เจ้าโก๋เก๋ ส่งข่าวมาทางสายว่า วันอาทิตย์นี้ มีงานพิธีใหญ่ที่วัด ท่าโรงตะวันตก เนื่องจากที่วัดท่าโรงตะวันตก คือสถานที่ก่อเกิดประเพณีแข่งเรือยาวของเมืองสองแควเลยทีเดียว คณะกรรมการตั้งศาลเจ้าแม่ตะเภาทอง เพื่อให้ลูกบ้านได้กราบไหว้ ที่ได้ทำการขุดเรือแข่งใหม่ชื่อว่าเรือ แม่ลูกไข่ คุณตาเกลี้ยง ทองรอด อายุ 82 ปี เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ที่ได้ชื่อว่า แม่ลูกไข่ เป็นนามของผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้มอบปัจจัยเป็นค่าใช้จ่ายในการขุดเรือลำใหม่ ขอให้ตั้งชื่อเรือแข่งขันว่า แม่ลูกไข่ เพื่อลงแข่งขันในทุกน่านน้ำทั่วไทย เรือ แม่ลูกไข่ ขุดด้วยไม้สัก โดยหัวหน้าทีมคือ ช่าง ชื่อสำราญ บุญพา อายุ 66 ปี ทำการขุดเรือแข่งขันมาร่วม 30 ปีแล้ว โดยปัจจุบันนี้ขุดเรือทั้งหมด 5 ลำ เทียบไว้ที่วัดท่าโรงตะวันตก คือเรือผ่องนภา ขุนศึก แม่ศรีตะเภาทอง และเรือรุ่งนภา ส่วนลำสุดท้าย คือเรือแม่ลูกไข่
ตามประเพณี เมื่อขุดเรือเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะทำการ ตกแต่งสวยงามเรียบร้อยต้องทำพิธีบวงสรวงแม่ย่านางเรือ โดยนำเครื่องเซ่น ทั้งคาว-หวาน ผ้าแพรสีสวยงามประดับ ตกแต่งประดับด้วยธงสี มีนางละครมาร่ายรำถวาย แม่ย่านาง และคุณตาเกลี้ยง ทองรอด คือผู้ทีทำพิธีเป็นพ่อหมอ กล่อมแม่ย่านางเรือ โดยคำร้อง จะชมความสวยงามของเรือแม่ลูกไข่ และให้เรือแม่ลูกไข่ลงสนามใดในทุกน่านน้ำ ขอให้ได้รับชัยชนะทุกการแข่งขัน ซึ่งปีที่แล้ว ผู้เขียนได้มาบันทึกภาพนิ่งและวิดีทัศน์ไว้ก่อนลงแข่งที่สนามหน้าวัดพระศรีมหาธาตุ(วัดใหญ่) การไปครั้งนี้ ได้มีโอกาสได้ภาพการนำเรือขุดใหม่ลงน้ำเป็นครั้งแรก ในครั้งนี้ ได้นำเรือขุนศึก เรือลำพี่ลงมาประชันกันเรือน้องใหม่แม่ลูกไข่ ฝีพาย ทางคณะผู้ใหญ่ เกรียงไกร และทางวัด เชิญมาจากพิจิตร นครสวรรค์ มาพายเรือแม่ลูกไข่ประชันกับเรือพี่เรือขุนศึก ฝีพายจากวัดบางพยอมกับที่ท่าโรงเอง ลงแข่งขันทั้ง 2 เที่ยว ขุนศึก ชนะขาดทั้ง 2 เที่ยว แต่ ต้องสลับฝีพาย กันระหว่างแม่ลูกไข่กับขุนศึกกันอีก เพราะพละกำลังฝีพายย่อมแตกต่างกัน ยังตัดสินไม่ได้ว่าเรือรื่นไหลดีหรือไม่ดี วันนี้เป็นการประลองเท่านั้น จึงต้องมีการปรับปรุงเรือกันอีกครั้งหนึ่ง
วันนี้ ผู้เขียนยังได้พูดคุยกับกำนัน และบุคลสำคัญคือ คุณลุงนคร สนสิธิ อายุ 66 ปี ท่านเป็น อสม. แพทย์ประจำตำบลวัดพริก เรายืนพูดคุยกันถึงเรื่องการรวบรวมภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่า ควรอนุรักษ์ ท่านสามารถเล่าถึง ที่ท่าโรงนี้คือประวัติศาสตร์เก่า ท่าโรงนี้เป็นสถานทึ่ตั้งค่ายทัพของพระอภัยราชา ใน ครั้งสงคราม 9ทัพ ผู้เขียนได้ข้อมูลจากท่านมากทีเดียว ยังแนะนำให้ท่านบันทึกคำบอกเล่าไว้ให้ลูก-หลาน ได้รู้เรื่องราวที่สำคัญของต.วัดพริกแห่งนี้ไว้
ชาวบ้านวัดพริกแห่งนี้ จะมีหลายวัย หลายรุ่น ตั้งแต่ เล็กๆๆ ช่วงวัยรุ่น วัยทำงาน ไม่เหมือนบางหมู่บ้านพบแต่คนเฒ่าคนแก่เลี้ยงหลานเล็กๆๆ เสียมากกว่า เนื่องจากวัยทำงานทิ้งบ้านช่องเข้าทำงานตามโรงงานกันเสียมาก แต่ที่นี่ท่านเล่าให้ฟังว่าเด็กช่วงวัยเรียนมีโอกาสได้ศึกษาต่อในระดับอุมศึกษา ได้มาก เนื่องจากคนท่าโรง อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยนเรศวร ครอบครัวจึงอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน น้องโก๋เก๋ ยังบอกว่านำข้าวใส่ปิ่นโต ไปทานที่มหาวิทยาลัยเป็นประจำ ประหยัด และอิ่มด้วยฝีมือแม่พ่ออีก อิอิ เล่ามามาก ชมภาพพรุ่งนี้นะคะ ติดไว้ก่อน ง่วงแล้วจ้า
เจ้าโก๋เก๋ กองกำลังส่งปิ่นโตพี่คนองกับพี่นิด น่ารักมาก ที่วางชาม และเสียบช้อน ไอเดียเยี่ยม มาก แสดงถึงการเตรียมการต้อนรับไม่ให้บกพร่อง ภูมิปัญญาคุณตาของที่นี่จริง จริ้ง ประทับใจชาวท่าโรงตะวันตกมากค่ะ
ขอคุณพี่นิดที่เอาสิ่งดี ๆ มาฝากอีกแล้วคับท่าน
แวะมาชม อิอิ ขยันจังเลย
หวัดีครับ ...มาดูเรือลงน้ำครับ
ค่ะ น้องขจิค ใกล้ฤดูแข่งขันเรือยาวของประเทศเราแล้ว ฝีฟาย ต้องลงฟิตซ้อม พละกำลัง เป็นประเพณี กีฬาพื้นบ้าน บนสายน้ำ วิถีชีวิตคนไทยเรา แต่ดั่งเดิม ที่ควรอนุรักษ์ คงความเอลักษณ์ ของไทยเรา ไว้ สืบทอดต่อให้ชนรุ่นต่อๆๆจากเราด้วยนะจ้ะ