'ปลูกผักสามัญประจำบ้านฯ' ลดรายจ่ายชุมชนเมือง


นายทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งดำเนินโครงการปลูกผักสามัญประจำบ้านเพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือนของชุมชนเมือง โดย   มุ่งสนับสนุนให้ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปลูกผัก 5 ชนิด ได้แก่ มะเขือเปราะ กะเพรา โหระพา พริกขี้หนู และมะละกอ ไว้บริโภคภายในครัวเรือน ด้วยการนำภาชนะหรือวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการปลูก และใช้พื้นที่ว่างที่มีค่อนข้างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้
 
เบื้องต้นคาดว่าจะมีประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัด สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ไม่น้อยกว่า 50,000 ราย ได้แก่ กรุงเทพฯ 12,000 ราย นนทบุรี 15,000 ราย ปทุมธานี 10,000 ราย และ      สมุทรปราการ 13,000 ราย ซึ่งหลังจากพืชผักทั้ง 5 ชนิดให้ผลผลิตและเก็บเกี่ยวบริโภคได้แล้ว คาดว่าจะสามารถช่วยลดรายจ่ายให้ครอบครัวที่เข้าร่วมโครงการฯ อย่างน้อย 120 บาท/ครอบครัว/เดือน คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 72 ล้านบาท/ปี และยังจะก่อให้เกิดสิ่งแวดล้อมที่ดีในชุมชนด้วย
 
นายทรงศักดิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครประชาชนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งมีผู้สนใจจำนวนมาก จากนั้นจะเร่งฝึกอบรม สมาชิก เพื่อให้ความรู้เรื่องการปลูกผักสามัญประจำบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง โดยกรมฯได้เตรียมสนับสนุน หกล้าพันธุ์ผักรวมกว่า 500,000 ต้น ไว้ให้ผู้เข้า      ร่วมโครงการและผ่านการอบรมนำไปปลูกรายละประมาณ 10 ต้น (ชนิดละ 2 ต้น) ด้วย ซึ่งผักทั้ง 5 ชนิดเป็นผักที่ปลูกง่าย มีพื้นที่ว่างขนาด 1-5 ตารางเมตร ก็สามารถปลูกได้โดยไม่ต้องปลูกในแปลง แต่ปลูกในภาชนะแทน เช่น ปลูกในกระถาง ยางรถยนต์เก่า กะละมัง และ ขวดน้ำ เป็นต้น
 
อย่างไรก็ตาม หากมีความสนใจและต้องการเข้าร่วมโครงการปลูกผักสามัญประจำบ้านเพื่อลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวชุมชนเมือง สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานเกษตรกรุงเทพมหานคร สำนักงานเกษตรจังหวัดนนทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดปทุมธานี สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ และกรมส่งเสริมการเกษตร โทรศัพท์ 0-2940-6106

 

ที่มา  หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์

 

หมายเลขบันทึก: 199054เขียนเมื่อ 6 สิงหาคม 2008 11:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน 2012 02:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

เป็นโครงการที่เราจะได้ยินกันอยู่บ่อย แต่ไม่ค่อยจะเห็นผลเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะโครงการนี้ต้องใช่ระยะเวลาและต้องใช่ความเอาใจใส่ แต่เราก็รู้กันอยู่แล้วว่าสังคมเมืองผู้คนต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ไม่มีไครมามีเวลาดูแลต้นไม้ อาจจะเหอเป็นกระแสแรกๆ แต่ถ้าจะเป็นโครงการระยะสั้นอาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้าเป็นโครงการระยะยาวอาจไม่ประสบความสำเร็จมากที่ควร อาจเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท