เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2551 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้เข้าสนทนากับผู้เชี่ยวชาญ ดร.อรพินธ์ และคุณปัด ซึ่งได้ Conferance ถึงปัญหาในการอ่านหนังสือของนักเรียน และได้เสนอแนะปัญหาของการไม่มีนิสัยรักการอ่านของเด็กนักเรียนในพื้นที่ชายแดนไว้หลายสาเหตุ ที่เป็นเรื่องจริง เช่น
1. เด้กนักเรียนย้านติดตามผู้ปกครองไปประกอบอาชีพรับจ้าง ในต่างพื้นที่เป็นเวลานานเป็นเดือน เพือรับจ้างทางการเกษตร ตัดอ้อน ปลูกมัน กรีดยางทำสวนผลไม้ ระยะเวลา 2 - 3 เดือนก็ย้ายกลับอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ประจำทุกๆปี
2. ครูมาบรรจุใหม่เมื่อพ้นทดลองจะขอย้ายกลับภูมิลำเนา การจัดกิจกรรมหรือการดำเนินการตามโครงการไม่ต่อเนื่องในบางกิจกรรม นักเรียนได้เรียนในกลุ่มสาระที่ครูสอนไม่ต่อเนื่อง เด็กย้ายเข้าออกบ่อยครูย้ายบ่อยผลสัมฤทธิ์นักเรียนก็ต่ำ
3. ครูสอนไม่ตรงตามวิชาเอก หรือไม่ตรงตามวิชาที่ถนัด เพราะครูในชายแดนต้องสอนประจำชั้นคนเดียวและต้องสอนทั้ง 8 กลุ่มสาระ และมีกิจกรรมเพิ่มอีกมากหมาย สาระวิชาที่ถนัดก็ตั้งใจสอน วิชาที่ไม่ถนัดก็สอนเท่าที่จำเป็นหรืออาจไม่สอนเลย เช่น สาระศฺลปะ ดนตรี นาฏศิลป์ สาระพลศึกษา สาระงานอาชีพและเทคโนโลยี เป็นต้น
4. ครูไม่ครบชั้นเรียน เนื่องจากเกณฑ์การจัดสรรครูได้ยึดจำนวนนักเรียนไม่ยึดชั้นเรียน ในบางโรงเรียนเปิกสอน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล - ป.6 มี 8 ห้องเรียนแต่ตามเกณพ์มีครูสอน 4 - 5 คน
5. ปัญหาอื่นๆอีก เช่น ปัญหาครอบครัว พ่อแม่หย่าร้าง ความยากจน เด็กอยู่ตามลำพังผู้ปกครองไปหารับจ้างต่างพื้นที่เป็นเวลาหลายเดือน เด็กขาดเรียนไปรับจ้าง หรือช่วยผู้ปกครองประกอบอาชีพ ผู้ปกครองไม่เห็นความสำคัญทางการศึกษา เป็นต้น
ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ
1. ควรประชุมผู้บริหารโรงเรียนในพื้นที่ใกล้กันที่มีผลของปัญหาคล้ายๆกัน ร่วมปรึกษากำหนดแผนและวิธีการแก้ปัญหา
2. ทำความเข้าใจกับครู ผู้ปกครอง ผู้นำท้องถิ่น นักเรียน จัดทำSWOT หาจุดอ่อน จุดแข็งจากการระดมความคิด กำหนด VISION MISION ของสถานศึกษาและหาโอกาสวางแผนพัฒนา
3. เก็บข้อมูลความรู้พื้นฐานของนักเรียนด้านการอ่าน จากคะแนน NT คะแนน O - NET และคะแนนจากการประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์และเขียน
ขอขอบคูณผู้เชี่ยวชาญที่ให้ข้อเสนอแนะ
เป็นปัญหาที่น่าหนักใจ น่าเห็นใจและต้องรีบแก้ไขนะคะ ทราบดีว่ายากแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ให้เด็กไปเรียนตามระบบป.๑-ม.๓เหมือนนักเรียนทั่วไปก็คงจะไม่ได้ด้วย
แต่วิธีแก้ปัญหาที่เสนอมาข้างต้นก็ยังเป็นวิธีแก้เดิมๆ เดิมๆอย่างไร?
แน่นอนตามหลักการต้องมีข้อ ๑.เมื่องบประมาณมาถึง หลังการสัมมนาก็จะพบข้อ๒.ข้อ ๓.เป็นผลที่ตามมาของข้อ ๒ และก็จะเกิดข้ออื่นๆตามมาอีกเป็นจำนวนมาก ข้อ๓.แม้ไม่ทำก็รู้ผลการทดสอบดี
ดิฉันเสนอให้ตั้งโรงเรียนพิเศษสำหรับชุมชนห่างไกล ระยะสั้น เน้นการอ่านออกเขียนได้ การสอนวิธีคิด การใช้เหตุผลและอื่นๆที่จำเป็น ของเหล่านี้เป็นความรู้พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการอยู่ในสังคม ถ้าให้ครื่องมือในการหาความรู้แก่นักเรียนแล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็สามารถพึ่งตัวเองได้