มิตรแท้ผู้แปรพักตร์
สุภาษิตจีนมีคำกล่าวไว้ว่า ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวร นมวัวน่าจะจัดเป็นกลุ่มแรกมากกว่า นั่นคือ นมถูกมองว่าเป็นพระเอกไปเสียทุกเรื่อง แต่ก็มีความจริง บางอย่างเกี่ยวกับนมวัวที่ถูกปกปิดเอาไว้ ความจริงที่ว่านี้บริษัทนมอาจไม่อยากบอกให้คุณรู้ก็ได้
จากข้อสังเกตที่ว่า คนอเมริกันกินนมเยอะที่สุดและมีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินพ่วงตามมาด้วย ผู้ชายอ้วน 27% ผู้หญิง 46% ในขณะที่สถิติเรื่องอ้วนในคนไทย มีแค่ประมาณ 20% ทั้งหญิงและชาย
เรื่องเบาหวานในคนอเมริกันก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ ขอกระซิบเบาๆ ว่า คนอเมริกันเป็นเบาหวานมากกว่าคนไทย 3 เท่าเชียวนะ สถิติโรคกระดูกพรุน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง ในคนอเมริกัน ล้วนแล้วแต่สูงกว่าคนไทยทั้งสิ้น น่าแปลกที่ฝรั่งที่มาสอนให้เราดื่มนมป้องกันกระดูกพรุน กลับมีอัตราเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากกว่าเราเกือบ 9 เท่า !
จึงมีคนเอะใจว่า การกินอาหารแบบอเมริกันน่าจะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เราเจ็บป่วยเสียแล้ว และเรื่องนมวัวก็ไม่หลุดรอดจากการตรวจสอบไปได้ ผลจากการตรวจสอบเราพบว่า ปัญหาจากนมวัวเกิดเพราะสถานการณ์ต่างๆ ในโลกได้เปลี่ยนไป
สุขภาพคนไทยเปลี่ยนจากทุโภชนาการเป็นโภชนาการล้นเกิน
สถานการณ์แรกที่ต้องคิดถึงก็คือ การรณรงค์ให้ดื่มนมวัวเริ่มสมัยหลังสงครามโลกใหม่ๆ สมัยนั้นเป็นสมัยที่คนไทย ยังขาดอาหารอยู่ มีภาวะทุโภชนาการอยู่ทั่วไป แต่ปัจจุบันสถานการณ์ได้เปลี่ยนไปในทางตรงกันข้ามคนไทยมี อาหารการกินอย่างเหลือเฟือจนโรคอ้วนถามหากันเป็นทิวแถว การมาส่งเสริมให้ดื่มนมกลับเป็นการซ้ำเติมโรคอ้วน ให้แย่ลงไปอีก
มีวิจัยว่า นมวัวเป็นสาเหตุของโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง และโรคหัวใจหลอดเลือด แม้ว่าคุณจะดื่มนม พร่องไขมันแล้วก็ตาม แต่คำว่าพร่องไขมันในที่นี้เป็นการเล่นคำ เพราะพร่องไขมันก็คือยังมีไขมันอยู่ แต่น้อยกว่าปกติเท่านั้นเอง
มีการนำเอาเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติในจังหวัดเชียงใหม่มาตรวจหาระดับไขมันในเลือดดู พบว่าเด็กเหล่านี้ ที่ถูกเลี้ยงดูให้กินนมต่างน้ำ มีไขมันสูง ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีสูงถึง 25% อายุ 6-15 ปีมีถึง 70% และระดับไขมันก็จะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ นั่นหมายความว่าเด็กเหล่านี้เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มสาว เขาก็มีปัญหาไขมันอุดตันเป็นที่เรียบร้อย แล้ว
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ - ไซนัสอักเสบ - หอบหืด
นมวัวเพิ่มความเสี่ยงต่อภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ และหอบหืดในคนไทยด้วย เพราะว่าพันธุกรรมของคนไทยนั้นมักจะแพ้ต่อนมวัว เคยมีการวิจัยในอาสาสมัครคนไทยที่ให้ดื่มนมวัว แล้วนำมาส่องดูเยื่อบุโพรงจมูกและเยื่อบุลำไส้ พบว่าคนเหล่านี้มีอาการบวมของเยื่อบุโพรงจมูกและลำไส้ถึง 100%
ดื่มนมเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
เนื่องจากนมเป็นสาเหตุที่สำคัญของไขมันในเลือดสูง ดังนั้นนมจึงมีส่วนเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ด้วย ทั้งนี้นิ่วในถุงน้ำดีบางส่วนเกิดจากการที่มีสมดุลของน้ำดี ีและไขมันผิดปกติ ทำให้น้ำดีตกตะกอนเป็นนิ่วได้
ดื่มนม…มะเร็งอาจถามหา
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1950-1975 หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม นักวิจัยชาวญี่ปุ่นพบว่าคนญี่ปุ่นดื่มนมเพิ่มขึ้น 15 เท่า กินเนื้อสัตว์เพิ่ม 7.5 เท่า ผลก็คือในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้หญิงญี่ปุ่น ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้มากกว่าเดิม 300% ซึ่งตรงกับงานวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติอเมริกาที่ว่า อาหารไขมันอิ่มตัวสูงเพิ่มความเสี่ยง
ต่อโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม
การประชุมกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (WCRF) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (AICR) ก็มีงานวิจัยการสรุปออกมาเหมือนกันว่านมเป็นปัจจัยเสี่ยงอย่างหนึ่งของมะเร็ง แต่ด้วย ความเกรงใจบริษัทที่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องนี้ ก็เลยมีการแก้ไขถ้อยคำให้รุนแรงน้อยลงหน่อยว่า นมอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็ง
นมไม่ใช่แหล่งอาหารที่ดีที่สุด
การวิจัยว่าการที่ชาวตะวันตกเกิดโรคมากมายมีผลมาจากการดื่มนม 150 ลิตร/ปี หรือเฉลี่ยคือการดื่มนมมากเกิน 1.6 แก้ว/วัน แต่อย่าลืมนะว่าฝรั่งน่ะตัวใหญ่กว่าเรานะ ดังนั้นการออกมารณรงค์ให้คนไทยที่ดื่มนมวันละ 1 แก้วก็นับว่ามากจนเกินไป
ที่มา : นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล ศูนย์ธรรมชาติบำบัดบัลวี
สวัสดีค่ะคุณหนุ่ย
ดีเลยเราไม่ค่อยชอบดื่มนมวัว แต่ชอบนมถั่วเหลือง
ขอบคุณจ๊ะ