นานแล้วนะครับที่ผมไม่ได้เขียนบันทึกเลย ห่างหายไปนานเหมือนกัน ปรกติผมจะเขียนบันทึก ณ ที่ทำงาน แต่วันนี้เขียนที่ "กรุงเทพฯ" พุ้นเด้อ
จะเขียนเรื่องอะไรดีหล่ะครับ คงเป็นเรื่องที่ " ฯพณฯ ท่านหัวหน้า" ฝากไว้ "เปิดเปลือยตนเอง" หรือภาษาง่าย ๆ ที่เราเข้าใจกันคือ "แฉเพื่อประจานตนเอง" ครับ
นึกถึง เมื่อวันที่ "3 ก.ค. 51" ครับกองกิจฯเรามีจัดโครงการ "พฤหัสฯสกัดความรู้" วันนั้นเป็นหน้าที่ผมครับ "รู้จักฉันรู้จักเธอ" คือหัวข้อที่ผมได้รับ และหลังจากที่ผม "เปลือย" วันนั้น มีบางคน เรียกผมว่า "อ้ายหล่า/บักหล่า ห_น้อย" ขนาดนั้นยังไม่สะใจอีก เป็นไงเป็นกันครับ มารู้จักผมต่อเลย
1.เป็นเด็กเรียนเก่งแต่ขี้เกียจ
สมัยเรียน ประถม สอบได้ 4.00 ตลอด เรียนมัธยมตอนต้น เคยเป็นผู้มีผลการเรียน ติด 1 ใน 10 ของผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุดในโรงเรียน คงเพราะจำแม่นครับ แต่ ก็นั่นแหละครับ เพราะขี้เกียจ จึงทำให้ความรู้ที่มีขี้เกียจตามไปด้วย
2.ตอนเด็กขอบเที่ยวเธค...แต่โตมาชอบฟังเพลงลูกทุ่งและหมอลำ
ประมาณปี 2533 -2535 ช่วงนั้นผมเรียน ป.5-ม.1 ผมเป็นคนชอบเที่ยว "เธค" ตามบ้านมาก ที่เป็นประเภท ล้อมลวดหนามและเปิดเพลง แล้วเก็บบัตร รอบละ 2 บาท ไปทุกหมู่บ้านที่ได้ยินข่าวว่ามีและสามารถเดินไปได้ ระยะทางไม่เกิน 10 กม. จะไปวันศุกร์ตอนเลิกเรียน แล้วกลับอีกทีเย็นวันอาทิตย์ "จำไม่ได้ว่านอนที่ไหน" "กินข้าวที่ไหน" เร่ร่อนอยู่อย่างนี้ 2 ปีกว่า ๆ แต่พอโตมา ชอบฟังเพลงลูกทุ่งและหมอลำ "เพราะมันทำให้ไม่ลืมตัวตนของผมเอง" ลูกชาวนา ที่โตมากับท้องไร่ ท้องนา ขี่ควายและเล็มหญ้า
3.เป็นคนตีนเปิ่ม
"ตีนเปิ่ม" เป็นภาษาอีสาน หมายถึง เท้าที่มีขนาดใหญ่ ตอนเด็ก จะเล่น "ตาจ๊ะ" บ้านผมเรียกอย่างนั้น คือ จะใช้เท้าขีดบนพื้นดินเป็นตารางรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าประมาณ 5 ช่องติดกัน ผู้เล่นจะใช้ ก้อนหิน หรืออะไรก็ได้มาทำเป็นลูก โยนไปบนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ห้ามให้โดนเส้น ผู้เล่นจะกระโดนขาเดียวไปทีละช่องจนถึงช่องสุดท้ายแล้วกระโดดกลับมา แล้วเตะลูกให้ออกด้านหน้า แต่ห้ามโดนเส้น แต่ ถ้าลูกอยู่ใกล้เส้น เขาก็จะลองขีดเส้นดูว่าโดนลูกไหม ถ้าไม่โดนก็เล่นต่อ แต่ถ้าโดนก็เปลี่ยนให้อีกฝ่ายเล่น และหน้าที่นี่ก็คือ "ผม" สมมุติ ถ้าเส้นที่ขีดมีขนาด 4 นิ้ว เมื่อผมขีดทับเส้นเดิม เส้นใหม่ที่เกิดขึ้นจะมีขนาดความกว้าง 6 นิ้ว เพื่อนผมจึงเรียกว่า "บักตีนเปิ่ม"
4.ชีวิตที่ติดอยู่กับการเดินทาง
"ชีพจรลงเท้า" คงเคยได้ยินคำนี้ครับ ผมไม่แน่ใจว่าใช้กับผมได้ป่าว ครับ
5.เจ้าชู้...แต่...เขินอายที่จะเอ่ยคำว่า "รัก"
ในชีวิตผมรักผู้หญิงอยู่ 3 คน ครับ แต่เอ่ยคำว่ารัก แค่ "คนเดียว"
คนแรก คบกัน 4 ปี ครับ แต่ก็ไม่เคยเอ่ยคำว่ารักซักที
คนที่สอง คบกัน 4 ปี ครับ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยว่ารักอีก
คนปัจจุบัน 4 ปีแล้วครับที่คบกันมา และเป็นคน "แรก" และ "คนเดียว" ที่ผมเอ่ยคำว่า "รัก" ออกไป ครั้งแรกกับการเอ่ยคำนี้ "อายมาก" แทบจะแทรกแผ่นดินหนี "ไม่รู้สิครับ" อายจริง ๆ
เรื่องราว..แทบช๊อค(ยุคนี้ใช้ปากกาไวบอร์ดแล้ว)
หวังว่าคราวหน้าจะมีการประจานตัวเองต่อนะ
อ่านแล้ว อดขำไม่ได้.
เพราะชีวิตที่ต้องเดินทางนี่แหละ ถึงได้มาอยู่กองกิจ ฯ
แต่สำหรับเรื่องความรักนั้น ขอยกนิ้วให้... มั่นคง ซะเหลือเกิน
เยี่ยม ๆ
ชื่นชมๆๆๆๆๆๆๆๆ 55555555555555555555555555555555
มั่นคงในรักจริงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เริศค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นึกถึงตอนนั้นที่พี่เคยอกหักกับคนที่รัก ณ ปัจจุบัน อิอิอิ นี่แหละเนาะที่เค้าว่าคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกัน ขอให้รักกันตราบนานเท่านาน และขอให้มีความสุขมากๆนะคะ
เรื่องราวได้อารมณ์ สุดซึ้งงเรื่องรัก 555