กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน


กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน

            มันเป็นชื่อหนังตั้งแต่ 10 กว่าปีมาแล้ว หนังเรื่องนี้ทำให้เอ็ม สุรศักดิ์ ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเสียด้วย คนรุ่นอายุขึ้นเลข 3 ขึ้นไปน่าจะได้มีโอกาสดู (นะ) แต่จะมีใครสักกี่คนที่รู้ความหมายของคำว่า กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน

            กฎหมายระบุให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัย หรือหมวกกันน๊อกที่เราๆท่านๆรู้จักกันดี ทั้งนี้ก็เพราะว่ารัฐท่านอยากให้คนไทยตายจากการที่หัวอันเปราะบางของท่านบอบช้ำจากการถูกกระแทก เมื่อรถคู่ชีพดันพลาดท่า พาท่านลงจากรถเอาศีรษะไปกระแทกพื้นถนนเสียก่อนถึงจุดหมาย แต่ก็นั่นแหละ กฎหมายไทย หากศักดิ์สิทธิ์มากมาย บ้านเราก็คงพัฒนาไปไกลแล้ว เราจึงได้เห็นพี่ๆน้องๆลุงป้าน้าอา ลูกๆหลานๆของเราขับมอเตอร์ไซค์กันหัวเปลือย ผมสลวยกันเต็มถนน ใครที่ไม่เคยเห็นก็มาดูในรั้วสงขลานครินทร์สิ

            เรื่องหมวกกันน๊อกที่กลายมาเป็นหมวกกันนาย (อันนี้ผมรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่งที่จะเขียนมัน เพราะไม่รู้ว่าตำรวจมาเป็นนายเราไปเสียตั้งแต่เมื่อไหร่) นี่ เป็นเรื่องที่เห็นเสียจนเจนตา ลองนึกภาพดูสิครับ คนขับมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งที่สวมหมวกแบบไม่รัดคาง แบบที่ว่าเมื่อพ้นสายตาตำรวจที่สี่แยก หรือไม่ก็ผ่านป้อมยามก็ถอดหมวกออก แบบนี้มีเกลื่อนสงขลานครินทร์ อย่าว่าแต่เฉพาะนักศึกษาที่เป็นแบบนี้เลยครับ คุณรปภ.ผมก็เห็นมาแล้ว

            จะว่าไปแล้วมันก็ดูมีสีสันดีนะครับ เพราะว่าเหมือนดูปาหี่ ขับรถเข้ามหาวิทยาลัยก็เอาหมวกมาครอบผมไว้ ผ่านป้อมยามเข้ามาได้ก็เอามันออก มันเป็นวัฒนธรรมที่ดูงดงามยิ่งนัก เหมือนการทำความเคารพกัน คนบ้านอื่นเมืองอื่นเขาถอดหมวกเพื่อทำความเคารพ แต่บ้านเราใส่หมวกเพื่อทำความเคารพ ไม่เหมือนใคร แบบนี้เรียกว่า unseen ครับ มีที่เราที่เดียว สยามประเทศไงครับ

            ผมน่ะคิดเสมอครับว่า จริงๆแล้วก็หัวใครหัวมัน สมองใครก็สมองมัน จะมาออกกฎกันทำไมให้มีคนทำผิด ถ้าไม่มีกฎให้สวมหมวกกันน๊อก ก็จะไม่มีคนทำผิดระเบียบ โตๆกันแล้ว คิดกันเองได้แล้ว ใครใคร่ใส่ๆ ใครไม่ใคร่ใส่ก็ไม่ต้องไปว่ามัน คนที่กะโหลกบาง เนื้อสมองมันเยอะ มันก็คิดได้ว่า การไม่สวมหมวกเป็นความโง่ มันก็จะสวมหมวก ผิดกับพวกกะโหลกหนา เนื้อสมองของพวกนั้นมันน้อย คิดเรื่องดีๆถูกๆไม่ค่อยเป็นหรอกครับ ดังนั้น เรามารณรงค์ทำตามใจฉันกันดีกว่าเนอะ

            มาดูกันอีกพวก ที่ชอบนั่งมอเตอร์ไซค์ซ้อนสามสี่ห้า เหล่านี้ก็เช่นกัน เป็นการเล่นปาหี่ที่น่ารักเช่นเคย ลองสังเกตดูที่หน้าป้อมยามทางเข้ามหาวิทยาลัยทั้งสองทางดูสิครับ เราก็จะได้เห็นว่า หลายคันซ้อนมาเกินสองคนเห็นๆ คุณรปภ.ก็จะบอกว่าให้ลงเดินไป แล้วไปขึ้นเอาอีกทีเมื่อผ่านป้อมตรวจมาแล้ว เออแฮะ มันน่าจะเป็นการทำความเคารพคุณรปภ.เช่นเดียวกันสินะ ก็แค่ลงมาเดินผ่านกัน ทักทายนิดหน่อย แล้วไปซ้อนท้ายกันเหมือนเดิม ท่านก็ไม่ได้ทำผิดระเบียบการเข้าหรือออกมหาวิทยาลัยแล้ว เป็นซะแบบนี้ก็คงไม่ต้องมีกฎการซ้อนมอเตอร์ไซค์กันหรอกครับ ใครใคร่ซ้อนสามสี่ห้า ก็ปล่อยเขาไป โตๆกันแล้ว ปัญญาชนกันทั้งนั้น อย่าลืมนะ ว่านี่คือในรั้วมหาวิทยาลัย เขาสามารถคิดเองได้เสมอ ใครที่กะโหลกบาง พวกนี้เนื้อสมองเยอะ ก็จะรู้ว่าการซ้อนท้ายเกินสองคนนั้นเป็นความโง่ เขาก็จะไม่ทำ แต่พวกที่กะโหลกหนานั้น เนื้อสมองของมันมีน้อย ไอ้เรื่องแบบนี้มันไม่ค่อยเข้าใจหรอก ปล่อยมันไปเถอะ ดังนั้น เราน่าจะมารณรงค์ขับขี่ตามใจฉันกันดีกว่าครับ ประชาธิปไตยเบ่งบานที่สงขลานครินทร์ดีครับ

            มาดูอีกกลุ่มหนึ่ง คนกลุ่มนี้อยู่ที่อ่างเก็บน้ำสงขลานครินทร์ เราจะเห็นว่าเขาทำทางไว้ให้รถวิ่ง แยกกับคนวิ่งไว้อย่างชัดเจน เด็กอย่างลูกสาวผมที่อายุเพียง 7 ขวบก็ยังรู้เลย ว่าตรงไหนที่รถวิ่ง ตรงไหนที่คนวิ่ง แต่เราก็เห็นเป็นประจำ ว่าที่รถวิ่งนั้นมีคนเดินกันให้ขวักไขว่ บ้างก็วิ่งแบบไม่สนใจใคร ทั้งด้านซ้ายหรือด้านขวา บ้างก็จับกลุ่มกันยืนคุยกันอย่างได้อรรถรส หน้าที่ของคนที่ระวังตัว กลับกลายเป็นคนที่เอาตีนเหยียบคันเร่งสลับกับเหยียบเบรก บางทีก็สนุกดีนะครับ เล่นเกมวัดใจ ใครเป็นคนหลบ ยิ่งเวลามีรถยนต์วิ่งสวนทางมาพอดี หลายครั้งที่ผมสังเกตเห็นว่า รถยนต์อีกคันต้องหยุดเลยครับ

            นี่อย่างไร ตักศิลามหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ ใคร่ใคร่เดินก็เดิน ใครใคร่ขับก็ขับ เก่งจริงก็อย่ามาชนสิ จะว่าไปแล้วก็ไม่มีใครผิดหรือถูกหรอกครับ เพราะหน้าที่ของถนนมันก็มีแค่นี้แหละ ขับรถ เดิน วิ่ง ยืน และนอนเจ็บ แล้วแต่ว่าใครใคร่อยากใช้มันในบริบทไหน หลากหลายดีครับ ไอ้เราก็มาวิเคราะห์คนได้จากการใช้บริการครับ ใครกะโหลกหนา เหล่านั้นก็จะรู้ว่า การใช้ถนนผิดวัตถุประสงค์นั้นเป็นความเขลา เขาก็จะลงมาเดินในที่ที่เขาจัดไว้ไม่ไปแย่งกับรถ แต่บรรดาคนที่มีกะโหลกแสนหนา พวกนั้นเนื้อสมองมันน้อยนัก มันแยกไม่ได้หรอกว่าอะไรควรหรือไม่ควร อันนี้ก็อมิตตาพุทธ

            มาในสถานที่เดียวกันนี้ เราก็จะเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มีความคิดสร้างสรรค์กว่ากลุ่มที่ผ่านมา เพราะท่านเหล่านั้นปรารถนาอย่างยิ่งที่จะได้ขับรถในที่ที่เขาวิ่งออกกำลังกายกัน คนนับร้อยกำลังวิ่งออกกำลังกาย สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด เพื่อแลกเปลี่ยนเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากร่างกาย แต่บรรดาท่านผู้สร้างสรรค์เหล่านั้นก็จะขับรถยนต์หรือมอเตอร์ไซค์คันงามของท่านมาเพ่นพ่าน พ่นควันอันหอมหวนอบอวลไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ บ้างก็ปะปนมาด้วยคาร์บอนมอนน๊อกไซด์ออกมาพองาม มันน่าไหมครับท่าน

            แต่ก็อย่างว่านะครับ ประเทศเรานี้เสรีหนักหนา ตราบที่ท่านยังไม่ชนคน ท่านก็ว่าน่าจะไม่ผิด ดมควันนิดหน่อยไม่น่าจะทำให้สุขภาพเขาเสียหายหรอก อย่าลืมนะว่า คนที่มีแรงมาวิ่งได้ น่าจะเป็นคนที่มีพื้นฐานทางสุขภาพที่ดีอยู่แล้ว เดี๋ยวเขาก็จัดการกับก๊าซเลวๆออกไปจากร่างกายเองได้ หรือไม่เดี๋ยวลมก็พัดไอเสียไปเอง เออ ฉลาดนะที่คิดได้แบบนี้ ท่าทางกะโหลกท่าจะบางเฉียบ เห็นด้วยกับผมไหมครับท่าน

            เป็นอย่างไรครับ ชักเห็นคล้อยอ่อยตามไปกับผมบ้างแล้วหรือยัง อ่านจบแล้วก็ลองประเมินตนเองสักนิดสิครับ ว่าท่านเป็นคนแบบไหน เนื้อสมองนั้นเพิ่มขนาดได้ครับ ฝึกบ่อยๆ ยับยั้งตัวเองให้เก่งๆ ใช้ความคิดมีวิจารณญาณให้มากๆ กะโหลกก็จะเริ่มบางลง เมื่อมันบางลง เราก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีสติขึ้น สอนลูกสอนหลานผู้ที่จะเป็นกำลัง เป็นอนาคตของชาติได้อย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรม เขาก็จะเป็นคนที่ดีโดยที่เราไม่ต้องเคี่ยวเข็ญ สอนด้วยการกระทำที่ถูกที่ควรเป็นการสอนที่ยั่งยืน ใครๆก็รู้ว่าความมีวินัยเป็นพื้นฐานของการพัฒนา โอย ผมแทบไม่อยากจะคิดเลย ว่าประเทศไทยจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน

คำสำคัญ (Tags): #กะโหลก#ฉลาด#โง่
หมายเลขบันทึก: 192755เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2008 23:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 22:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีครับ พี่ธนพันธ์

คนไทยมีต่อมระเบียบวินัย เล็กกว่าชาติอื่นมาก ๆ แต่ต่อมความสบายๆ ใหญ่เป็นพิเศษ ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น :)

ครับคุณหมอโรจน์

สบายๆคือไทยแท้ครับ

สวัสดีครับคุณหมอ

นี้ขนาดภายในมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นปัญญาชนของประเทศยังทำได้แค่นี้ แล้วมันจะเหลืออะไรครับสังคมนี้ การเคารพในกฎกลายเป็นเรื่องของคนโง่ในสังคม คนเก่งที่ได้รับการยกย่องต้องรู้จักหาช่องโหว่ของกฏนำมาเป็นประโยชน์กับตัวเอง

อนิจจาสังคมนี้ เข้าใจหน่ะครับว่า พวกเราต้องเคยได้ยินมาว่า "ทำอะไรตามใจคือไทยแท้"

ผมหล่ะหมดความหวังกับสังคมรุ่นผมแล้ว ได้แต่หวังว่าสังคมรุ่นลูกเราจะมีการเคารพกฏเกณฑ์กันมากขึ้น อยู่กันด้วยความเสมอภาค เคารพกันและกัน พึ่งพาอาศัยกันและกัน อยู่กันด้วยธรรม

นึกไปนึกมาอยากให้สอนวิชาศีลธรรมกันมากขึ้น ผมอยากนิมนต์ท่าน ว.วชิรเมธี มาเทศน์ในวันสำคัญทางศาสนาที่หาดใหญ่ซักครั้ง

อย่าหมดความหวังครับท่านพี่หนึ่ง

สักวันหนึ่งมันคงดีขึ้นครับ

เอ ว่าแต่ว่า จะนิมนต์ท่าน ว.วชิรเมธีมาเทศน์เลยเหรอครับ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกพี่ ให้ลูกเราเทศน์ให้ฟังก็ได้

เบญจศีล เบญจธรรม ฆราวาสธรรม๔ พรหมวิหาร๔ สังคหวัตถุ๔ มงคล๓๘ประการ

จาคะ ทมะ กามะ กาเม ตังเมสุมิจฉาจารา อนุตรามุทิตาโหนฺตุ

ฮา สาธุ

ปฐมธิดา ชิโนณะวณิก

น่าจะมีกฎหมายที่ให้เด็กนั่งคาร์ซี๊ดด้วยนะคะ

แล้วญาติบางคนจริงจังให้คนขับคาดเข็มขัดนิรภัย(และจี้ยิกยิกให้คาดให้คาด)แต่พอเป็นคาร์ซี๊ดของหลานบอกว่าเกะกะ

เห็นงี้....เซ็งเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท