ผมกลับจากทำงาน ถึงบ้านเวลาประมาณ 17.30 น. คำนวณเวลาเหลืออีกประมาณ 1 ชั่วโมง ยังทำงานในสวนได้อีกเยอะ รีบคว้าจอบไปถางหญ้าโคนต้นยางที่พึ่งปลูกใหม่ หรือไม่ก็ถือกรรไกรตัดแขนงยาง ซึ่งต้องปลิดกิ่งแขนงทุก 7 -10 วัน
กิ่งแขนงที่งอกออกจากลำต้นหลัก ต้องปลิดทิ้ง
ตลอดระยะเวลา 1-2 ปีแรก หรือไม่ก็เอาเครื่องตัดหญ้าไปร่อนหญ้าอย่าให้มันยาวขึ้นคลุมยอดยาง บ่อยครั้งที่ผมเจอกับ"พี่กัน" ที่พี่แกจะขยันกว่าผมอีก ก็สวนยางของพี่กันนี่แหละที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผมทำนาข้าวเป็นสวนยางครับ
ภาพสวนยางของพี่กัน อายุ 18 เดือน บันทึกก่อนวันฌาปณกิจ 1 วัน (5มิ.ย. 51)
เมื่อเย็นวันที่ 2 มิถุนายน 2551 ผมขับรถกลับไปถึงหน้าบ้าน เห็นน้องสาวกวักมือเรียกบอกข่าวร้าย "พี่กันถูกยิง" บนถนนห่างจากบ้านไปประมาณเจ็ดแปดร้อยเมตร ปะติดปะต่อได้ใจความว่าพี่กันเลิกงานประมาณห้าโมงเย็นแล้วขับมอไซค์กลับบ้าน จากอู่ซ่อมรถยนต์ที่พี่กันทำงานอยู่ เป็นอู่เล็กๆ ทำแบบธุรกิจส่วนตัว ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ห่างจากสถานีรถไฟปัตตานีประมาณ 200 เมตร ทุกวันแกจะเดินทางไปที่อู่เวลาประมาณ 7.00 น. และจะกลับถึงบ้านเวลาประมาณ 17.30 น. ขณะขับมอไซค์คันเก่ากลับบ้านมาได้ประมาณ 3 ก.ม. เหลืออีกประมาณ 1 ก.ม. จะถึงบ้านอยู่แล้ว พี่กันถูกคนร้ายขับรถมอไซค์ 2 คันประกบสาดกระสุนขนาด .38 จำนวน 3 นัด รถล้มคว่ำตายคาที่ ในคูห่างจากบ้าผู้คนเพียง 20 เมตร สมใจผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แกเคยถูกตัดทำลายต้นยางอายุ 2 ปี พร้อมกับสวนของชาวบ้านใกล้เคียงอีก 3- 4 คน มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่แกก็ยังสู้ทำอยู่
ต้นยางของพี่กัน เทียบกับของผม อายุ 12 เดือน จะเห็นร่องรอยวัวกัดกินยอด เมื่อยางอายุได้ 3 เดือน
จนถึงวันที่บันทึกนี้ นาข้าวที่แปลงเป็นสวนยางของแกก็จะขาดคนดูแลให้สวยงามเช่นแต่ก่อนแล้วครับ ลูกและภรรยาคงต้องแบกภาระอันหนักหน่วงนี้ต่อไป ที่หน้าเศร้ากว่า คือ พอค่ำลงมีรายงานข่าวว่า ตำรวจอำเภอบันนังสตาร์ จังหวัดยะลาโดนถล่ม อาการสาหัส แล้วตามด้วยข่าวผู้ใหญ่ในกองทัพบกออกรายการทีวีทางช่อง 5 ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้สถานการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นเป็นลำดับ โถ ! มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงโดยสิ้นเชิง