ความคิดเห็นที่ 12
|
|
ตามที่ทางหมออนามัยได้ให้การดูแลเยี่ยมบ้านประชาชนในหม่บ้าน ได้พบปัญหาครอบครัวหนึ่งว่า สามีเป็นคนไทย ภรรยาเป็นลาวลักลอบเข้าไทย แต่งงานกัน แล้วมีลูก แต่ไม่ได้ฝากท้องเนื่องจากยากจน จึงออกลูกเองที่บ้านเมื่อไปยื่นขอใบเกิดที่อำเภอก็ไม่ได้ ให้ผู้ใหญ่บ้านรับรองก็ไม่ได้ ( เป็นคนเถื่อน ) แต่ลูกคนที่สองได้ฝากท้องคลอดที่โรงพยาบาลจ่ายค่าคลอดเอง หมื่นกว่าบาท ได้ใบเกิด ไม่ทราบว่ามาตรา 23 นี้จะช่วยเหลือบุตรคนแรกได้หรือไม่อย่างไร ขณะนี้อายุ 11 ปีแล้ว ได้เข้าโรงเรียนแต่ไม่มีชื่อในเอกสารราชการ เคยไปขอมา 3 ครั้ง จนผู้ใหญ่บ้านตายไปแล้ว 2 รุ่น ก็ยังไม่ได้ กรุณาช่วยตอบด้วยครับ
|
|
โดย หมออนามัย [email protected] เมื่อ วัน อาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน 2551, 12 : 24 น. IP : 118.175.132.197 |
|
จากปัญหาที่คุณหมออนามัยถามมานั้นมีประเด็นที่น่าพิจารณาว่า เด็กคนนี้(ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "น้องหนึ่ง" )ถือเป็นผู้ทรงสิทธิตาม มาตรา ๒๓ แห่ง พรบ.สัญชาติ (ฉบับที่๔) พ.ศ.๒๕๕๑ หรือไม่ ? และมีสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยอย่างไร ?
เพื่อตอบปัญหาดังกล่าว จะต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นเสียก่อนว่าสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของ "น้องหนึ่ง" เป็นอย่างไร แล้วมาพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขของ ม.๒๓ หรือไม่ หากเข้าเงื่อนไข ม.๒๓ แล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อไป
----------------------------------------------------
น้องหนึ่ง มีสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยอย่างไร ?
----------------------------------------------------
การที่เราจะพิจาณาสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของน้องหนึ่งได้นั้น เราต้องพิจารณาจากจุดเกาะเกี่ยว ว่าน้องหนึ่งมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยหรือไม่ และเนื่องจากเราทราบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นว่าน้องหนึ่งเกิดในประเทศไทยดังนั้นจึงถือว่าน้องหนึ่งมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทย ตั้งแต่เกิดโดยหลักดินแดน
ส่วนการพิจารณาว่าน้องหนึ่งมีจุดเกาะเกี่ยวโดยหลักบุคคลหรือไม่นั้นต้องพิจารณาว่าน้องหนึ่งสืบสายโลหิตมาจากคุณพ่อหรือคุณแม่ที่มีสัญชาติไทยหรือไม่
หากฟังเป็นที่ยุติได้ว่าคุณพ่อของน้องหนึ่งมีสัญชาติไทย เราย่อมถือได้ว่าน้องหนึ่งมีจุดเกาะเกี่ยวกับประเทศไทยโดยหลักบุคคลอีกประการหนึ่งด้วย
ในอีกมุมหนึ่ง เราอาจถือว่าน้องหนึ่งมีจุดเกาะเกี่ยวกับรัฐอื่นด้วยเช่นกัน ซึ่งในที่นี้คือประเทศลาว เนื่องจากปรากฎข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่าคุณแม่ของน้องหนึ่งอพยพมาจากลาว แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าคุณแม่ของน้องหนึ่งมีสัญชาติลาวหรือได้รับการบันทึกตัวในทะเบียนราษฎรของรัฐลาวหรือไม่ ซึ่งในกรณีที่คุณแม่ไม่ได้รับการบันทึกในทะเบียนราษฎรของประเทศลาว หรือประเทศอื่นใดบนโลกย่อมถือว่าคุณแม่ของน้องหนึ่งไร้รัฐ และอาจไร้รัญชาติเช่นกันหากพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีสัญชาติของรัฐใดบนโลก
ดังนั้น เพื่อความชัดเจนในการกำหนดสถานะบุคคลตามกฎหมายไทยของน้องหนึ่ง เราจึงจำต้องตั้งข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสถานะของคุณแม่ของน้องหนึ่งไว้สองกรณี คือ ในกรณีที่คุณแม่มีสัญชาติลาว และในกรณีที่ไม่ปรากฎว่าคุณแม่มีสัญชาติลาว โดยแยกพิจารณาเป็นสองกรณีใหญ่ คือ กรณีที่คุณพ่อและคุณแม่จดทะเบียนสมรสกัน และกรณีที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เพราะผลทางกฎหมายของทุกกรณีที่กล่าวมาย่อมแตกต่างกัน
กรณีที่คุณพ่อและคุณแม่จดทะเบียนสมรสกัน
น้องหนึ่งย่อมเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายทั้งของคุณพ่อและคุณแม่ ไม่ว่าคุณพ่อและคุณแม่จะจดทะเบียนสมรสกันก่อน หรือหลังจากที่น้องหนึ่งคลอดออกมาแล้วก็ตาม (ดูปพพ.)
ซึ่งในกรณีนี้มีข้อสันนิษฐานย่อยได้อีกสองประการ
ในกรณีที่คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน
น้องหนึ่งถือเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของคุณแม่เท่านั้น เว้นแต่คุณพ่อได้จดทะเบียนรับรองความเป็นบุตร
โดยแยกพิจาณาได้เป็นสองกรณี คือ
---------------------------------------
ผู้ทรงสิทธิตาม มาตรา ๒๓ มีใครบ้าง ?
----------------------------------------
มาตรา ๒๓ บัญญัติว่า
"บรรดาบุคคลที่เคยมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรแต่ถูกถอนสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ข้อ ๑ และผู้ที่เกิดในราชอาณาจักรแต่ไม่ได้สัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๕ ข้อ ๒ รวมถึงบุตรของบุคคลดังกล่าว ที่เกิดในราชอาณาจักรไทยก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับและไม่ได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ทวิ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒)พ.ศ.๒๕๓๕ ถ้าบุคคลผู้นั้นอาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยติดต่อกันโดยมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และเป็นผู้มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมหรือประเทศไทย ให้ได้สัญชาติไทยตั้งแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เว้นแต่ผู้ซึ่งรัฐมนตรีมีคำสั่งอันมีผลให้เป็นผู้มีสัญชาติไทยแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ผู้มีคุณสมบัติตามวรรคหนึ่งยื่นคำขอลงรายการสัญชาติในเอกสารการทะเบียนราษฎรต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรแห่งท้องที่ที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาในปัจจุบัน "
------------------------------
องค์ประกอบของมาตรา ๒๓
------------------------------
๑. เป็นบุคคลที่เกิดในประเทศไทย และ
๒. เคยมีสัญชาติไทยแต่ถูกถอนสัญชาติไทยตาม ปว.๓๓๗ ข้อ ๑ หรือ
๓. ไม่ได้สัญชาติไทยตาม ปว.๓๓๗ ข้อ ๒ หรือ
๔. เป็นบุตรของบุคคลที่ถูกถอนสัญชาติหรือไม่ได้สัญชาติไทยตาม ปว.๓๓๗
๕. อาศัยอยู่จริงในราชอาณาจักรไทยติดต่อกันโดยมีหลักฐานทางทะเบียนราษฎร และ
๖. เป็นผู้มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมหรือประเทศไทย
แม้ว่าบุคคลตาม มาตรา ๒๓ จะได้สัญชาติไทยแล้วนับตั้งแต่วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ เป๋นต้นมา แต่เพื่อให้มีเอกสารพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่ออกโดยรัฐไทยอันเป็นหลักฐานที่แสดงว่ามีสัญชาติไทย และเพื่อประโยชน์ในการใช้สิทธิบุคคลตาม มาตรา ๒๓ จึงจำเป็นต้องยื่นคำขอลงรายการสัญชาติในทะเบียนบ้าน ท.ร.๑๔ ซึ่งจะนำไปสู่การมีบัตรประจำตัวประชาชนของคนสัญชาติไทยด้วย โดยกระบวนการและขั้นตอนต่างๆ เป็นไปตามที่กรมการปกครองกำหนด
ยื่นต่อใคร : ต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
ยื่นที่ไหน : ยื่น ณ ท้องที่ที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนาในปัจจุบัน (เช่น มีชื่อในทะเบียนบ้าน มีชื่อในแบบพิมพ์ประวัติ)
เริ่มยื่นได้เมื่อไหร่ : ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑ (เมื่อพ้นกำหนดเก้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ )
ใช้หลักฐานอะไรบ้าง : ดูรายละเอียดในหนังสือสั่งการของกรมการปกครอง ฉบับที่๑ ฉบับที่ ๒
มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดหรือไม่ : ยื่นได้ไม่ มีกำหนดเวลา
------------------------------------
"น้องหนึ่ง" ต้องทำอย่างไรต่อไป ?
------------------------------------
ไปตอบด้วยภาษาชาวบ้านให้คุณหมออนามัยในกระดานข่าวแล้วยังคะ
ตกลง กำลังจะบอกใช่ไหมคะว่า น้องหนึ่งตก ม.๒๓ ว.๑ ไหม
ตกลงตอบว่า น้องหนึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิ์ในมาตรา ๒๓ ไหมคะ