ข. เทคนิคพื้นฐานเพื่อการมีส่วนร่วม
ในการทำงานของวิทยากรเครือข่ายชุมชน เพื่อให้เกิดผลสำเร็จวิทยากรเครือข่ายชุมชนควรต้องมีเทคนิคพื้นฐานเพื่อการมีส่วนร่วมในการจัดเวทีประชาคม ซึ่งเวทีประชาคมเป็นการพบปะของผู้คนที่มีความหลากหลายด้านข้อมูล ประสบการณ์ และความคิดมารวมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ ความคิด เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ วิเคราะห์สถานการณ์ ปัญหา วางแผนงาน ดำเนินงานและติดตามประเมินการทำงานร่วมกัน โดยใช้ความแตกต่างหลากหลายของแต่ละคนเป็นจุดแข็งในการทวีคูณความสำเร็จซึ่งเทคนิคพื้นฐานเพื่อการมีส่วนร่วมมีดังนี้
1. กระบวนการกลุ่ม ( group process )
เป็นกระบวนการที่มีความจำเป็นที่นำมาใช้ในการจัดเวทีประชาคมเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมสูงสุด ( maximum performance ) ซึ่งทำให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด วิทยากรเครือข่ายชุมชนและผู้ใช้กระบวนการกลุ่มควรมีความเข้าใจและมีทักษะในกระบวนการมีส่วนร่วมแบบต่าง ๆ( เช่น Particpatory Rural Aprasial PRA , Appreciation– Influence – Control AIC, Future Search Conference FSC ) รวมทั้งทักษะในเทคนิคพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพการสร้างมิตรภาพและเจตนารมณ์ร่วมหลอมรวมความแตกต่าง การบริหารจัดการความขัดแย้งภายในกลุ่มการคิดเป็นระบบ การระดมสมอง และการมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่มหลักการทำงานแบบมีส่วนร่วม ( Participatory Performance )
การทำงานแบบมีส่วนร่วมอาศัยหลักการทำงานที่ยึดสมาชิกของกลุ่มเป็นศูนย์กลาง( ไม่ใช่ประธานหรือวิทยากร ) โดยสมาชิกผู้สร้างผลงานจากประสบการณ์เดิม การทำงานแบบมีส่วนร่วมมีหลักสำคัญ 5 ประการ
1) เป็นการทำงานที่อาศัยประสบการณ์เดิมของสมาชิก
2) ทำให้เกิดประโยชน์ การเรียนรู้ใหม่ๆ ความคิดใหม่ที่ท้าทายอย่างต่อเนื่องเป็นการทำงานที่เรียกว่า Active performance
3) ปฏิสัมพันธ์ ที่มีทำให้เกิดการขยายตัวของเครือข่ายความคิดที่ทุกคนมีอยู่ออกไปอย่างกว้างขวาง
4) มีการสื่อสารโดยการพูด การเขียน เป็นเครื่องมือในการแลกเปลี่ยนวิเคราะห์และสังเคราะห์ความคิด
2. เทคนิคการสร้างอนาคตร่วมกัน ( Future Search Conference = F.S.C. )
F.S.C.เป็นเทคนิคการประชุมแบบมีส่วนร่วมที่พัฒนาจากหลักการทางสังคมจิตวิทยาโดยภาคธุรกิจในอังกฤษและสหรัฐอเมริกามีการพัฒนามาตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา องค์กรอื่น ๆ นอกจากภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ ได้นำเทคนิค F.S.C. ไปใช้อย่างแพร่หลายอย่างไรก็ตาม F.S.C. เพิ่งนำมาใช้ในประเทศไทยเพียง 6 ปีเท่านั้นและยังใช้อยู่ในวงจำกัด องค์การสหประชาชาติ (UNFPA) ร่วมกับFIT (Foundation for International Training Canada) และสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทยนำมาใช้และเผยแพร่ ่ตั้งแต่ปี 2539
F.S.C. เป็นกระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการของผู้แทนกลุ่มหลายประเภท หลายระดับซึ่งต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนั้นมาร่วมกันทำงานโดยนำประสบการณ์ของแต่ละคนมาสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกันในเรื่องนั้นและได้แผนหรือแนวทางปฏิบัติให้ไปถึงวิสัยทัศน์ร่วมของกลุ่ม โดยมีจิตสำนึกพันธสัญญาร่วมกัน เป็นกระบวนการที่ใช้อนาคตเป็นจุดประสงค์ที่เต็มไปด้วยความหวังในการทำงานแทนการใช้ปัญหาและการแก้ไขปัญหาเป็นตัวตั้งในการทำงานซึ่งมักทำให้เกิดการขัดแย้ง รู้สึกท้อแท้สิ้นหวังในการแก้ปัญหา F.S.C.ช่วยทำให้เป้าหมายระยะยาวและแนวทางของกลุ่มหรือองค์กรชัดเจนขึ้น เป็นเป้าหมายร่วมกันที่สมาชิกทุกคนยอมรับ และช่วยเพิ่มพันธสัญญาของสมาชิกในการร่วมมือปฏิบัติตามแผนงานหรือแนวทางของกลุ่มเพื่อไปสู่อนาคตร่วมกันของกลุ่มตามที่ตกลงกันไว้
F.S.C. มีวัตถุประสงค์ดังนี้
1. ร่วมกันทำความเข้าใจสถานการณ์ในอดีตและปัจจุบันที่มีความเชื่อมโยง ซึ่งจะมีผลกระทบในอนาคต
2. เพื่อเสนอภาพรวมของสถานการณ์ปัจจุบัน
3. เพื่อลงมติและสร้างพันธสัญญาในการมีวิสัยทัศน์ของอนาคตร่วมกัน
4. เพื่อรวบรวมแนวคิด ความเข้าใจ ข้อมูลพื้นฐาน แผนปฏิบัติการที่จะใช้ในการสร้างอนาคตร่วมกันผลจากการประชุม
F.S.C. จะทำให้
1. เข้าใจปัจจัย องค์ประกอบเหตุการณ์ในอดีตที่มีผลต่อสภาพปัจจุบันและแนวโน้มที่มีผลกระทบต่ออนาคต
2. ทุกคนเห็นภาพรวมเป็นภาพเดียวกัน เกิดวิสัยทัศน์ในอนาคตร่วมกันที่เต็มไปด้วยความหวังและพันธสัญญาร่วมกัน
3. ทุกคนเกิดความตระหนัก ได้แลกเปลี่ยนความคิดใหม่ ๆ ร่วมกัน เป็นการขยายเครือข่ายมีสัมพันธภาพที่ดี เข้าใจและเห็นคุณค่าซึ่งกันและกันความคิดทุกอย่างอยู่ในสมองของทุกคนและตระหนักว่าทุกคนลงเรือลำเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายปลายทางร่วมกัน มีแผนงานที่ชัดเจนร่วมกัน
บทบาทของผู้เข้าร่วมประชุม
1. เป็นผู้ค้นหาข้อมูล ให้ข้อมูล ประสบการณ์ วิเคราะห์ข้อมูล
2. ช่วยกันทำงานภายในกลุ่มตามที่ได้รับมอบหมายให้ทันเวลาที่กำหนด
3. ช่วยกันสร้างภาพของอนาคตที่พึงปรารถนา
4. ค้นหา “ความคิดเห็นร่วมของกลุ่ม”
5. ช่วยกันกำหนดกิจกรรมที่จะนำ “ความคิดเห็นร่วม” ไปสู่การปฏิบัติ
6. ในกลุ่มย่อยให้มีการแบ่งหน้าที่เป็นผู้นำสนทนา ผู้บันทึก ผู้ควบคุมเวลา ผู้ควบคุมแผ่นพลิก โฆษกและให้หมุนเวียนสับเปลี่ยนหน้าที่กันในแต่ละกิจกรรม
3. กระบวนการ A-I-C (Appreciation – Influence - Control )
A-I-C เป็นเทคนิคการประชุมแบบมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ ที่การระดมสมองทำให้เกิดความเข้าใจสภาพปัญหา ขีดจำกัด ความต้องการและศักยภาพของผู้เกี่ยวข้องในเรื่องต่าง ๆ งานที่ได้จากการประชุมมาจากความคิดของทุกคนโครงสร้างกระบวนการ F.S.C. จะคล้ายคลึงกับ A-I-C เพียงแต่กระบวนการA-I-C มีลำดับขั้นตอนไม่ซับซ้อนเท่า F.S.C.
ความหมาย
A – Appreciation
คือ การยอมรับชื่นชม (Appreciate) ความคิดเห็นความรู้สึกของเพื่อนสมาชิกในกลุ่มด้วยความเข้าใจในประสบการณ์สภาพและขีดจำกัดของเพื่อนสมาชิกแต่ละคน จึงไม่รู้สึกต่อต้านหรือวิจารณ์เชิงลบในความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิก ทุกคนในกลุ่มมีโอกาสให้ข้อมูลข้อเท็จจริง เหตุผลความรู้สึกและการแสดงออก ตามที่เป็นจริงเกิดการยอมรับซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกที่มีเมตตาต่อกันเกิดพลังร่วมและความรู้สึกเป็นเครือข่าย เป็นประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม
I – Influence
คือ การใช้ประสบการณ์ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของแต่ละคนที่มีอยู่ มาช่วยกันกำหนดวิธีการสำคัญ ยุทธศาสตร์เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ร่วมหรืออุดมการณ์ร่วมของกลุ่มจะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันมากมีการถกแถลงด้วยเหตุผลทั้งในประเด็นที่เห็นด้วยและเห็นแย้งจนได้วิธีการที่กลุ่มเห็นร่วม
C – Control
คือ การนำยุทธศาสตร์ วิธีสำคัญ มากำหนดแผนปฏิบัติการโดยละเอียดสมาชิกจะเลือกว่าตนเองสามารถรับผิดชอบในเรื่องใดด้วยความสมัครใจ ทำให้เกิด พันธสัญญาข้อผูกพัน(Commitment) แก่ตนเอง (Control) ให้ปฏิบัติจนบรรลุตามเป้าหมายร่วมของกลุ่มกระบวนการ A-I-C จะใช้การวาดภาพ
เพื่อสะท้อนประสบการณ์ในอดีต สภาพปัจจุบันกับจินตนาการถึงความมุ่งหวังในอนาคตของสมาชิกทุกคน โดยให้แต่ละคนวาดภาพของตนก่อน นำภาพของทุกคนมาวางรวมกันบนกระดาษแผ่นใหญ่แล้วจึงต่อเติมรวมภาพของแต่ละคนให้กลมกลืนเป็นภาพใหญ่ของกลุ่มเพียงภาพเดียว
การวาดภาพเป็นการกระตุ้นให้สมาชิกสะท้อนสิ่งที่มีอยู่ภายในจิตใจออกมาอย่างแท้จริงบางเรื่องราวไม่สะดวกใจที่จะพูดโดยเปิดเผยก็สามารถสะท้อนออกมาเป็นภาพหรือสัญลักษณ์รูปทรงสีแทนการพูด เขียนหนังสือ เปิดโอกาสให้ผู้อื่นซักถามข้อมูลความหมายจากภาพได้อย่างละเอียดลึกซึ้งใช้เป็นสื่อกระตุ้นให้สมาชิกที่ไม่ค่อยหล้าพูดได้ร่วมอภิปรายความคิด ประสบการณ์ตนเอง การวาดภาพช่วยสร้างบรรยากาศความเป็นกันเอง
การรวมภาพความคิดของแต่ละคนเป็นภาพรวมของกลุ่มทำได้ง่ายและเป็นรูปธรรมมากกว่าการพยายามรวมแนวคิดของแต่ละคนโดยการอภิปรายหรือการเขียนเป็นสื่อถึงความ รู้สึกเป็นเจ้าของภาพร่วมกัน และการมีส่วนร่วมในการสร้างกรอบความคิดตามภาพของกลุ่ม
โดยทั่วไปผู้ใหญ่กังวลว่าไม่มีความสามารถในการวาดภาพจึงควรชี้แจงว่าการวาดภาพไม่เน้นความสวยงาม หากเน้นความหมายที่ปรากฏเป็นภาพ ผู้วาดอาจใช้สีเป็นสัญลักษณ์แทนภาพเหมือนก็ได้ แผนภูมิ กระบวนการประชุมเชิงปฏิบัติการ A-I-C
เอกสารหลักสูตรเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนท้องถิ่น
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
กระบวนทัศน์ใหม่
|
สวัสดีค่ะ
- แวะมาทักทายค่ะ
ขอเรียนรู้ด้วยคนค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ เพชรน้อย
สวัสดีค่ะ อ.กัญญา
สวัสดีค่ะ ป้าแดง