คนเดินถนน...คนหนึ่ง


กฏหมายเกี่ยวกับการจราจรของประเทศญี่ปุ่นเข้มมาก ดังนั้นอัตราการเกิดอุบติเหตุจึงมีน้อย

สวัสดีค่ะ  ไม่ได้เข้ามาหลายวันเนื่องจากอาทิตย์นี้กับอาทิตย์หน้าเป็นสัปดาห์มหาโหด  มีสอบตลอด  แต่ว่าไม่เป็นไร  สิ้นเดือนก็ปิดเทอมแล้ว  คิดแล้วมีความสุขจังเลยอิอิ  (นอกเรื่องไปเยอะเลย ) วันนี้มาตามคำขอค่ะ  จะมาเล่าเกี่ยวกับระบบการจราจรของประเทศญี่ปุ่นให้ฟัง  ในความรู้สึกของหนูมะขามนะคะ  รู้สึกว่ากฏหมายน่าจะคล้ายกันแต่ว่าในทางปฏิบัติแล้วต่างกันจนเห็นได้ชัดค่ะ  ที่เซ็นได  จะใช้รถบัส  รถไฟธรรมดา  รถไฟใต้ดิน  ซินกันเซ็น ค่ะ  แต่ว่าหนูมะขามถนัดปั่นจักรยานค่ะ

อันดับแรกนะคะ  ระบบการจราจรที่นี่ขับขี่เลนซ้ายเหมือนบ้านเราค่ะ  แต่ว่าถ้าจะเลี้ยวซ้ายต้องรอสัญญาณไฟก่อน  ไม่ใช่เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดเหมือนบ้านเรา  ถนนหนทางคับแคบมากดังนั้นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากจึงเป็นรถยนต์คันเล็ก  แบบมิร่าก็มีเยอะ  รถยนต์มือสองจะมีราคาถูกมาก  คันละประมาณ 30,000 บาท ก็สามารถหาซื้อได้ค่ะ  (ถูกว่ามอเตอร์ไซด์ด้วยค่ะ) 

อันดับสอง  การขับขี่  ส่วนใหญ่จะจำกัดความเร็วที่ 80 ค่ะ  กรณีในเมือง  ซึ่งก็ไม่สามารถใช้ความเร็วได้อยู่แล้ว  และที่ถนนเมื่อเจอคำสั่งหยุดในกรณีที่เป็นแยกเล็ก ๆ ต้องหยุดนะคะ  เพราะว่าเขามีกล้องติดไว้ค่ะ  หรือว่าในกรณีที่ออกนอกเมืองก็ต้องปฏิบัติตามกฏมาก ๆ เพราะว่าจะมีกล้องติดตลอด  ไม่ต้องกลัวว่าทำผิดแล้วจะไม่มีคนเห็น  เหอเหอ  ถูกจับแน่นอน 

อันดับสาม  ทางม้าลายค่ะ  เป็นอะไรที่ประเทศไทยไม่มีนะคะ  เพราะว่าที่นี่เขาให้ความสำคัญกับคนเดินถนนมากที่สุดค่ะ  เมื่อเจอทางม้าลายต้องจอดให้คนเดินถนนไปก่อนค่ะ  แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณไฟก็ต้องให้คนหรือจักรยานไปก่อน   รถยนต์ทุกคันต้องจอดรอ  ไม่มีการบีบแตรเร่งว่าเดินไวๆ  หน่อยนะ   แค่คนขับรถเห็นว่ามีคนรอข้ามถนนตรงทางม้าลาย  ก็จะจอดโดยอัตโนมัติค่ะ (ต้องทางม้าลายนะคะ) ใหม่ๆ หนูมะขามเห็นรถมาก็ยืนรอให้รถไปก่อนค่ะ  แบบว่าหน้าแตกอ่ะ  ประมาณว่าก็ต่างคนก็ต่างรอให้อีกฝ่ายไปก่อน แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มชินแล้วค่ะ  ถ้าเห็นสัญญาณไฟเขียวคนเดิน  สามารถสปีดได้เต็มที่ไม่ต้องห่วง  เป็นสิทธิ์ของเราค่ะ  แต่ต้องระวังคนนะคะ

อันดับสี่  ถ้ามาญี่ปุ่นจะเห็นว่ามีคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใส่สูทเต็มยศนะคะ (เน้นว่าใส่สูทผูกไทด์เต็มยศ) ปั่นจักยานไปทำงานค่ะ  ใหม่ ๆ ก็เห็นเป็นเรื่องแปลกมากๆ  โอ้โฮแต่งตัวซะดีเลย  เพราะว่าบ้านเราคนที่แต่งแบบนี้มักจะเป็นฝ่ายบริหาร  ไอ้จะมาปั่นจักรยานน่ะเหรอ  ฝันไปเถอะ  แต่ที่นี่จะเห็นเป็นเรื่องปกติ  เพราะว่าพนักงานบริษัทจะแต่งตัวแบบนี้และก็ปั่นจักรยานจากบ้านมา  หรืออาจไปต่อรถไฟหรือรถบัสก็ได้  (ซึ่งตอนนี้ไม่แปลกแล้วค่ะ)  บางคนก็ปั่นประมาณ 6-7 กิโล  ส่วนหนูมะขามวันละประมาณ 7 กิโล  ต่อด้วยเดินขึ้นเขาประมาณ 5 กิโลค่ะ  เป็นเรื่องจิ๊บ ๆ เพราะว่าอากาศดี  ไม่ร้อน  และที่สำคัญนักศึกษาคนอื่นๆ ก็ทำกันเป็นเรื่องปกติค่ะ  จักรยานสามารถปั่นบนทางเท้าได้  และที่ถนนก็ได้  แต่ว่าในกรณีที่ปั่นบนทางเท้า  ถ้ามีคนเดินมากต้องรอให้คนเดินไปก่อน  อย่างที่บอกน่ะค่ะว่าเขาให้ความสำคัญกับคนเดินถนนมากที่สุดค่ะ  (  เขาเล่าว่าการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้งจะต้องจ่ายค่าเสียหายมากเลย  บางที่อาจหมดตัวก็ได้  เขาเรียกตั้งแต่ค่ารถแท็กซี่เดินทางไปทำงานในระหว่างที่ยังไม่หาย  และค่าอื่น ๆ อีก ดังนั้นคนขับรถจึงต้องระวังมากเป็นพิเศษค่ะ  เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ)  ซึ่งในตอนเช้าเส้นทางไปมหาวิทยาลัยยิ่งต้องระวังมากเพราะว่ามีกองทัพจักรยานเยอะ

อันดับห้า  มอเตอร์ไซด์ที่นี่หนูมะขามมองว่ากฏของที่นี่ก็ดีไปอย่าง  เพราะว่ามอเตอร์ไซด์ขนาดเล็ก  ประมาณฟีโน่  ป๊อบ  ห้ามซ้อนเด็ดขาด  ทำมาเพื่อขับขี่คนเดียว  เห็นแล้วก็น่ารักดี (ประมาณว่าจะซ้อนกับแฟนพากันขี่รถชมวิวน่ะ  ทำไม่ได้เลยค่ะ  ดังนั้นคนญี่ปุ่นน้อยคนไม่มีโอกาสแบบนี้เลยอิอิ) จะซ้อนได้ต้องเป็นมอเตอร์ไซด์ขนาดใหญ่เท่านั้นค่ะ  แค่สองคนเท่านั้นด้วย  แต่ว่าคนไม่นิยมเท่าคันเล็กค่ะ

อันดับหก  คนญี่ปุ่นเป็นคนที่เดินทนมาก  คนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองส่วนใหญ่เดินเก่งกันทั้งนั้น  2-3 กิโลนี่เป็นเรื่องปกิ  เพราะว่าเป็นการเดินในเมืองจะสามารถดูของสวยๆงามๆได้เรื่อยๆ  ไม่เบื่อค่ะ

จากการที่หนูมะขามปั่นจักรยานมาเกือบปีแล้ว  รู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงมาก  เคยจูบถนนก็เคยมาแล้ว  (เจ็บไม่กลัว  กลัวอายค่ะ  ล้มปุ๊บต้องรีบลุกทันที่  อายมากๆๆๆ ) ถ้าพี่ๆ เพื่อนๆ มีเวลาลองปั่นจักรยานวันละนิดสิคะ  ร่างกายจะได้แข็งแรง(ที่สำคัญไม่เปลืองค่ารถค่ะ  อันนี้เรื่องใหญ่ค่ะ โฮะโฮะ)  ไม่เพิ่มปัญหาโลกร้อนได้ค่ะ ลองดูนะคะ

หมายเลขบันทึก: 195780เขียนเมื่อ 22 กรกฎาคม 2008 17:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)
  • ดีจังเลย
  • ทำให้ได้เรียนรู้เรื่องคนญี่ปุ่น
  • ดีจังได้ออกกำลังกาย
  • 24-26 กค
  • ไปอบรมให้คุณครูที่สุพรรณบุรีเขต 2
  • ว่าจะปั่นคันนี้ไป
  • ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
  • คงต้องออกตอนตีสาม
  • จะได้ทันอบรมครู
  • อิอิๆๆ
  • เอาอันไหนไปดี

ไม่ต้องรีบค่ะอาจารย์ ออกตอนเย็น รับรองเช้าถึงแน่นอนอิอิ (ไปแอบหยิบของใครมาหรือคะ)ว่าแต่ว่าอาจารย์ไปอบรมให้ที่ไหนคะ

- น่าอ่านมาก...หนูมะขาม

- อยากให้เมืองไทยเป็นแบบนี้จัง....

- วันไหนว่างป้าทองก็ชวนลุงเขาปั่นเหมือนกัน....แต่ว่าไม่ได้ไปโรงเรียนนะ เราปั่นกินลมชมวิวตามประสาหนุ่มสาววัยดึกน่ะ ..ฮิ.ฮิ..ฮิ (ห้ามทำตาอย่างนั้นไฟมันลุกโชนเชียว)

ป้าทองจ๋า แหมอิจฉา..... หวานจัง..... ไม่เกรงใจคนทางนี้บ้างเลย ตอนนี้คงต้อตีหัว ลากเข้าถ้ำฮิฮิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท