1. กล่าวนำ
เพราะโลกคือการเรียนรู้ หนึ่งของการเรียนรู้คือ "การอ่าน" เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการสานต่อสิ่งรอบตัวมากมาย หลายคนมีความสุขกับการอ่าน หลายคนค้นพบตนเองจากการอ่าน ผมจึงคิดว่า "การอ่านเป็นหนทางสู่ปัญญา เป็นดวงตาแห่งการเรียนรู้และเป็นประตูสู่ความสำเร็จ" การอ่านหนังสือทำให้เรารู้จักโลกกว้างขึ้นไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ใกล้หรือไกล เราสามารถรู้และเข้าใจถึงกันหมด การอ่านทำให้เรารู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีต สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และจะเกิดขึ้นในอนาคต การอ่านทำให้เรารู้เรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม วิทยาศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ตลอดจนภาษาต่างๆ การอ่านยังมีผลต่อความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ ตลอดจนจิตนาการของผู้อ่านปัจจุบัน
2. ที่มาของแนวคิด
การอ่านมีความสำคัญต่อตนเอง เพระการอ่านทำให้เราได้รับความรู้ ความเพลิดเพลิน มีความคิดทันโลก ทันเหตุการณ์และเข้าใจสังคมได้ดี ฉะนั้นการอ่านในโอกาสสำคัญต่างๆ จะผิดพลาดและคลาดเคลื่อนไม่ได้ เพราะบางครั้งจะมีผู้นำไปอ้างอิงหรือเผยแพร่เป็นลายลักษณ์อักษรอยู่เสมอ หากผิดพลาดจะเกิดผลเสียหายได้ ผศ.การุนันทน์ รัตนแสนวงษ์ ได้รวบรวมวัตถุประสงค์ของการอ่านไว้ ซึ่งอจารย์ได้เสนอแนะว่า การอ่านนี้แท้จริงแล้วขึ้นอยู่กับความต้องการแท้จริงของมนุษย์ การจูงใจในการอ่านชนิดต่างๆ อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัฒนธรรมของโลก และวัตถประสงค์พื้นฐานที่มีประโยชน์ว่าเราอ่านหนังสือทำไม ดังนี้
* เพื่อเป็นพิธี หรืออ่านเพราะเป็นนิสัย
* เพื่อฆ่าเวลาหรือใช้เวลาให้หมดไป
* เพื่อทราบและเข้าใจเหตุการณ์ปัจจุบัน
* เพื่อค่านิยมและความสุขส่วนตัวในขณะนั้น
* เพื่อสนองความต้องการทางปฏิบัตืในชีวิตประจำวัน
* เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทั่วไปไม่นำไปประกอบอาชีพ
* เพื่อเพิ่มพูนวามรู้ด้านอาชีพและวิชาชีพ
* เพื่อสนองความต้องการด้านสังคมและส่วนตัว
* เพื่อสนองความต้องการด้านสังคมและการเมือง
* เพื่อพัฒนาและปรับปรุงตนเองตลอดจนขยายพื้นฐานทางวัฒนธรรมของตนเอง
* เพื่อสนองความต้องการด้านปัญญา
* เพื่อสนองความต้องการด้านจิตใจ
3. สิ่งที่อยากทำ
อยากเห็นเด็กๆ ในชนบทเห็นคุณค่าของการอ่านให้มาขึ้น ให้รักหนังสือ เพราะหนังสือคือสิ่งสำคัญยิ่งต่อมนุษย์ทุกวันนี้ จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยอันหนึ่งในการดำรงชีวิต คนที่ไม่รู้หนังสือ แม้จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ก็เป็นชีวิตที่ไม่สมบูรณ์ ไม่มีความเจริญ ไม่สามารถประสบผลสำเร็จในสังคมได้
นรินทร์ ลีกระโทก บันทึก
การอ่านไม่ใช่วัฒนธรรมการเรียนรู้ของคนไทย แต่เป็นการฟัง เช่น ฟังนิทาน ฟังเทศน์ ตามกระแสวัฒนธรรมของคนตะวันออก คำว่า พหูสูต ที่แปลว่า ผู้เรียนรู้มาก ผู้อ่านมาก ตามรูปศัพท์ก็คือ ผู้ฟังมาก เด็กไทยเราชอบฟังนิทานจากผู้ใหญ่มากกว่าอ่านเอง ส่วนหนึ่งไม่ใช่เพราะเกียจคร้านแต่การเล่าทำให้ได้อรรถรสและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นหนึ่งกับคนอีกรุ่นหนึ่งและเราก็มีแนวโน้มชอบอย่างนั้นมากกว่า เมื่อมีวิทยุโทรทัศน์ เราจึงนิยมเสพมากกว่าหนังสือ
ดิฉันคิดว่า สิ่งสำคัญที่น่าคิดคือ เด็กไทยรับความรู้จากทางใดบ้าง วิเคราะห์สาเหตุ และจะหาวิธีหรือกิจกรรมในห้องเรียนที่ปลูกฝังให้รักการอ่านอย่างไรบ้าง
การสร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการอ่านเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กรักการอ่าน เช่นที่บ้านมีมุมหนังสือสำหรับเด็ก ในหลังเบาะรถมีหนังสือการ์ตูนสีสวย ๆ เสียบไว้ล่อตาล่อใจ
ที่โรงเรียนมีมุมสบาย ๆ มีหนังสือแปลกใหม่ผลัดเปลี่ยนมาเด็กได้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ มีกิจกรรมที่ส่งเสริมการอ่านจาก Internet สารานุกรม และกิจกรรมดี ๆ อื่น ๆ น่าจะช่วยได้นะคะ