โครงการศึกษาดูงานกระจายอำนาจสาธารณรัฐเกาหลี


ศึกษาดูงานกระจายอำนาจ

   

๑   มิถุนายน   ๒๕๕๑
เรียน  เพื่อนครู ผู้บริหารที่เคารพรักทุกท่าน
                    วันจันทร์ที่ ๒๖  พฤษภาคม  ๒๕๕๑  เข้าประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ หลักสี่ ภาคเช้า คุณหญิงกษมา  วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการ กพฐ. เป็นประธานการประชุมและมอบนโยบายในการจัดการศึกษาปีการศึกษา ๒๕๕๑ เน้นความทั่วถึงในการให้บริการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยจัดระบบข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วน ๑๐๐ %  ดูแลพื้นที่ที่มีการเรียนต่อต่ำ และให้ทำงานร่วมกับศูนย์การศึกษาพิเศษเรื่องคนพิการ  ความโปร่งใสในการทำงานทุกระดับ ปีที่ผ่านมาปัญหาการร้องเรียนลดลงมาก เขตต้องให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์และผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอาจต้องลงไปดูเองในบางประเด็นของปัญหา  ด้านความมีประสิทธิภาพในการทำงาน ให้ดูว่าโรงเรียนสามารถรองรับเด็กเสมอภาคกันหรือไม่  จัดโรงเรียนคู่พัฒนา ซึ่งปีที่แล้วบางคู่พัฒนาไปด้วยกัน แต่บางคู่กลับลดลง และบางคู่สลับกัน  ต้องใส่ใจนักเรียนที่จบไม่พร้อมรุ่นคือติด อ. ติด ร. และ มส.   ด้านค่าใช้จ่ายได้เพิ่มเงินอุดหนุนให้โรงเรียน  จัดการด้านอาคารสถานที่ และ ICT  จากการสำรวจของ สพฐ. พบว่าปีการศึกษา ๒๕๕๑ มีโรงเรียนที่ไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม ๖๓๙๔ โรง คิดเป็น ร้อยละ ๗๖.๘๙  เก็บต่ำกว่า ๕๐๐ บาท ๗๓๔ โรง คิดเป็นร้อยละ ๘.๘   จากนั้นมีการนำเสนอผลการติดตามการดำเนินงานของ สพท.ไปปรับกระบวนการทำงาน ภาคบ่ายมีการเสนอผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนไปใช้ปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน  พักบ่ายจึงออกจากห้องประชุมเดินทางกลับบ้านพักที่นนทบุรี เพื่อเตรียมกระเป๋าเดินทาง  ออกจากบ้านพักเวลา ๒๐.๐๐ น. โดยสารแท็กซี่ไปสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ค่าโดยสารตามมิเตอร์ ๓๒๐ บาท ค่าผ่านทางด่วน ๗๕ บาท ก็ยังถูกกว่าขับรถไปจอดไว้สนามบินเขาคิดวันละ ๕๐๐ บาท ๔ วัน ๒,๐๐๐ บาท  ถึงสนามบินพบสมาชิกพร้อมกันที่เคาน์เตอร์ D ประกอบด้วย คุณมณีรัตน์  ธีระเดชากุล ผู้เชี่ยวชาญ สพฐ. คุณปัญญา  แก้วเหล็ก ผอ.สพท.ลพบุรี เขต ๑ คุณทองปอนด์  สาดอ่อน ผอ.สพท.แพร่ เขต ๑ คุณสุวรรณ  เทียนขาว สำนักการคลังและสินทรัพย์  คุณจินตนา  คชะเทศ สำนักทดสอบทางการศึกษา  คุณเสาวลักษณ์ คงธนะ สำนักนโยบายและแผน คุณอรุณ  พรหมจรรย์ สำนักติดตามและประเมินผล คุณมานพ  แสงโนรี สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ  คุณชนินทร์  รอดมณี กลุ่มพัฒนาระบบบริหาร  คุณพรรณี  ศรีนวล สำนักติดตามและประเมินผล  คุณสุดารัตน์  ธีระกิตติวัฒนา หน่วยตรวจสอบภายใน  คุณสมศักดิ์  ฮดโท สพท.นนทบุรี เขต ๒ คุณสุนิตย์  ดีประหลาด สพท.จันทบุรี เขต ๑ คุณนำเกียรติยศ  แก้วหอมคำ สพท.ลพบุรี เขต ๑ คุณรัชนี  สินสืบผล  สำนักนโยบายและแผน   มี ดร.มนัส  ระวีธรรม ผู้จัดการบริษัทแปซิฟิก  เวิลด์ไวด์ เอ็กซเพรส คอยอำนวยความสะดวก เป็นการไปศึกษาดูงานตามโครงการศึกษาดูงานเชิงลึกด้านการพัฒนาประสิทธิภาพด้านบริหารจัดการ เพื่อรองรับการกระจายอำนาจสำหรับหัวหน้ากลุ่ม(ส่วนกลางและสพท.) ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี เป็นคณะเดินทางไปต่างประเทศที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับที่เคยเดินทางมา  หลัง check in เรียบร้อยผมเดินชมร้านค้า Duty fee ไปเรื่อย ๆ เพราะระยะทางค่อนข้างไกล  มีสายพานให้เดินผ่อนแรงบ้างเป็น ระยะ ๆ เวลา ๒๒.๕๐ น. จึงขึ้นรถลำเลียงของสนามบินไปขึ้นเครื่องการบินไทย เที่ยวบิน TG 656  แต่เสียเวลาค่อนข้างมากเพราะมีสัมภาระถูกโหลดลงใต้ท้องเครื่องแต่ไม่มีเจ้าของ สายการบินจึงต้องค้นหาและนำออกจากเครื่องบินเพื่อความปลอดภัย  และสักพักมีผู้โดยสารคนหนึ่งป่วยจนไม่สามารถเดินทางได้ต้องนำตัวส่งกลับสนามบิน 
                    วันอังคารที่ ๒๗ พฤษภาคม  ๒๕๕๑  เครื่องTake off เวลา ๐๐.๑๐ น.  และเมื่อบินที่ระดับความสูง ๓๘,๐๐๐ ฟุต พนักงานได้บริการอาหารว่าง  ผมหลับ ๆ ตื่น ๆตลอดเส้นทาง เพราะเสียงกรนของเพื่อนร่วมทางที่นั่งแถวเดียวกันซึ่งประดังมาชุมนุมกันถึง ๒ คน เวลา ๕.๐๐ น. การบินไทยบริการอาหารเช้าแก่ผู้โดยสาร ใช้เวลาประมาณ ๕ ชั่วโมงก็ถึงสนามบินนานาชาติอินซอน ของสาธารรัฐเกาหลี สภาพอากาศเต็มไปด้วยหมอกมองไม่เห็นอะไรเลย แต่นักบินก็นำเครื่องลงได้อย่างแม่นยำ  สนามบินนานาชาติอินชอน หรืออีกชื่อเรียกหนึ่งคือ สนามบินสีเขียว ตั้งอยู่บนเกาะยองจอง สนามบินนานาชาติแห่งนี้เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๐๐๑ หลังจากใช้เวลาในการก่อสร้างร่วม ๘ ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๙๒ โดยมีระยะทางห่างจากตัวกรุงโซลประมาณ ๕๒ กม. โดยใช้พื้นที่ของเกาะยองจองและเกาะยองยู และมีสะพานยองจอง ซึ่งมีความยาวกว่า ๔.๔๒ กม. และมียอดโดมสูง ๑๐๗ เมตร พวกเราผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรออกมาขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่หน้าสนามบิน  เวลาในเกาหลีขณะนี้ ๐๗.๓๐ น.  ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย ๒ ชั่วโมง  มัคคุเทศก์ที่มาต้อนรับพวกเราวันนี้เป็นนักศึกษาชาวไทยที่มาเรียนต่อในเกาหลีชื่อ "น้องแก้ว" และมีผู้ช่วยบริการชาวเกาหลีชื่อ "ศรราม" คนขับรถชื่อ "ลุงคิม" แม้จะเพิ่งอิ่มจากอาหารบนเครื่อง แต่คุณมนัส  ระวีธรรม ผู้จัดการบริษัทแปซิฟิกฯ นำพวกเราไปทานอาหารเช้ามื้อแรกในประเทศเกาหลี เป็นร้านอาหารของคนไทยชื่อ Aroi Ario เป็นข้าวต้มและกาแฟ  มองไปทิศไหนก็เจอแต่หมอกหนาทึบ  หลังอิ่มแล้วเรานั่งรถขึ้นสะพานข้ามทะเลอินซอนซึ่งยาวที่สุดในเกาหลี    รายการวันนี้ไม่มีการศึกษาดูงานในหน่วยงานและสถานศึกษา แต่เป็นการชมภูมิประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวของเกาหลี ทัวร์พาพวกเราย้อนเวลาหาอดีตของสมัยราชวงศ์โชซอน ราชวงศ์สุดท้ายของคาบสมุทรเกาหลีนำไปยังโรงถ่ายหนังจริงของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งเป็นเรื่องราวในประวัติศาสตร์จริงของผู้หญิงคนหนึ่ง แดจังกึม แดแปลว่ายิ่งใหญ่หรือสูงศักดิ์  จังกึมชื่อหญิงคนหนึ่งซึ่งอยู่ในชั้นต่ำสุดของสังคม แต่สามารถใช้พรสวรรค์ ความพากเพียร ขยัน และเรียนรู้ ต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆจนได้ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งหมอหลวงหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของวังหลวง เส้นทางไปสู่แดจังกึมพาร์ค  เมืองเจียงจู ซึ่งลงไปทางทิศใต้ของกรุงโซล สองข้างทางจะมีการปลูกข้าวในนาแปลงเล็ก ๆ สลับกับสวนผักที่มีหลังคาพลาสติกปรับอุณหภูมิโค้ง ๆ เรียงรายไปตลอดเส้นทาง เมื่อถึงภูเขาจะต้องลอดอุโมงค์ไปทะลุอีกด้าน ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงจึงถึงแดจังกึมพาร์ค ซึ่ง ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงามของไหล่เขา เราได้เรียนรู้และสัมผัสสถานที่จริงกับสิ่งปลูกสร้างแบบเกาหลียุคโบราณแบบต่างๆ กว่า 24 แห่ง ในพาร์คไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ อาหารการกิน การแต่งกาย ศาสตร์ของการแพทย์ เกมส์การเล่นต่างๆของชนชั้นวรรณะต่างๆ ในวัง ตลอดจนถึงชนชั้นของประชาชน ผมใช้เวลาเก็บภาพ พวกเราบางคนเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นตัวละครเกาหลีตามที่ตนเองชอบเพื่อถ่ายภาพ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการสำรวจห้องน้ำ เขาออกแบบได้สวยงาม สะอาด ในระดับเดียวกับญี่ปุ่น เที่ยงรับประทานอาหาร ณ ภัตตาคาร เมนู ชาบู ชาบู เห็ดหม้อไฟ - อาหารพื้นเมืองของคาบสมุทรเกาหลีตั้งแต่สมัยมองโกเลียบุกคาบสมุทรเกาหลี ลักษณะคล้ายสุกี้หม้อไฟของญี่ปุ่นโดยนำเครื่องเคียงต่างๆ เช่นผักหลากชนิด เห็ดตามฤดู หมูเบคอนที่จัดเตรียมไว้ มาจัดเรียงให้สวยงามในหม้อเวลาทาน เติมน้ำซุปชาบูปรุงรสแล้วต้มให้เดือด แล้วจึงนำอุด้งสดลงต้ม สามารถรับประทานเป็นอุด้งร้อน ทานพร้อมข้าวสวยร้อน น้ำจิ้มซีอิ๊วเกาหลี และเครื่องเคียง บ่ายพวกเราเดินทางไปยังเมืองชุนชอน เมืองที่ได้รับสมญานามว่า  THE CITY OF LAKE ฝั่งขวาเป็นแม่น้ำ ถนนเลียบแม่น้ำไปตลอด ด้านซ้ายเป็นภูเขามีรั้วกั้นข้างถนน และที่รั้วมีกุหลาบดอกโตสีแดงขึ้นอยู่ตลอดแนว รถมาจอดที่ท่าเรือข้ามฟากสำหรับโดยสารไปยังเกาะนามิ ที่มองเห็นอยู่กลางแม่น้ำ ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาทีก็ถึงสถานที่โรแมนติคอีกแห่งหนึ่ง สำหรับคู่รักหนุ่มสาว ครอบครัว เพื่อนๆ หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำละครเกาหลี เพลงรักในสายลมหนาว  เกาะนามิมีรูปร่างเหมือนใบไม้ที่ลอยอยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำฮัน และห่างจากกรุงโซล ไปเพียง 63 กิโลเมตร ณ ที่แห่งนี้เราสามารถเช่าจักรยานเที่ยวรอบเกาะ เดินเล่นชมสวนเกาหลี คารวะสุสานนายพลนามิ เดินผ่านกลางแมกไม้แห่งสวนสนที่สูงเสียดฟ้าเพื่อสุขภาพ ผ่านดงต้นสน ดอกสน ต้นเกาลัด เลือกนั่งที่ม้านั่งข้างชายฝั่งเพื่อชมบรรยากาศโรแมนติคใต้เงาไม้ ผมเดินช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็อิสระจากคณะหากาแฟสดถ้วยละ ๒๕๐๐ วอนดื่ม ถ่ายภาพวาดจากนิทรรศการ ถ่ายภาพต้นเมเปิ้ลใบสีม่วงแดง ได้เวลานัดหมาย พวกเรานั่งเรือกลับมายังฝั่งและแวะรับประทานอาหารณ ภัตตาคารซึ่งห่างจากท่าเรือไม่มากนัก ลิ้มลองเมนู ดัคคาลบี - อาหารเลื่องชื่อของเมืองชุนชอน โดยนำไก่บาร์บีคิวมันหวาน ผัดกระหล่ำ  ต้นกระเทียม ตกหรือข้าวปั้นและซอสมาผัดรวมกันบนกะทะแบนดำ คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้าที่รับประทานกับผักกาดเกาหลีและเครื่องเคียง เมื่อทานใกล้หมด จะนำข้าวสวยและสาหร่ายแห้งมาผัดรวมกันเป็นทัคคาลบีโพกึมที่น่ารับประทาน และน้ำซุปสาหร่าย(ภาษาเกาหลีเรียกว่าเมียกู)  คุณชนินทร์  รอดมณี ทำหน้าที่กุ๊กใหญ่นำน้ำพริกนรกลงไปผัดด้วยได้รสชาติที่แปลกใหม่ออกไปแต่ก็อร่อยดี  สิ่งที่ขาดไม่ได้คือกิมจิ  หลังอาหารเย็นรถนำพวกเราไปพักอีกเมืองหนึ่งคือเมืองซูวอน เป็นโรงแรมชื่อ LA VIE D'OR RESORT & COUNTRY CLUB  เป็นโรงแรมชั้นหนึ่งตั้งอยู่บนภูเขา มีสนามกอล์ฟ ขนาด ๒๘๓๙ หลา พาร์ ๓๖ อากาศยามค่ำคืนค่อนข้างหนาว ไม่จำเป็นต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ เพียงเลื่อนบานหน้าต่างนิดหน่อย ความเย็นก็จะหลั่งไหลเข้าสู่ห้องนอนจนต้องปิด  ผมพักกับคุณทองปอนด์  สาดอ่อน ผอ.สพท.แพร่ เขต ๑  ความเหนื่อยช่วยให้หลับสนิท

     
                

    วันพุธที่ ๒๘  พฤษภาคม  ๒๕๕๑  ผมตื่นนอนตั้งแต่ตี ๔ มองไปข้างนอกสว่างเหมือนกลางวัน เหตุเพราะเกาหลีอยู่เลยเส้นศูนย์สูตรไปทางขั้วโลกเหนือ ประกอบกับฤดูนี้ดวงอาทิตย์โคจรอยู่ทางซีกโลกเหนือ กลางวันจึงนานกว่ากลางคืน  มองไปนอกหน้าต่างมีฝนตกน้ำเจิ่งนองตรงตามพยากรณ์อากาศที่บอกว่าจะมีฝนตกในตอนกลางคืนและจะต่อเนื่องไปถึงเช้านี้ เวลา ๐๗.๓๐ น. นำกระเป๋ามารวมไว้ที่ชั้น ๑ ของโรงแรม ก่อนไปทานอาหารเช้าซึ่งเขาจัดให้พวกเราไว้ห้องหนึ่งเป็นพิเศษ แต่ต้องไปตักอาหารแบบบุฟเฟ่มาทาน เป็นอาหารเกาหลีและอาหารฝรั่งให้เลือกตามต้องการ  หลังอิ่มพวกเราขึ้นรถเดินทางกลับกรุงโซล เพราะจะต้องศึกษาดูงานที่โรงเรียนประถมศึกษาชื่อโรงเรียน Seoul sangji  ถึงโรงเรียนครูใหญ่ลงมาต้อนรับ เป็นสุภาพสตรีวัย ๔๐ เศษ ท่านนำพวกเราไปห้องประชุม กล่าวต้อนรับ แนะนำรองครูใหญ่ และครูสองสามคน มีการบรรยายสรุปให้ฟังถึงกิจการของโรงเรียนแห่งนี้ ก่อนนำพวกเราไปชมห้องเรียน ห้องธุรการ ห้องสมุด ห้องประชุม  โรงยิมเนเซี่ยม และสารพัดห้อง  ทุกอย่างถูกจัดอย่างมาตรฐานตั้งแต่เริ่มสร้างโรงเรียนซึ่งรัฐบาลได้ลงทุนเหมือนกันทุกโรงเรียน  ครูมีหน้าที่สอนอย่างเดียว สำหรับงานธุรการมีเจ้าหน้าที่เป็นการเฉพาะ รวมถึงแผนกจัดสื่อช่วยสอน  หลังจากเดินชมทั่วทุกห้องทุกชั้น พวกเรากลับมาซักถามกันอีกหนึ่งยกก่อนล่ำลากันกลับ ผมมีอะไรติดค้างอยู่ในสมองแบบหนักอึ้ง เมื่อคิดจะนำมาปรับใช้กับการศึกษาของไทย รายได้ประชาชาติ(Gross National Product, GNP) ของเกาหลีเพิ่มจาก ๘๗ เหรียญสหรัฐ/คน ในปี ค.ศ. ๑๙๖๒ ไปเป็น ๘๔๘๓ เหรียญสหรัฐ/คน ในปี ค.ศ. ๑๙๙๔ และสูงกว่า ๑๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ/คน ในปี ค.ศ. ๑๙๙๕ และในปีนี้เองรายได้ประชาชาติได้แตะระดับ ๔๔๐ พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหมายความว่า เกาหลีใต้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับ ๑๑ ของโลก และถ้าคิดถึงมูลค่าเพิ่มที่ได้จากการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม (manufacturing value-added) ก็จะเป็นลำดับที่ ๗ ของโลก เกาหลีประสบความสำเร็จในการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจจากอันดับที่ ๑๐๑ (ค.ศ.๑๙๖๒) ไปเป็น ๑๑ (ค.ศ.๑๙๙๔) ในระยะเวลาเพียง ๓๓ ปี (เลข ๐ ตรงกลางหายไปตัวเดียว) ถ้าหากคิดในแง่ของผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เกาหลีใต้ไต่จากลำดับที่ ๑๐๑ ในปี ค.ศ. ๑๙๖๒ เป็นอันดับที่ ๑๓ ในปี ค.ศ. ๑๙๙๔   ในปี ค.ศ.๑๙๙๔ เกาหลีติดอันดับต้น ๆ ของโลกทางด้านต่าง ๆ หลายด้าน เช่น เป็นอันดับ ๒ ด้านการต่อเรือ และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ในบ้าน  อันดับ ๓ ด้านวงจรรวม อันดับที่ ๕ ด้านสิ่งทอ เส้นใยเคมี ปิโตรเคมีและอิเล็กทรอนิกส์ และอันดับ ๖ ด้านยานยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า  วัยรุ่นของเกาหลีใต้เลือกอาชีพเด่นที่นิยม ๕ อันดับต้น ๆ ได้แก่ ดารา แพทย์ ครู นักกีฬา และวิศวกร ซึ่งมีรายได้ดีมากเป็นเรื่องแปลกแต่จริง  เที่ยงไปทานข้าวที่ร้านอาหารเกาหลี เป็นไก่ตุ๋นโสม ใช้ไก่อายุ ๔๕ วันใส่ข้าวในท้องจนแน่นตุ๋นโสมจนเปื่อย  เขาเสิร์ฟคนละหนึ่งตัว มีกิมจิเป็นเครื่องเคียง  อิ่มแล้วไปสำรวจตลาดทองเดมุนใกล้สนามกีฬา  ผมซื้อของที่คนทางบ้านฝากซื้อเป็นเครื่องสำอางที่ร้านสีชมพู Etude House  หลังเดินชมตลาดในห้างสรรพสินค้าย่านนี้ พวกเราเดินทางไปศึกษาดูงานที่ สำนักงานการศึกษาแห่งกรุงโซล (Seoul Metropolitan Office of Education) ซึ่งนัดหมายไว้หลังเลิกงาน  ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการประถมศึกษา และคณะได้บรรยายสรุปให้พวกเราฟัง การศึกษาของเกาหลีใต้มีความแตกต่างและคล้ายคลึงกันหลายประการ เกาหลีใต้จัดระบบการศึกษาแบบ ๖ : ๓ : ๓  และอุดมศึกษา ๔ ปี อัตราการเรียนต่อสูง ๙๙ % อุดมศึกษา ๕๐ % มีการเลื่อนชั้นอัตโนมัติไม่มีการตกซ้ำชั้น มีการกระจายอำนาจลงสู่เขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนเหมือนประเทศไทย ที่ต่างกันมากคือ ประชาชนจะนิยมส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนเอกชนมากกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่มีสัดส่วนเอกชนกับรัฐบาล ๗๐ : ๓๐ ในทางตรงข้ามระดับอุดมศึกษาจะนิยมให้ลูกหลานเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐมากกว่าเอกชน  มหาวิทยาลัย ๕ อันดับต้นที่นักเรียนเกาหลีใต้แย่งกันเข้าเรียนมากที่สุดคือ มหาวิทยาลัยโซล โคเรีย ยอนเซ ฮีฮวา และฮานยาง มีระบบการสอบเข้าที่ดุเดือด ติวเข้ม เครียดกดดันไม่แพ้จุฬาฯหรือธรรมศาสตร์ของเรา ในเทอมสุดท้ายครูต้องสอนเด็ก ม.ปลาย ๓ เดือนทั้งวันทั้งคืนอย่างเอาเป็นเอาตาย เรียนพิเศษ  พ่อแม่เข้าวัด สวดมนต์ ทำสมาธิและบนบานสานกล่าวเหมือนบ้านเราไม่มีผิด  หลังมีการแลกเปลี่ยนความเห็นกันจนครบถ้วนกระบวนความ จึงอำลากัน ที่พักวันนี้อยู่คนละฝั่งแม่น้ำของกรุงโซล เป็นโรงแรมที่ไปตั้งอยู่ในชานเมืองชื่อ Co-0p Residence Hotel  จึงหมดสิทธิ์ที่จะท่องราตรี และต้องค้างที่นี่ทั้งสองคืน
                    วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ พฤษภาคม  ๒๕๕๑  เช้าทานอาหารที่โรงแรมเป็นบุฟเฟ่  มีรายการศึกษาดูงานที่โรงเรียนมัธยมต้นอีกแห่งหนึ่ง ชื่อ Sangam Middle School เพิ่งเปิดเรียนมาเป็นปีที่ ๒  แต่มีความพร้อมทุกประการ ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนใหม่ เดิมหาคนมาอยู่ยาก เพราะเป็นที่ทิ้งขยะของเมืองจนเป็นภูเขาขยะ รัฐบาลได้สร้างโรงไฟฟ้าโดยใช้ขยะเป็นพลังงานและปรับปรุงสภาพแวดล้อมจนดีเหมือนที่ทั่วไป ผู้คนจึงหลั่งไหลกันมาพักอาศัยเพราะราคาไม่แพง ครูใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ใจดีคุยกันถูกคอ ท่านบอกว่าครูในเกาหลีใต้ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาชีพที่มีรายไดค่อนข้างสูง เป็นอาชีพต้น ๆ ที่ทุกคนอยากเป็น คนเก่งมีความสามารถล้วนมาเป็นครู  ทำงานทุ่มเท มีเจตคติที่ดีต่อวิชาชีพ มีระเบียบบังคับให้ห้องเรียนมีนักเรียนไม่เกิน ๓๕ คนต่อครู ๒ คน สหภาพครูเข้มแข็งเป็นเอกภาพ  เป็นองค์กรใหญ่ระดับประเทศที่เจรจาแทนครูได้แทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระดับเงินเดือน ตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะและอื่น ๆ  เรื่องนี้แตกต่างจากประเทศไทยเป็นที่สุด  สิ่งที่เป็นจุดเด่นของระบบการศึกษาเกาหลีใต้ น่าจะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมเกาหลีให้ทันสมัยควบคู่ไปกับความเป็นชนชนติเกาหลีที่เป็นเอกลักษณ์  มีการปฏิรูปการศึกษาต่อเนื่องทุกรัฐบาล  ในการเตรียมกำลังคนด้วยการศึกษาสมัยใหม่ เทคโนโลยีในอนาคต และทุกระดับการศึกษามีเป้าหมายตรงกัน  ผู้บริหารโรงเรียนล้วนนำวาระการศึกษา วิสัยทัศน์ของประเทศ เป้าหมายการสร้างกำลังคนมาเป็นปรัชญา นโยบายและแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน เป็นการเข้าสู่ยุค Global Community เป็นเทคโนโลยีทันสมัยที่สุด  เลิกระบบ E-Learning ที่ล้าหลัง มีข้อจำกัดมาก  แม้แต่ระบบ Mobile Learning ก็ยุติแล้ว แต่นำระบบ U Learning มาใช้แทน  ระดับ ป.๒ มีโน้ตบุ๊กและระบบ I-Pod  อาจารย์มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนงบประมาณงานวิจัย โดยระบบงานวิจัยระบบ U Learning มาเตรียมการ เพื่อนำเกาหลีใต้ไปสู่ระบบที่มีสารสนเทศที่ดีของโลกให้ได้  ในมหาวิทยาลัยแทบทุกแห่งล้วนเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย(R&D) บริษัทเอกชนใหญ่ สมาคมศิษย์เก่าล้วนสนับสนุนงบวิจัยเพื่อการพัฒนาเทคโนโลยี พัฒนานวัตกรรม ความรู้สมัยใหม่แทบทั้งสิ้น  เกาหลีใต้ยังให้ความสำคัญในระบบหลักสูตร  ทุกระดับจะมี ๓ ส่วน คือ เนื้อหาวิชาการ กิจกรรมเสริมหลักสูตรและวิชาเลือก  เราจึงพบเห็นเด็กเกาหลีมีกิจกรรมศึกษานอกสถานที่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ หมู่บ้านพื้นเมือง สวนสมุนไพร สวนสนุก แหล่งเรียนรู้ที่เปิดตลอดเวลา  เด็กเกาหลีแม้จะเครียดแต่ก็มีกิจกรรมและสถานที่ไปทัศนศึกษาเรียนรู้นอกห้องเรียนอย่างสนุกสนาน  ไม่คับแคบและหมกมุ่นการเรียนจนเกินไป  ครูใหญ่พาพวกเราชมทุกห้อง มีการซักถามปัญหากันเป็นระยะ ๆ แม้จะมีเวลาน้อย หน้าโรงเรียนปลูกต้นเชอรี่เป็นไม้ประดับกำลังออกลูกสีแดงสด ผมรับประทานดูตามคำเชิญชวนของครูใหญ่รสเปรี้ยว ๆอมหวาน  ออกจากโรงเรียนพวกเราไปชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านซึ่งจัดแสดงความเป็นอยู่ของชนเกาหลีในอดีต แต่ของที่นำมาแสดงเป็นของจำลองเป็นส่วนใหญ่ บริเวณต่อเนื่องกันสามารถเดินเข้าชมพระราชวังเคียงบ๊อคทางด้านหลัง เพราะด้านหน้าเขาปิดซ่อมบำรุง เดินดูหมู่อาคารจนอ่อนล้า บางหลังถูกสร้างมาใหม่แทนของเดิมที่ถูกไฟไหม้สมัยญี่ปุ่นยึดครองเกาหลี ผมได้ถ่ายภาพมุมสวย ๆ เพื่อนำมาจัดที่สำนักงานเขต  อาหารเที่ยงมื้อนี้เป็นข้าวเผาในถ้วยหิน เขานำภาชนะเป็นถ้วยหินร้อน ๆ มาใส่ข้าวและเครื่องปรุงทุกชนิดลงไปเราต้องใช้ช้อนและซ่อมคนให้ทั่ว หากชักช้าข้าวก็ไหม้ มีอาหารทะเลตัวน้อย ๆ ต้มหม้อไฟ หลังอิ่ม พวกเราเดินทางไปชม Ever Land เป็นสวนสนุกในเนินเขาและหุบเขาที่ห่างตัวเมืองออกไปประมาณ ๕๐ กิโลเมตร เดินกันจนเมื่อยขาเพราะไม่อยากจะลงนั่งในเครื่องเล่นเสี่ยงภัย  เย็นนี้มานั่งทานหมูย่างเกาหลีภัตตาคารบนเส้นทางกลับกรุงโซลจนกลิ่นติดเสื้อผ้ากันถ้วนหน้า   กลับไปค้างที่ Co-0p Residence Hotel อีกคืนหนึ่ง ก่อนนอนได้สรุปบทเรียนจากการเอกสารที่ได้มาจากการศึกษาดูงานเพื่อนำไปสังเคราะห์หลังเดินทางกลับเมืองไทย  จะพบว่าสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งในเกาหลีสามารถออกแบบ กำหนดหลักสูตรและตำราเรียนเอง โดยรัฐบาลดูแลในวงกว้างเฉพาะส่วนที่เป็นหลักสูตรแม่บท  หลักสูตรและตำราเรียนจึงปรับเปลี่ยนได้เสมอ  มีความยืดหยุ่นสูง และมีตัวเลือกหลากหลาย  การเน้นผู้เรียนเป็นหลักทำให้สามารถจัดการศึกษาได้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน  สอดคล้องกับความพร้อมและระดับความรู้ความสามารถ  จึงพัฒนาผู้เรียนไปในทิศทางที่เหมาะสม  ตรงนี้เองทำให้ระบบการจัดการศึกษาของเกาหลีใต้เป็นระบบเปิด  มีการจัดการศึกษาหลายรูปแบบ เป็นการศึกษาตลอดชีวิตที่ชาวเกาหลีทุกคนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์จากการศึกษาได้ทุกเวลาและทุกสถานที่  เมื่อจบมัธยมศึกษาตอนต้นแล้ว สามารถเลือกเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายสายสามัญ เลือกเรียนสายอาชีพ หรือศึกษาต่อหลักสูตรระยะสั้นมากมายจากโรงเรียนพิเศษหรือวิทยาลัยทางวิทยุหรือไปรษณีย์  คนที่พลาดโอกาสทางการศึกษาหรือทำงานแล้ว  มีโอกาสเพิ่มพูนความรู้ ซึ่งเมื่อเรียนสำเร็จแล้วสามารถนำมาเทียบกับวุฒิการเรียนตามหลักสูตรสายปกติได้  มีการจัดระบบการเรียนแบบสะสมหน่วยกิต  ผู้เรียนสามารถเรียนสะสมหน่วยไปเรื่อย ๆ จนครบหลักสูตร  แสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จในแง่การเพิ่มโอกาสทางการศึกษา  จุดเด่นอีกข้อหนึ่งคือ ความเสมอภาคและเสรีภาพในการเลือกเรียนต่อตามความสนใจและความถนัด  สามารถถ่ายโอนและเปลี่ยนแปลงข้ามสาขาวิชาหรือข้ามโรงเรียนได้โดยสะดวก เกาหลีใต้เชื่อมั่นว่าการศึกษามีคุณค่า  สามารถพัฒนาคน พัฒนาประเทศให้ก้าวไกล ระบบการศึกษาแบบเปิดและเสรีภาพทางการศึกษาจะเปิดโอกาสให้คนที่ก้าวเดินจากจุดเริ่มต้นไม่เท่ากัน สามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันได้

 
                  

 วันศุกร์ที่ ๓๐  พฤษภาคม  ๒๕๕๑  หลังอาหารเช้าพวกเราไปเยี่ยมชมโรงงานโสมของรัฐบาล มีผลิตภัณฑ์โสมจำหน่ายสารพัด ให้เลือกหาราคาถูกกว่าเมืองไทย ผมไม่ได้อุดหนุนเพราะไม่ชอบเครื่องดื่มประเภทโสม จากนั้นไปโรงเจียรนัยพลอยสีม่วงเขาตัดมาแสดงหน้าร้านเป็นก้อนโต ๆ พลอยสีม่วงคือหินเขี้ยวหนุมานที่เราเคยเรียนกัน เกาหลีมีความเชื่อว่าสีม่วงเป็นความสมดุลของหยินและหยาง หยินสีแดง หยางสีน้ำเงิน เมื่อมารวมกันจึงเป็นสีม่วง เขาจึงมักใช้พลอยสีม่วงเป็นเครื่องประดับที่เป็นมงคลแก่ชีวิตและธุรกิจ   อาหารกลางวันเป็นอาหารเกาหลีอีกตามเคยแต่เรียกชื่อไม่ถูก ส่วนประกอบใหญ่ใช้เนื้อหมูมาปรุงรสในน้ำซุป  บ่ายไปชมพิพิธภัณฑ์สงครามที่ถนนอีเตวอน ซึ่งเป็นย่านค่ายทหารอเมริกัน อเมริกามาตั้งกองกำลังในกรุงโซลประมาณ ๔ หมื่นนาย ใช้พื้นที่ ๑ ใน ๑๐ ของเมือง ในค่ายทหารแห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนเหมือนเมืองในสหรัฐอเมริกาเมืองหนึ่ง แต่ห้ามบุคคลภายนอกเข้า   เมื่อก่อนย่านนี้เป็นแหล่งจำหน่ายเครื่องหนังราคาถูก แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนแปลงไปมากไม่คึกคักเหมือนก่อน มีร้านค้าหลากหลาย  แหล่งสุดท้ายในกรุงโซลวันนี้ได้ไปเดินเล่นสยามสแควร์เกาหลี คือ ตลาดเมียงดง บริเวณนี้คึกคักไปด้วยผู้คนมีทั้งบนดินและใต้ดิน มีสินค้าสารพัดให้เลือกหาทั้งแผงลอยและห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ  ได้เวลานัดหมายพวกเราเดินทางสู่เมืองอินซอนเพื่อกลับเมืองไทย  แวะทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารไทยที่เคยแวะทานวันแรก ก่อนไปร้าน Duty Fee เพื่อจับจ่ายเป็นแหล่งสุดท้าย หลัง check in ผมเดินชมสินค้าในสนามบินจนได้เวลาขึ้นเครื่อง  สภาพอากาศแปรปรวนตลอดเส้นทาง เขย่าเครื่องบินจนนอนไม่หลับ  ถึงสุวรรณภูมิเวลา ๐๑.๐๐ น. ของวันใหม่

กำจัด  คงหนู
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาชุมพร เขต ๑

หมายเลขบันทึก: 192594เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2008 10:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:15 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท