เกริ่นนำเรื่องขำๆในงานคุณภาพ


ความเครียด มันพร้อมที่จะเข้ามา และฝังตัวอยู่ในความรู้สึกของคนเราตลอดเวลา แต่เราก็สามารถอยู่กับมันได้อย่างสบายๆ

       เกริ่นนำเรื่องขำๆในงานคุณภาพ

      สิ่งที่มาโดยที่ไม่ต้องเชื้อเชิญของคนทำงานคุณภาพ คือความเครียด มันพร้อมที่จะเข้ามา และฝังตัวอยู่ในความรู้สึกของคนเราตลอดเวลา แต่เราก็สามารถอยู่กับมันได้อย่างสบายๆ หลายคนบอกว่าทำงานคุณภาพแล้วเครียดจริง เลยเลิกทำและก็เกิดความเหงาเลยกับมาทำอีก

        อาทิตย์ที่ผ่านมาก็มีเพื่อนหลายคนคุยเรื่องการทำคุณภาพในโรงพยาบาล แล้วก็เครียดในหลายสถานะ หลายคน ผู้อำนวยการก็เครียดที่ต้องดูการพัฒนาคุณภาพทั้งโรงพยาบาลตอนแรกๆก็ 5 ส.ต่อมาก็ PSO ไปๆมาๆก็  HA ไปถือศีลกับมาก็ pmqa เลยบอกทีมให้ตั้งสติ ทีมงานต่างๆบอกว่าก็เครียด หัวหน้าหน่วยงานเครียดกว่า เจ้าหน้าที่ก็เครียดมาก ที่ปรึกษาและผู้เยี่ยมสำรวจเครียดที่สุด ฮา..(เอาความเครียดทุกคนมารวมกัน)(รู้มั้ยเราก็เครียด)

         แสดงว่าทุกคนอยู่กับมันได้อย่างน้อยก็ตลอดเวลาที่ได้เข้ามาอยู่ ณ ที่นี้ มีอะไรหนอที่มาทำให้ความเครียดเราหายไป......ความสุขและเสียงหัวเราะทำให้เราผ่อนคลายลงได้ ผมจึงได้เปิอพื้นที่ในการแบ่งปันเรื่องเล่าขำๆที่เรียกเสีงหัวเราะ เพื่อเพิ่มความสุขให้แก่ที่แวะเวียนมาที่แห่งนี้

         เรียนเชิญนะครับ

หมายเลขบันทึก: 191963เขียนเมื่อ 3 กรกฎาคม 2008 13:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 10:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

พื้นที่นี้เป็นที่สะบายๆและคลายเครียดจากการทำงานคุณภาพ

เกริ่นนำต่อนะครับ

ในระยะนี้ได้มีโอกาสออกไปสร้างกระบวนการเรียนรู้ตามพื้นที่ต่างๆทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด ในขณะเริ่มสร้างการเรียนรู้ หรือเข้ากลุ่มการเรียนรู้ส่วนใหญ่แล้วก็จะอยู่กลุ่มละ 4-5 คนเท่านั้นและพบเสมอว่าคนในกลุ่มไม่ค่อยคุยกันผมมักจะสร้างให้กลุ่มได้เรียนรู้ว่าอะไรหนอทำให้เราไม่คุยกัน โดยยกตัวอย่างให้ทุกคนได้นึกถึงเด็กเล็กๆ หากเราให้เขามาอยู่ใกล้กันทั้งที่ไม่รู้จักกันสักพักเขาก็พูดคุยกันได้ เล่นด้วยกันมีเสียงหัวเราะก็จะตามออกมาจากกลุ่มเด็กเหล่านั้นความสุข ความผ่อนคลายเกิดขึ้น

ศาสตราจารย์คริสตี เดวิส แห่งมหาวิทยาลัยรีดดิง ในประเทศอังกฤษได้ศึกษาอารมณ์ขันของคนทั่วโดยและพบว่าอารมณ์ขันมีความสัมพันธ์กับความสุขของมนุษย์เป็นอย่างมาก เด็กเล็กๆจะหัวเราะประมาณ 300 ครั้งต่อวัน ผู้ใหญ่ประมาณ 17 ครั้งต่อวัน และยังพบอีกว่าชาวยิวร่ำรวยอารมณ์ขันมากที่สุดในโลก และเดวิส ไม่ได้บอกว่าใครมีอารมณ์ขันน้อยที่สุดแต่ตั้งข้อสังเกตว่าชาวญี่ปุ่นไม่มีอารมณ์ขัน (หากใครเล่าเรื่องขำ หรือตลกแล้วเป็นเรื่องเสียมารยาท)

จากการศึกษาของ ดร.เลสลีย์ฮาร์บิดจ์ แห่งมหาวิทยาลัยอะเบอร์ดีน เขาพบว่าการหัวเราะมีหลายลักษณะการหัวเราะคึกคักเป็นคนที่ยังมีความเป็นเด็ก คนที่หัวเราะร่วนเป็นคนไว้ใจได้และเป็นมิตร คนหัวเราะหึๆเป็นคนใจดีและรอบครอบ คนที่หัวเราะกิ๊กกั๊กเป็นคนมีเสน่าห์ทางเพศ และชอบหว่านเสน่ห์ คนที่หัวเราะก๊ากมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น คนที่หัวเราะเสียงลั่นมักเรียกร้องความสนใจ และคนเค้นเสียงหัวเราะมีแนวโน้มจะวางตัวเหนือผู้อื่น

ในความคิดเห็นของผู้เชียวชาญการหัวเราะ (โพรไวน์)ได้บอกว่าการหัวเราะของมนุษย์เราเกิดจากการรับรู้ของจิตใต้สำนึก หญิงจะมีเสีงหัวเราะมากกว่าเกือบสองเท่าเมื่อฟังผู้ชายพูดเทียบกับผู้ชายที่ฟังผู้หญิงพูด อายุที่มีเสียงหัวเราะน้อยที่สุดคือ 45 ปี คือเฉลี่ย 0.7 ครั้งต่อวัน หลายกำลังเดินเข้าไปใกล้จุดนี้ ส่วนผมเลยมาแล้วกำลังเรียกเสียงหัวเราะกลับคืนมา

ผู้สันทัดกรณีเรื่องขำขัน กล่าวว่าคนที่มีเสียงหัวเราะบ่อยๆจะมีความเครียดน้อยลง ใบหน้าจะเต่งตึงแก่ช้าทั้งนี้เพราะว่าการหัวเราะเป็นการเปล่งเสียงออกมาต่อเนื่องซ้ำๆทุกหนึ่งในห้าวินาทีและต้องขยับกล้ามเนื้อใบหน้า 15 ส่วน อย่างแหละที่ทำให้ชลอความแก่

 

.............................................................

 

การเล่าเรื่องขำขันเป็นศิลปที่ฝึกได้

เวลาเรานำการเรียนรู้ เรื่องขำขันก็จะถูกนำมากล่าวถึงโดยเฉพาะตอนบ่ายๆที่ปัจจัยภายในร่างกายเอื้อจริงๆ หากปัจจัยภายนอกเป็นโอกาสอีก ผมก็เห็นเพื่อนรวมห้องประชุมเริ่มตอกเสาเข็มแล้ว บางท่านแรกๆ เขินก็ต้นเดียว สักพักก็ต้องใช้สองต้นที่ทำให้ฐานมั่นคงมากขึ้น หากไม่อย่างนั้นเราก็จะพบเห็นผู้เข้ารวมประชุมแสดงความเคารพวิทยากรเป็นระยะ และหากเราเห็น หรือคนอื่นเห็นสักพักติดต่อกันเหมือนการแพร่ของเชื้อโรค ลองติดตามดูว่าเป็นจริงไหมเมื่อเรามองคนง่วงสักพักเดียว มันก็เข้ามาอยู่กับเราทันที(เป็นข้อมูลจากการวิจัยทางพฤติกรรมศาสตร์) ระยะหลังๆเวลาพวกเราไปเป็นกระบวนกร ก่อนที่จะเข้าเวลาเรียนรู้เราก็เลยนำพาเสียเลยสัก 20 นาที อาจารย์ที่โคราชท่านใช้คำว่า ผ่อนพักตระหนักรู้ ก็สดชื่นแล้ว มาเข้าคอร์ส อบรมกับทีมเราซิครับ... (ฮา)

ที่จริงในการเป็นวิทยากรมืออาชีพ หลายท่านได้เตรียมเรื่องขำ (มุข) ไว้เป็นระยะๆ เพื่อเรียกเสียงเฮ ฮาออกมาเป็นคราวๆ อย่างน้อย 7-10 นาทีครั้ง และเนียนไปกับเนื้อหาอย่างนี้ เรียกว่ามืออาชีพ นั้นหมายถึงว่าเราต้องเตรียมพื้นที่พอสมควรก่อนที่จะเล่า (เหมือนปลูกพืชผักต้องเตรียมดิน เตรียมพื้นที่ดี เรื่องดีมันก็ขึ้นเจริญงอกงามดี อย่างรวดเร็ว) และต้องสอดคล้องกับเรื่องนั้นอย่างนี้เรียกว่าได้ทั้งเนื้อ (หา) และน้ำ หากปล่อยมุขบ่อยเกินไป 3-5 นาทีต่อครั้งอย่างนั้นเป็นทอล์คโชว์หรือตลก หรือที่เราเรียกว่าน้ำท่วมทุ่ง(บางท่านก็มีเนื้อหา) (พูดด้วยถ้อยคำจำนวนมากแต่มีสาระจำนวนน้อย) หรือพวกที่พูดทื่อๆนั่งเกะโต๊ะเสียงชวนหลับอย่างนี้เอา VCD มาดู หรือเอาเทปมาฟังดีกว่า อย่างนี้ต้องเรียนเชิญท่านผู้อ่านตั้งชื่อให้หน่อย ......................เสียงหัวเราะ เสียงเฮ ฮา สารความสุขมันหลั่งออกมา และตรงนี้แหละครับการซึมซับ การรับความรู้มันเกิดมากขึ้นจริงนะครับ............

แล้วเราจะฝึกอย่างไรให้ปลอดภัย

          ไม่เคยเลยแต่อยากจะลองแล้วต้องทำอย่างไร? มีหลายคนถามวิทยากรหลักๆ ที่จริงการสร้างเรื่องขำขันมีนก็มีหลักการของมันเหมือนกัน (พวกนักวิชาการที่เกินๆก็อย่างนี้แหละ) เขาเรียกว่าหลักการสร้างมุข ตรงนี้ผมจำอาจารย์ ดร.วีระพล สุวรรณนันต์ สมัยที่ไปเรียนเรื่องแผนครบวงจรที่นิด้า มีหลักอยู่ 2 ข้อ คือ

1.   การเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นพอมาถึงตอนสุดท้ายต้องหักมุม คืออย่างที่คนคาดไม่ถึง หรือไม่คาดคิดมาก่อน

2.   การใช้น้ำเสียงในเริ่มต้นเป็นธรรมชาติมากที่สุด และตอนท้ายหักมุม ควรหยุดนิดหน่อย หักมุมตรงนี้แหละเล่นเสียงขึ้นมาเลยทันที

ลองมาดูตัวอย่าง ในบางครั้งผมนึกมุขอะไรไม่ออก ผมก็ถามตรงๆที่คนนึกไม่ถึง ต่อไปนี้เราจะใช้ตัวนี้เป็นตัวนำ หากเราเห็นมันแล้วละก็เราสามารถทำได้ทันทีเลย และมันคือตัวอะไร....................ตัวอย่าง...........................

......เพื่อนผมพอเริ่มอายุมากแล้วก็ได้รับมรดกจากบรรพบุรุษทั้งที่ตัวเองไม่อยากได้เลย และก็รับเอามาเต็มๆพร้อมทั้เข้าออกจากโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ (คนฟังคิดว่าเราจะพูดโรคเรื้อรังที่ติดมาทางพันธุกรรม ฟ้งต่อนะครับ) เป็นเบาหวานน้ำตาลในเลือดยังสูงขึ้นไม่หยุด ผมมาพบอีกทีนั่งกินข้าวเหนียวทุเรียนหน้าตาเฉยเลย ดีแล้วหรือเบาหวาน?  ดีขึ้นมากเลยเพื่อนตอบกลับมา  หมอทุกคนซิจุกจิกจริงๆ แล้วก็ยังรักษาไม่ได้เรื่อง แล้วนายทำอย่างไรนะถึงดีขึ้น ไม่อยากบอกนายเลย.........ก็เปลี่ยนหมอซิ...ฮา  หมอทุกคนใหม่ก็คุยกับเราดี้ดี...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท