกรณ์ชิ้นส่วนในประเทศไทย
โดยทั้งวัสดุที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง
รวมทั้งชิ้นส่วนด้านการไฟฟ้าทั้งหมด เช่นสายทองแดง ฉนวนห่อหุ้ม ฯลฯ
ที่จะต้องใช้คุณภาพระดับสูงที่สามารถนำมาสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ แพทย์ย้ำมั่นใจความปลอดภัย ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข
ในฐานะคณะกรรมการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
และได้เดินทางไปดูงานครั้งนี้ด้วย กล่าวว่า
ในฐานะแพทย์ตนเห็นว่าเทคโนโลยีที่จีนนำมาใช้ในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
มีความปลอดภัยมาก เป็นเทคโนโลยีแบบปิด ส่วนใหญ่สร้างริมทะเล
ไม่มีการระเหยขึ้นสู่อากาศ “ในระบบปิด
ใช้สารยูเรเนียมสร้างความร้อนจากปฏิกิริยาไปต้มน้ำผ่านตัวน้ำโดยใช้น้ำ
คือให้ถ่ายทอดความร้อนจากน้ำหนึ่ง
ไปอีกน้ำหนึ่งซึ่งไม่ปนกับน้ำที่กลายเป็นไอ
เมื่อนำไปหมุนตัวเทอร์บายก็จะเกิดพลังงานหมุนเวียนขึ้น”
ดังนั้นหากไทยไม่เริ่มต้นที่จะสร้างโรงงานนิวเคลียร์ในอนาคตจะเสียโอกาสมาก
รวมทั้งขณะนี้เวียดนามได้ลงนามกับญี่ปุ่นในการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แล้ว
ในอนาคตไม่เกิน 10 ปีก็จะสร้างเสร็จ
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดการย้ายฐานการลงทุนของนักลงทุนที่มาสร้างโรงงานในไทย
และที่กำลังจะมาหันไปใช้เวียดนามเป็นฐานกำลังการผลิตในสินค้าอุตสาหกรรมแทน
ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แม้กระทั่งเวียดนาม ไทยก็ไม่สามารถแข่งขันได้แล้ว
|
|
|
|
|