การสร้างวัฒนธรรมแห่งจิตอาสาของคนรุ่นใหม่


การได้รู้จักภาระหน้าที่ของตนเองว่ากำลังทำอะไร และเป้าหมายเพื่ออะไร คือสิ่งที่นิสิตต้องตระหนักและคิดให้ได้ ด้วยการวิเคราะห์และการทำกิจกรรมร่วมหมู่ด้วยกัน กีฬาก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถนำพาพัฒนาการสร้างจิตสำนึก วัฒนธรรมแห่งการเสียสละและจิตอาสา ได้เช่นเดียวกับกิจกรรมอื่น ๆ

 

การสร้างวัฒนธรรมแห่งจิตอาสาของคนรุ่นใหม่

บทนำ

           ผมมีโอกาสได้นำเสนอแนวคิดต่อนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในส่วนของนิสิตที่เข้าศึกษาต่อด้วยโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬา ของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  ซึ่งได้ดำเนินการคัดเลือกนิสิตที่โดดเด่นทางด้านกีฬาเข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยโครงการนี้มาหลายปีแล้ว ผมมีโอกาสคลุกคลีกับนิสิตโครงการนี้ ในฐานะผู้ฝึกสอนกีฬารักบี้ฟุตบอล เป็นกรรมการคนหนึ่งในการพิจารณานักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ในภาคอีสาน และในปัจจุบันก็มาช่วยท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ทวีศิลป์ สืบวัฒนะ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ในการดูแลกิจกรรมนิสิตทางด้านกีฬา ซึ่งในวันนี้ (9กรกฎาคม 2551) ถือเป็นวันประถมนิเทศ นิสิตโครงการดังกล่าว และเป็นการระดมนิสิตที่เข้าศึกษาด้วยความสามารถดีเด่นด้านกีฬา มารับทราบกฎกติกาและภารกิจที่จะต้องดำเนินการในปีการศึกษานี้  น้องแพ็ท เจ้าหน้าที่ฝ่ายกีฬาของกองกิจ ผู้ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้อย่างแข็งขัน ได้มอหมายให้ผมพูดคุยกับ นิสิต ในหัวข้อ บทบาทและหน้าที่ความรับผิดชอบต่อตนเองและมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  บรรยากาศการจัดกิจกรรมครั้งนี้ งานกีฬาโดยการนำของพี่บอมส์ หัวหน้างานกีฬา พี่รัตน์ และพี่แพ็ท ผู้ปฎิบัติงานทั้งสามทำงานอย่างแข็งขัน โดยได้รับการดูแลอย่างดี จาก พี่เกิ้อกูล ดวงจันทร์ทิพย์ ผู้อำนวยการกองกิจ ได้มาทำหน้าที่เป็นผู้ต้อนรับนิสิต กล่าวรายงาน ท่านอาจารย์ธีระพล ศิระบูชา ผู้ช่วยรองอธิการบดี เป็นประธานเปิดโครงการ สถานที่จัดงาน จัดได้โรแมนติคมาก ที่มาใช้หมู่เรือนอีสาน หรือ  พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคามเป็นสถานที่ประชุม โดยใช้ ใต้ถุนเฮือนอีสาน เลย อากาศถ่ายเท สะดวก ร่มเย็นพัดมาเป็นระยะ  ซึ่งผู้ให้กำเนิดสถานที่แห่งนี้ ก็คือ ท่านรองทวีศิลป์ ผู้เป็นผู้ดูแล ก็ ท่านอาจารย์ทม ซึ่ง ทุกคนอยู่ในแวดวงของกิจกรรมกีฬาทั้งหมด  แต่พอดำเนินการเปิดได้เว้ปหนึ่ง ฝนก็เทลงมา ก็ดูตื่นเต้นสนุกสนานดี เราเลยต้องขึ้นไปห้องประชุมบนเรือน ซึ่งปกติจุคนประมาณ 50 คน แต่นิสิตโครงการดังกล่าวเกือบ ร้อยกว่า ก็แบ่งกันนั่งแบ่งกันยืน ก็พอได้และดูดี อากาศก็อาจจะร้อนนิดหนึ่งไม่เหมือนข้างล่าง  พี่บอมส์ทำหน้าที่เป็นพิธีกร ในฐานะพ่อบ้านด้านกีฬา แนะนำโค้ชผู้จัดการทีม ทั้งบุคลากรของกองกิจ ทุกคน ซึ่งทุกคนก็มีบทบาทร่วมกันในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อนิสิตของเรา

             

เฮือนอีสาน หรือ พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คือ สถานที่บ่มเพาะวัฒนธรรม จิตอาสา

        ผมได้พูดคุยถึงภารกิจกับนิสิตอย่างง่ายๆ ต่อการเข้าใจ เพราะ พวกเขามีจุดยืนและจิตสำนึกที่ดีที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะการเป็นนักกิจกรรมทางด้านกีฬา พวกเขาจะต้องดำเนินภารกิจอย่างน้อย ๆต่อกิจกรรมกีฬาของมหาวิทยาลัยอยู่สองสามประการ ประการที่หนึ่งคือ จะต้องเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยมหาสารคามเพื่อไปเป็นตัวแทนการแข่งขันในการแข่งขันกีฬารายการต่าง ๆ  ประการที่สองจะต้องมีจิตอาสาพาเพื่อนนิสิตคนอื่น ๆได้ออกกำลังกายพาเล่นและสอนในกีฬาที่ตนเองถนัด โดยผ่านกิจกรรมดังกล่าวในชมรมกีฬาของตน ในคณะที่สังกัด ในฝ่ายกีฬาขององค์การนิสิต และงานกีฬากองกิจ ในส่วนนี้ มหาวิทยาลัยมีงบประมาณสนับสนุนให้นิสิตได้สามารถเป็นนิสิตอาสาพัฒนากิจกรรมกีฬา ให้แก่เพื่อนนิสิตด้วยกัน พอสมควร ซึ่งการสร้างโอกาสให้นิสิตได้ทำกิจกรรมถือเป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่ากิจกรรมอะไรก็ตามแต่ ก็สามารถพัฒนาศักยภาพและบุคลิกภาพของนิสิตได้อย่างดี กิจกรรมกีฬาก็เช่นกัน ก็สามารถสร้างสรรค์ให้นิสิตเป็นคนดี คนพร้อมทั้งกายและจิตใจ ได้ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยกำลังดำเนินโครงการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส ก็ยิ่งทำให้การสร้างกิจกรรมกีฬาต่อมวลนิสิตเป็นสิ่งที่นิสิตโควตาส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ต้องกระทำอย่างยิ่งพร้อมกับการเป็นนักกีฬาตัวแทนมหาวิทยาลัย จิตอาสาตรงนี้ จะต้องเกิดขึ้นในยุคสมัยของท่านรองทวีศิลป์ โดยการผลักดันของกองกิจการนิสิต โดยมีงานกีฬา เป็นผู้ขับเคลื่อน ขับเคลื่อนไม่ไหว ก็ต้องประสานกับนิสิตโควตา ให้เกิดผลรูปธรรม เร็วที่สุดเพื่อประโยชน์ของมวลนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่จะมีสุขภาพดี เล่นกีฬาและทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ และประการสุดท้ายที่ผมได้เล่าและบอกกล่าวแก่นิสิตก็คือ ภาระหน้าที่หลักของเขาจะต้องเรียนหนังสือ เพื่อหาความรู้ในอันที่จะนำไปสู่ภาระงานในอนาคต การเป็นนักกีฬาที่เก่งแต่ไม่เรียนหนังสือ ในประเทศนี้ขณะนี้ยังต้องรับผิดชอบอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นนิสิตโควตากีฬา จะต้องเล่าเรียนให้จบตามกติกาหลักสูตรที่วางไว้ มิฉะนั้นเราก็ไม่สามารถจะสำเร็จออกไปเป็นบัณฑิตที่ดีของสังคมได้ การเรียนจึงมีค่าเท่าเทียมกันกับการทำกิจกรรม จะต้องวางแผนและสร้างความสมดุลย์ทั้งสองสิ่งให้ได้อย่างเท่าเที่ยมกัน

 

นิสิตโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬา นอกจากจะต้องเล่นกีฬาแล้วยังต้องอาสาพาคนอื่นได้เล่นกีฬาร่วมกัน เพื่อ สร้าง มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง

        ซึ่งผมคิดว่าเมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เราสามารถเห็นการพัฒนาของเขาด้วยตัวเขาเอง โดยการรู้เท่าทันด้วยจิตสำนึกที่เกิดจากตัวตนของเขาโดยเราเป็นเพียงผู้นำเสนอและสร้างการกระตุ้นให้เขาเกิดระบบคิด มีวาทกรรมของตนเอง และสามารถเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้วยตัวตนของเขา ผมคิดว่า มหาวิทยาลัยบ้านนอกแบบมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็จะเป็นสถาบันการศึกษาอีกสถาบันหนึ่งได้รังสรรค์ บัณฑิตพึ่งเป็นอยู่เพื่อมหาชน ตามปณิธานที่ตั้งไว้อย่างเป็นจริงเป็นจังมากที่สุด  ขอขอบคุณ งานกีฬา กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคามและบุคลากรทุกคน ที่ได้ให้โอกาสนำเสนอแนวคิดต่อนิสิตโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬา ในวันนี้ ขอบคุณยิ่ง

ขอบคุณ ชมรมรักบี้ฟุตบอลมหาวิทยาลัยมหาสารคาม  งานกีฬา กองกิจการนิสิต และพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่เอื้อเฟื้อ ภาพประกอบ บทความ

หมายเลขบันทึก: 193127เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2008 19:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • มาเชียร์จิตอาสา
  • มมส ครับผม
  • สบายดีไหมครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ตามมาให้กำลังใจ  ที่ให้แนวคิด การสร้างจิตสำนึกผู้ที่ได้ชื่อว่า นักกีฬา
  • ที่สำคัญไม่ทิ้งการเรียน  ทุกอย่างต้องสมดุลย์
  • ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีครับอาจารย์ขจิต และพี่อนงค์

ท่านอาจารย์ขจิต ยังหนุ่มเหมือนเดิม เจอกันในงานพี่หนิงครานั้นยังไม่เจอกันอีกเลย ว่างมามหาสารคาม มากินต้มไก่ใส่ใบมะขามด้วยกันนะครับ ตามงานท่านอาจารย์ตลอด บางครั้งก็เก็บเอามาเป็นบทเรียนและสอนเด็กในฐานะ ครูพักลักจำ จะไม่ทำอย่างงั้นได้ไงครับ เพราะสิ่งดี ๆที่ท่านอาจารย์นำเสนอ คือ บทเรียนที่คนรุ่นใหม่พึ่งกระทำ คนรุ่นใหม่สมัยนี้เก่งครับ แต่ใจร้อนใจเร็วนิดหนึ่ง

ถ้าประสานความเก่งและความเนียนของคนรุ่นผมรุ่นอาจารย์ขจิต

งานจิตอาสา จิตเมตตา และนำไปสู่ จิตและกายพัฒนาจะเป็นประโยชน์ ต่อชุมชนแห่งการเรียนรู้ เช่น ที่ มมส ได้ครับ

มีโอกาส อยากคุยกันนาน ๆ

แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่อาจารย์มีอย่างเอกอุ

ได้รับเอาเป็นประโยชน์

และถ่ายโยงให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานอีกครั้งหนึ่ง

ระลึกถึงครับ

สิบปีล่ำ ซาวปีล่ำ บ่เห็นกวางมายามมั่ง

คั่นว่า ข้าว ขึ้นเล้า จะเห็นอาจารย์ขจิต มา มมส บ่น้อ

อ้ายซาย เอย

ส่วนพี่นงค์ น่ารักมาก

ทำงานเพื่อเด็ก ๆ

และรับปัญหา ปรึกษาทุกเรื่องราว

ผอมลง หรือ อ้วนลงน้อ

นี้แหละ คนจิตอาสา ของแท้

ตัวตนที่แท้จริง

ไม่โอ้อวด ไม่อวดโอ้

ต่างกันนะ

แต่คือ คนอยู่เบื้องหลังที่แท้จริง

ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจร่วมกัน

มีคือคนจั่งซี เฮือนเฮาจั่งน่าอยู่

เป็นจั่งเฮือน คอยกู้ หลานลูกให้ซุ่มเย็น

ซั่นแล้ว พี่นงค์เอย

สวัสดีครับอาจารย์

นิสิตใหม่โครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านกีฬามีความกระตือรือร้นมากขึ้นเลยครับในการที่จะมีวัฒนธรรมจิตอาสาในการพัฒนากีฬาช่วยมหาวิทยาลัย หลังจากที่อาจารย์ได้บรรยายแล้วก็มีนิสิตมาซักถามข้อมูลในการริเริ่มทำกิจกรรม และผมเองก็จะพยายามช่วยและผลักดันการดำเนินกิจกรรมด้านกีฬาในมหาวิทยาลัยให้ดีที่สุดครับ

ครูครับ

  • ความจริงงานวัฒนธรรมบ้านเราก็เป็นงานจิตอาสาใช่ไหมครับ
  • คราวที่สอนนักศึกษาบริหารวัฒนธรรม ผมก็บอกว่า มันก็เหมือนจัดงานบุญนั้นล่ะ จะทำอย่างให้งานบุญประสบความสำเร็จ มีแก่นที่ดี
  • สรุปก็ทุกคนต้องมีจิตอาสาและเชื่อในการทำอะไรดีดี

ขอบคุณตาบอนและพี่ออต

เราต่างทำงาน สร้างจิตอาสาให้แก่เยาวชนเหมือนกัน

พี่ออต สร้างจิตอาสาให้คนรุ่นใหม่ ในการสานทอ วัฒนธรรมการทอผ้า เพื่อผลิตซ้ำ ให้ก่อเกิดประโยชน์ แก่ ชุมชน และสืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษต่อไป

พี่บอมส์ ทำงานพัฒนานิสิต ด้วยกิจกรรมกีฬา แน่นอนที่สุด การสร้างคนด้วยกิจกรรมกีฬา

ผลที่ได้คือ คนรู้กติกาและเคารพกติกาของสังคม คนรู้จักบทบาท รู้จัก คุณธรรม การรู้แพ้รู้ชนะ รู้อภัย คนรู้จัก การแก้ไขปัญหา เฉพาะหน้า ทันท่วงที คนรู้จักวางแผนในการดำเนินกิจกรรม และสุดท้ายสำคัญที่สุด ก็คือ การทำงานเป็นทีม

สังคมไทย ไม่ค่อยสอนการทำงานเป็นทีม สังคมไทย ชอบสร้าง วีรชนเอกชน ไม่ค่อยมีการสร้างระบบทีม เราล้มเหลวกับการสร้างระบบทีมมามากต่อมาก หลายกรณี หลายวาระ

เราชอบสังคมแบบ ข้าพเจ้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด พวกมากหลากไป เชื่อกู เพราะ กูเป็นลูกพี่ ผิดจากครูอย่าทำ เราก็เลย เหมือน กบอยู่ในกะลา ไม่มีคิดนอกกรอบ หรือคิดนอกกรอบก็คิดคนเดียว ไม่มีระบบทีม gotoknow คือ การสร้างระบบทีมอีกแบบหนึ่ง ที่มีทั้งให้แนวคิดและเครือข่ายแนวคิด ซึ่งคุณูปการดังกล่าว ต้องบอกว่า ท่านอาจารย์หมอวิจารณ์ คือผู้เล็งเห็น การสร้างระบบคิด การบริหารความคิด ความรู้ และเครือข่าย นั้นคือ การสาร้างระบบทีม

ทำเถิดครับ คือ สิ่งประเสริฐที่สุด อย่าท้อแท้ แม้จะมีปัญหา เจ้านาย ไม่เห็น หรือมีคนแย่งทำ ยิ่งดีเลย ช่วยกันทำ สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งคุณธรรมย่อมก่อเกิด อย่างแน่นอน

ขอเป็นกำลังใจ ให้บอมส์ พี่ออต และตนเอง และเครือข่ายทุกคน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท