เคล็ดไม่ลับ....เทคนิคการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน..


เทคนิคการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน..

เคล็ดไม่ลับ....เทคนิคการส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน..

                สมหวัง  พันธะลี  (2551: 1-3)ได้รวบรวมการศึกษาเอกสารเกี่ยวกับการส่งเสริมนิสัยรักการอ่านของผู้เกี่ยวข้องกับนักเรียน พบว่า ..เคล็ดไม่ลับกับการอ่าน..หน้า 50-51 สรุปได้ว่า  วัตถุประสงค์ของการอ่าน คือ อ่านเพื่อแสวงหาความบันเทิง อ่านเพื่อแสวงหาความรู้  อ่านเพื่อแสวงหาความคิด อ่านเพื่อปรับปรุงบุคลิก  จากเหตุผลดังกล่าว จึงได้เสนอแนวทางการพัฒนาตนเองในการสร้างเสริมนิสัยรักการอ่าน คือ พยายามสร้างนิสัยตนเองให้รักการอ่าน โดยพยายามอ่านหนังสือทุกประเภท ฝึกฝนการอ่านหนังสือให้รวดเร็วและพยายามจับใจความให้ได้ ฝึกฝนตั้งจุดมุ่งหมายในการอ่าน คือ อ่านเพราะต้องรู้  ฝึกสังเกตส่วนประกอบของหนังสือ เช่น ปก คำนำ สารบัญ คำนิยม หัวเรื่อง บรรณานุกรม นอกจากนี้ยังต้องใช้เทคนิคอื่นอีก เช่น จัดบรรยากาศใน ทำจิตใจให้มีสมาธิ ใช้ประสาททุกส่วนช่วยจำ ตั้งใจแน่วแน่  ทำอารมณ์ให้สดใส(ไม่ปรากฏผู้แต่ง: 50-51)  และนอกจากนี้ อุดมศักดิ์  พลอยบุตร (2545 : 18-21) กล่าวถึงการส่งเสริมความรักการอ่าน ว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดตลอดจนโรงเรียนและครูผู้สอนควรมีบทบาทอย่างไร ไว้ดังนี้

                ผู้ปกครอง ควรจะ มีนิสัยรักการอ่านเป็นตัวแบบที่สำคัญที่จะทำให้ลูกรักการอ่านด้วย  จัดบรรยากาศภายในบ้านให้เหมาะแก่การอ่าน มีมุมสบาย ๆ  หมั่นสำรวจว่าลูก ๆ ชอบอ่านหนังสืออะไรประเภทใด เพื่อจะได้จัดหามาให้  หมั่นพาลูก ๆ ไปร้านหนังสือ เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกได้เลือกหนังสือที่ส่งเสริมความรอบรู้ การให้ของขวัญกับลูก ๆ ในโอกาสสำคัญ เช่น วันเกิด  ส่วนโรงเรียนล่ะ  ควรดำเนินการดังนี้  คือ จัดสภาพและบรรยากาศ ตลอดจนแหล่งทุกแหล่งในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้  จัดหาวัสดุทรัพยากรสารนิเทศให้สอดคล้องกับความต้องการ ทันสมัย ทันเหตุการณ์อย่างเพียงพอ  จัดบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยการเปิดเวทีให้กับผู้เรียนได้แสดงออกให้มากที่สุด  จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านเป็นประจำและต่อเนื่องในช่วงพักกลางวันหรือชั่วโมงกิจกรรม  เช่น  วันจันทร์  แนะนำหนังสือที่น่าอ่าน อาจใช้เสียงตามสาย วันอังคาร เป็นการประกวดแข่งขัน  หมุนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ วันพุธจัดกิจกรรมรีวิวของกลุ่มนักเรียนหรือรายบุคคล  วันพฤหัสบดี จัดกิจกรรมเล่านิทาน ประกวดการเล่านิทาน และวันศุกร์ จัดกิจกรรมโต้วาที อภิปรายหนังสือ วิพากษ์วิจารณ์หนังสือ เป็นต้น  .....เป็นต้นนะ...

                ส่วนครูนะสำคัญมาก .. คือ ควรถือเป็นภาระหน้าที่โดยตรงในการส่งเสริมการอ่านให้เป็นนิสัยถาวร สอนวิธีแสวงหาความรู้ อันช่วยให้เขานำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้น ควรจะจัดตั้งชมรมหรือชุมนุมนักอ่าน  หมวดสาระการเรียนรู้ ควรมีห้องสมุด เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักเรียน  ครูแต่ละสาระการเรียนรู้ควรจัดบรรยากาศและกิจกรรมให้นักเรียนมีนิสัยรักการอ่าน  ส่งเสริมให้นักเรียนฝึกทำหนังสือส่งเสริมการอ่านเล็กด้วยมือตนเอง เช่น หนังสือเล่มเล็ก เป็นเรื่องที่นักเรียนชอบ ก่อนสอนควรจัดกิจกรรมอ่านหรือ สรุปข่าวประจำวัน  ส่งเสริมให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้ไปจัดนิทรรศการของโรงเรียนหรือกลุ่มสาระการเรียนรู้ด้วย ...และมอบรางวัลนักเรียนที่มีนิสัยหรือทำเป็นแบบอย่างในการอ่านหนังสือด้วย....

555555555555555555555555555   forforforforforforforforforfor  shareshareshareshareshareshareshare

อ้างอิง : 

สมหวัง  พันธะลี.  การส่งเสริมนิสัยรักการอ่านในโรงเรียน.  เอกสารหมายเลข 9/2551  แผ่นนิเทศทางไกล : กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา กาฬสินธุ์ เขต 1 ประจำเดือน กรกฎาคม  2551.

อุดมศักดิ์  พลอยบุตร.  ส่งเสริมความรักอ่าน  วารสารวิชาการ.  ปีที่ 5 (6)  มิถุนายน  2545, 19-21.

 

บันทึกโดย  Somwang  Puntalee

ตัวแทนสมาชิก กลุ่ม 2 5forshare

หมายเลขบันทึก: 195093เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2008 14:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 10:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

นิทานส่งเสริมการอ่าน

เรื่อง .........

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ประเทศจีนยังมีชาวนาคนหนึ่งเป็นคนที่มีนิสัยขยันขันแข็ง หลังจากทำไร่ไถนาตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ทำให้ชาวนา รู้สึกเหน็ด

เหนื่อย จึงได้เดินไปนอนเล่นพักเหนื่อยอยู่ใต้ร่มเงาหน้าผาใกล้ ๆ ขณะนั้นเอง ณ ทุ่งหญ้าบนภูเขา ได้มีกวางหนุ่มตัวหนึ่ง วิ่งหนีเสือที่ไล่กวดมาอย่างกระชั้น

ชิด เจ้ากวางวิ่งหนีจนมาถึงริมหน้าผา และได้พลาดตก จากหน้าผา ร่วงลอยละลิ่วลงมากระแทกพื้นตาย ณ ตรงหน้าชาวนาที่กำลังนอนหลับ เสียงดังสนั่นจน

ชาวนาสะดุ้งตื่น วันนั้นชาวนาผู้โชคดีจึงได้กินเนื้อกวางย่างอันแสนโอชะ แถมยังได้แล่เนื้อกลับเอาไปตากแห้ง เก็บไว้กิน ได้เป็นเดือน ๆ ชาวบ้านต่างลือ

กันไปทั่วถึงความมีโชคดีของชาวนาคนนี้

ยังมีชาวนาอีกคนหนึ่งได้ยินข่าวลือ ก็นึกอยากจะได้เนื้อกวางแสนอร่อยมากินเหมือนกับชาวนาคนแรก เขาจึงได้บอกภรรยาว่าต่อไปนี้จะไม่ออกไปทำนา

แต่จะไปนอนที่ริมหน้าผาเพื่อรอให้กวางตกลงมาอีก ตนจะได้นำเนื้อกวางมาเลี้ยงครอบครัว และถ้าได้กวางบ่อย ๆ เขาจะได้เลิกอาชีพชาวนาสักที นับตั้งแต่วัน

นั้นเป็นต้นมา ชาวนาคนที่สองก็ได้แต่ไปนั่ง ๆ นอนๆ ที่ใต้หน้าผาแห่งนั้น เพื่อรอกวางตกลงมาจากหน้าผา ไม่ยอมทำงานทำการเหมือนอย่างเคย

ชาวนาเฝ้ารออยู่หลายวันหลายคืน แต่กวางก็ไม่ยอมตกลงมาสักที

ด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชาวนาอุตส่าห์จุดธูปไหว้เจ้าป่าเจ้าเขา อ้อนวอนขอให้ดลบันดาลกวางตกลงมาให้เป็นลาภปาก เขาเฝ้าวิงวอนอยู่เช่นนี้

ทั้งวันทั้งคืนจนร่างกายผ่ายผอม แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนที่สุดภรรยาของเขาทนไม่ไหวขู่ว่าจะหอบเสื้อผ้าหนีไปหากยังไม่ยอมไปทำการทำงาน ประกอบกับ

เพื่อนบ้าน พากันหัวเราะเยาะขบขัน ชาวนาจึงจำใจต้องเลิกราความตั้งใจ หันกลับไปทำนาเช่นเดิม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท