ความรัก : พ่อคนป่าสอนลูกคนป่า


สติและปัญญาต่างหาก ที่จะช่วยปลดปล่อยความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตอนนี้ได้

ก้ามปูอ่านบทความนี้แล้วรู้สึกว่ามีความสุข 

สงบ ได้นึกเห็นอะไรหลายอย่าง

จนอยากให้เราทุกคนได้อ่านกันบ้างนะคะ

 

พ่อคนป่าสอนลูกคนป่่า

 

         ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาอันสูงตระหง่าน ทางภาคเหนือสุดของประเทศไทย บริเวณรอบ ๆ ของสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธ์ ซึ่งเขียวขจีสดใสอยู่ตลอดปี จึงทำให้บริเวณรอบ ๆ สถานที่แห่งนี้ เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความชุ่มชื้นและความสงบสุขจากธรรมชาติโดยแท้จริง จึงทำให้มีทั้งสัตว์เล็กและสัตว์ใหญ่ทั้งหลาย ได้พากันมาพักอาศัยอยู่ ณ ที่นี้เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาธรรม ระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่กับสรรพสัตว์ทั้งหลายอย่างลงตัวทีเดียว

  

  และ ณ ตรงสถานที่แห่งนี้เองได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอย่างหนึ่ง ที่พวกเราทั้งหลายควรจะศึกษาไว้เป็นความรู้หรือเป็นแนวทางที่จะนำไปคิด พิจารณาต่อไปดังนี้

              

    ลูกของคนป่าผู้หนึ่ง ซึ่งขณะนี้เธอมีอาการนั่งซึมเศร้า เสียใจ น้ำตาไหลอยู่เนือง ๆ และมีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของเธอ ซึ่งเธอยังไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ สาเหตุที่เธอต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า เธอได้ถูกพิษภัยของความรักทำร้ายเอาอย่างสาหัส ท่านพ่อของเธอได้ปล่อยให้เธออยู่เงียบ ๆ ตามลำพังเป็นเวลา ๓ วัน เพื่อต้องการให้เธอได้ใคร่ครวญ พินิจ พิจารณาในความทุกข์ที่เธอได้รับอยู่ขณะนี้ สำหรับสาเหตุที่เธอต้องได้รับพิษภัยของความรักนั้นก็เนื่องจากว่า มีคราวหนึ่งเธอได้ออกจากป่าไปสู่เมืองเพื่อกิจธุระบางอย่างของเธอ ในการไปสู่เมืองนี้เอง ทำให้เธอได้ไปพบกับความรักเข้า และต่อมาไม่นานก็ได้พบกับพิษของความรักเช่นกัน

               

     หลังจากที่เธอได้ใคร่ครวญ พิจารณาอยู่นั้น เธอก็ได้พบกับสัจจะธรรมความเป็นจริงของคำว่า "ความรัก" ความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์มากมาย และยังเป็นอันตรายมากมายอีกด้วย ดังนั้นเธอจึงได้ใคร่ครวญอยู่อย่างนี้จนกระทั่งอารมณ์ใจของเธอดีขึ้นเป็นลำดับ

 

 จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปพอสมควรแล้ว ท่านพ่อของเธอซึ่งเฝ้าดูอาการของลูกมาตลอด และปล่อยให้ลูกได้รักษาแผลใจและกายเองที่บ้านป่า ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ ท่านจึงได้เอ่ยคำพูดของท่านออกมา เพื่อรักษาเยียวยาแผลใจให้ลูกของท่านว่า

              

      "ลูกรักของพ่อ เจ้าร้องไห้พอแล้วหรือยัง น้ำตาของเจ้าบ่งบอกถึงความทุกข์ที่เจ้าได้รับ พ่อรู้ พ่อเห็น พ่อเข้าใจ แต่น้ำตาของเจ้าก็ไม่ได้เป็นเครื่องมือดับทุกข์ให้เจ้าหรอกน่ะ สติและปัญญาต่างหาก ที่จะช่วยปลดปล่อยความทุกข์ที่กำลังเกิดขึ้นกับเจ้าตอนนี้ได้

               

   กาลเวลา ๓-๔ วันที่เจ้ากลับเข้าป่ามาหาพ่อ พ่อไม่รบกวนเจ้าหรือให้ความช่วยเหลือใด ๆ กับเจ้า เพียงเพราะพ่อต้องการสอนให้เจ้าได้หัดใช้สติปัญญา พิจารณาถึงเหตุของทุกข์ และทบทวนถึงความทุกข์ หรือปัญหาที่เจ้ากำลังประสบอยู่อย่างแสนสาหัส ณ เวลานี้

               

      เอาละน่ะลูกรักของพ่อเช็ดน้ำตาเสียหยุดสะอื้นเสียหยุดสะเทือนใจเสียและรักษาอารมณ์

ใจให้สงบวางอารมณ์ใจให้เบิกบานแล้วเจ้าจะเห็นปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ลูกรักของพ่อหากลูก

ไม่สงบอารมณ์เศร้าลูกก็จะฟังคำสอนของพ่อไม่ได้แตกฉานจนเกิดปัญญาถึงวิธีดับทุกข์ที่เจ้ากำลัง

ประสบอยู่ขณะนี้ ลูกรักของพ่อ จงฟังให้ดีน่ะ

 

      ความรักประการที่ ๑ ความรักที่ดูว่าสุขและหวานหอม ชื่นใจ น่าเอ็นดู แต่กลับมีพิษภัยและทุกข์ที่สุดหาที่ประมาณไม่ได้และยังสามารถติดตามผูกพันธ์กันข้ามภพข้ามชาติ

ได้ ไม่ว่า ณ ปัจจุบันชาติจนถึงชาติภพข้างหน้า นั้นก็คือ "ความรักระหว่างเพศหญิงและเพศชาย" หรือความรักแบบที่มีกามฉันทะนี้เอง ความรักระหว่างเพศนี้จะเต็มไปด้วยความทุกข์และอันตราย จะทุกข์ตั้งแต่แรกที่เจ้าอยากให้เขารักเจ้าทุกข์ท่ามกลางที่ต้องประคับประคองความรักและความอบอุ่น ของครอบครัวและสุดท้ายทุกข์ที่จะต้องพลัดพรากจากคนรักของเจ้าหรือของครอบครัวทุกข์ตั้งแต่แรก จนถึงประคับประคองความรักและครอบครัวของเจ้าให้เป็นปกติสุขนั้นไม่ค่อยมีใครกล้า

พูดกล้าสอนได้อย่างเต็มปากบางครั้งอาจจะมีผู้กล้าชี้แนะสั่งสอนให้แต่เจ้าหรือผู้ที่ตกอยู่ในหลุมรักนี้

ก็ฟังไม่เข้าใจ หรือฟังไม่รู้เรื่อง จะฟังรู้เรื่องกันก็ตอนเมื่อได้รับพิษภัยจากความรักระหว่างเพศ ไม่มีใครผิดมันเป็นเรื่องของกรรมที่เจ้าได้กระทำมาตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงปัจจุบันพ่อจึงสอนเจ้ากับ

ทุกคนว่า ให้รักษาศีลข้อที่ ๓ เพื่อจะได้ไม่ได้รับทุกข์จากความรักระหว่างเพศมากนักนั่นเอง

   

 หากเจ้าจะถามพ่อว่าเจ้าไม่เคยนอกใจหรือทำร้ายจิตใจคนรักของเจ้าเลย กลับเฝ้าดูแลถนอมความรักของเจ้า แต่เขากลับทำร้ายจิตใจเจ้าจนได้รับความทุกข์อยู่ขณะนี้ พ่อขอบอกเจ้าว่า แล้วในอดีตชาติล่ะ เจ้าก็เคยทำกับเข้าไว้เหมือนกันนะลูก เจ้าจงอดทน ให้อภัย แล้วเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตใหม่ที่เป็นเอกเป็นหนึ่ง ซึ่งเจ้าจะพ้นแล้วในคำว่า "รักระหว่างเพศ"

               

       ความรักประการที่ ๒ ที่พ่อจะสอนลูกทุกคน คือ ความรักนี้เป็นความรักที่ทุกคนปรารถนา แต่มักจะลืมความรักนี้ไปเลยอย่างไม่มีเหตุผล นั่นก็คือ ความรักในตนเอง หรือความรักในตนของตน นั่นเอง

               

  คนส่วนใหญ่ปรารถนาและเร่งทำทุกอย่าง เพื่อจะให้ผู้อื่นเห็นในความดี ความทุ่มเท อย่างที่ลูกทุ่มเทให้กับชีวิตครอบครัว คนรักของลูก ญาติสนิท มิตรสหายของลูก ผู้เป็นบ่าวเป็นนายของลูกหรือจะเป็นการทุ่มเทให้กับบุตรธิดาของลูกทุกอย่างล้วนแล้วแต่ความยาก

ลำบากทางกายบ้างทางใจบ้างโดยเฉพาะการกระทำเพื่อเอาอกเอาใจผู้อื่นนั้นล้วนแล้วแต่ต้องอดทน อดกลั้น อึดอัด จนลูกสามารถสัมผัสได้กับคำว่า "ทุกข์" ได้อยู่เป็นเนือง ๆ และทุก ๆ ชีวิตหรือทุกคนก็มักจะเจอทุกข์เช่นเดียวกันกับลูก จนตนเองไม่ได้ดูแลตนเองเลย การดูแลตนเอง ทำความเข้าใจตนเอง รู้จักตนเอง และฝึกฝนตนเอง จะนำพาตนเองให้พ้นทุกข์ พ้นจากวัฏฏะสงสาร พบสุขอย่างนิรันดร ไม่มีเสื่อมคลาย ลูกกลับไม่ได้ทำเพื่อตนเองเลย ลืมความรักตนเองไปเลยเฝ้าแต่ทำให้ผู้อื่นมารักตนเสียจนไม่มีเหตุผล ต่อไปนี้พ่อขอให้เจ้าจงอย่าลืมความรักที่สองนี้ แล้วเจ้าจะพบสุขนิรันดร

 

                ความรักประการที่ ๓ ที่พ่อจะสอนลูก คือ ความรักนี้เป็นความรักที่จอมปลอม หาความมั่นคงเที่ยงแท้ไม่ได้เลย นั่นก็คือ ความรักใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ความรักในทั้งหมดนี้ เมื่อลูกได้รักเข้าไปแล้ว ลูกจะต้องสะเทือนใจอยู่เป็นเนืองนิจ หาความสุขสงบไม่ได้เลย เพราะลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหล่านี้ เมื่อมีขึ้นมาเมื่อไร หากเจ้าไม่ระวังทำใจหรือเข้าใจและพร้อมที่จะได้รับความเสื่อมแล้วเจ้าก็จะได้รับความทุกข์ตามมา

ทันที แล้วเจ้าจะพบว่า ความจอมปลอม เปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยงแท้เกิดขึ้นตามมา เพราะเมื่อมีลาภ ก็ต้องมีเสื่อมลาภ มียศ ก็ต้องมีเสื่อมยศ มีสรรเสริญ ก็ต้องมีนินทา มีสุข ก็ต้องมีทุกข์ตามมาเช่นกัน

    

    ลูกรัก จงมารู้จักความรักในข้อนี้เถิด แล้วเจ้าจงยกใจ กาย ของเจ้าออกจากความรักชนิดนี้เสีย จงอย่าสนใจในรักนี้เลย เพราะมันคือความรักที่จอมปลอม ไม่เที่ยงแท้น่ะลูกรักของพ่อ

 

                ความรักประการที่ ๔ เป็นความรักที่ต้องทุ่มเท และเต็มไปด้วยความผูกพันธ์ ห่วงใย เต็มไปด้วยภาระหาที่สุด หาที่ประมาณมิได้ นั่นก็คือ ความรักที่มีต่อ บุตร ธิดา ลูกหลาน บริวาร เจ้าจงพิจารณาให้เห็นว่า การที่เจ้ามีบุตร มีธิดา มีลูกหลานบริวารขึ้นมาแล้วนั้น ก็หมายถึงว่า ภาระความห่วงใยความผูกพันธ์อันมากมายได้บังเกิดขึ้นแล้วในชีวิตของเจ้าและจะต่อเนื่องไปอย่างนี้

ไม่มีจุดจบได้ง่าย ๆ ภาระ ความห่วงใย ความผูกพันธ์ที่เกิดขึ้นในใจและในกายของเจ้านี้ ทำให้เจ้าเกิดความหนักหน่วงแค่ไหนเจ้าคงได้รับสัมผัสแล้วและรู้แล้วนะ จงทำความเข้าใจและปฏิบัติหน้าที่ต่อไป อย่าได้ละเลยในพันธะนี้ จนกว่าจะถึงจุด จุดหนึ่งที่เขาเจริญเติบโตด้วยหลักธรรม การดำเนินชีวิต และเข้าในชีวิตของเขา ภาระและความผูกพันธ์นี้ก็จะค่อย ๆ คลายตัว ผ่อนหนักเป็นเบาไปเอง

               

   ความรักประการที่ ๕ เป็นความรักสุดท้ายที่พ่อจะสอนให้เจ้า ความรักนี้ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่มากมาย หาที่สุด ที่ประมาณไม่ได้ หาได้ง่าย แต่คนส่วนใหญ่หาได้มองเห็นได้ง่าย ๆ ไม่ นั่นก็คือ "ความรักที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงรักและเมตตาต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลาย ที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสารนี้"

          

พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะนำพาสัตว์น้อยใหญ่ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากภัยของวัฏฏะสงสารนี้ เมื่อพระองค์ทรงบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์จึงได้เที่ยวสั่งสอนเวไนยสัตว์ทั้งหลายให้เข้าถึงซึ่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพื่อต้องให้เข้าถึงอริยมรรค อริยผล และเข้าถึงซึ่งพระนิพพานต่อไป ความรักของพระองค์ที่มีต่อสรรพสัตว์นั้น หาที่สุด หาที่ประมาณมิได้เลย

 

                ลูกรัก เจ้าเข้าใจความรักแล้วหรือยัง จงเห็นปกติธรรมดาของความรักแต่ละชนิดนี้ เจ้าจงเลือกเอาว่า เจ้าจะต้องการความรักแบบไหน ชนิดไหน ที่ทำให้เจ้ามีความสุขที่สุดและเป็นความสุขที่แท้จริงตลอดไปน่ะลูกนะ ความรักที่เจ้าเคยพลาดตกหลุมเข้าไปแล้ว ก็จงใช้สติปัญญาประคับประคองไปจนถึงจุด จุดหนึ่ง แล้วมันจะค่อย ๆ คลายตัวไปเองนะจ๊ะ ลูกรักของพ่อ

                ลูกจง สงบ สดชื่น เบิกบาน แจ่มใส เหมือนเดิมของลูกน่ะ ชีวิตรักหากไม่ใช้ปัญญา ก็มีพิษ รับพิษ พบพิษอย่างหนักหน่วงน่ะ ลูกเอ๋ย........ สาธุ.....สาธุ.....สาธุ

 

 

ที่มาของเรื่องนี้

                เป็นผลมาจากการปฏิบัติพระกรรมฐานของท่านผู้หนึ่ง (ขณะนี้ยังมีชีวิตอยู่) ซึ่งท่านปฏิบัติพระกรรมฐานตามคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ (ฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง อุทัยธานี เป็นเวลานานมาแล้ว ท่านได้รับสัมผัสทางจิตจากท่านที่ละสังขารไปแล้ว มาสั่งสอนให้ความรู้นี้แก่ท่าน และท่านได้เล่าให้ข้าพเจ้า(เจ้าของบทความ)ฟัง ข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์อย่างมากข้าพเจ้าจึงขออนุญาตจากท่านเพื่อนำเอามาลงเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ทท่านก็เมตตาอนุญาต โดยเขียนต้นฉบับมาให้ตามที่ท่านได้รับสัมผัสมาโดยตรงทุกประการ มิได้แต่งขึ้นเองเลย นอกจากจะเปลี่ยนใช้คำพูดที่ง่ายต่อการเข้าใจของท่านผู้อ่านเพียงบางคำเท่านั้น

 

      สำหรับก้ามปูอ่านแล้ว รู้สึกว่าสบายใจ และ มองเห็นว่าปัญหาหลายๆ อย่างที่เราแก้ไข ไม่ตรงจุด เพราะเราไม่ได้ใช้ปัญญา และ แนวคิด แห่งความสุข สงบ  แต่เราใช้ปัญญาแห่งชัยชนะ  ทำให้เกิดปํญาหาตามมาอีกหลายปัญหา  เมื่อเราเริม มองหา เริ่มทบทวนที่จะใช้แนวคิดแห่งความสุข สงบ  เราก็จะแก้ปัญหา ได้ด้วยความสุข และ สงบ หรือท่านอื่นมองเห็นเป็นอย่างไรบ้างคะ

 

 

หมายเลขบันทึก: 186109เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2008 12:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ติดยึดในลาภยศ
คือการลดทอนคุณค่าความเป็นคน
แต่ก็มากมายเหลือทน
ที่ดิ้นรน, ...ตะเกียกตะกาย

 

สวัสดีคะ แผ่นดิน

  • ขอบคุณคะ ที่ให้คิด อีกมุมหนึ่งคะ
  • กับดักชีวิต หรือเปล่าคะเนี่ย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท