ปีนี้แม่เราอายุ ๗๔ ปีแล้ว แม้จะอายุขนาดนี้.... แม่ก็ยังแข็งแรงมากมาก เราว่าเราเดินเร็วแล้ว แม่ยังเดินเร็วกว่าเราเสียอีก แม่เติบโตมากับบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ริมแม่น้ำแม่กลอง ท่ามกลางอาณาบริเวณเรือกสวนไร่นาที่ร่มรื่นกว้างขวาง แม่เราเป็นลูก “คนเล็ก” ของตากับยาย... เป็น “น้องเล็ก” ที่พี่สาว ๔ คนและพี่ชาย ๒ คนทั้งรักทั้งเอ็นดู....ฟังเรื่องที่แม่เล่า...ท่าทางว่าตอนเด็ก ๆ แม่เราคงจะแก่นแก้วไม่เบา อีกทั้งตากับยายและพี่ๆ คงจะตามใจแม่ไม่น้อย ช่วงที่แม่ต้องจากบ้านมาเรียนที่กรุงเทพฯ... ตากับยายและลุง ๆ ป้า ๆ ของเราคงเป็นห่วงแม่มากทีเดียว เราชอบฟังแม่เล่าเรื่องราวของความหลัง...วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคสมัยที่แม่เติบโต ...เรื่องเล่าของแม่มีชีวิตชีวาและหลากหลายอรรถรส... เรื่องเกี่ยวกับมิติทางจิตวิญญาณที่เราจำขึ้นใจตลอดมาคือ เรื่องที่เพื่อน ๆ ของแม่เล่นผีถ้วยแก้วในเรือนนอน แล้วพอตอนเช้า เพื่อนกลุ่มนั้นหน้าซีดตาโรย ประมาณว่าไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืน สอบถามได้ความว่า...เพื่อนของแม่ทุกคนที่ล้อมวงเล่นผีถ้วยแก้วถูกปลุกให้ตื่นยามดึกและถูกตำหนิจาก “เจ้านายหญิง” ที่แม้จะได้เสด็จละสังขารจากภพภูมิมนุษย์แล้ว หากทว่าด้วยความผูกพัน...ดวงวิญญาณของท่านยังคงสถิตย์ ณ สถานที่พำนักแห่งนั้น...สถานที่ซึ่งในอดีตเคยเป็น “วังส่วนใน” มีกฏระเบียบห้ามผู้ชายเข้าออก...ที่เพื่อนของแม่ถูกตำหนิเพราะบังเอิญว่าผีที่มาเข้าถ้วยแก้วในคืนนั้นเป็น “ผู้ชาย” …. เสียดายจังที่แม่เราไม่ได้ร่วมวงเล่นผีถ้วยแก้วกับเพื่อน ๆ ด้วย มิเช่นนั้น แม่คงมีรายละเอียดที่เราอยากรู้ มาเล่าให้เราฟังได้อีกเยอะ แม่มีความทรงจำที่ดีมาก หลายเรื่องที่เราจำไม่ได้แล้ว ทว่าแม่ยังคงจำได้ทุกบททุกตอน...เวลาที่เราพาเพื่อน ๆ ไปหาแม่ หากมีโอกาสครั้งใด แม่จะชอบเล่าเรื่องของเราตอนเด็ก ๆ ให้เพื่อนฟังเสมอ ดูแม่มีความสุขมากที่ได้เล่าเรื่องราวของลูก ... แม่เล่าไปพลาง ก็หัวเราะไปพลาง...ส่วนเรา ฟังทุกครั้งก็ขำตัวเองทุกครั้ง แล้วก็แอบคิดในใจว่า...ตอนเด็ก ๆ เราซุกซนและโยเยเกเรได้ขนาดนั้นเชียวละหรือ....ไม่น่าเชื่อเลยนะ แม่ใส่บาตรทุกเช้า...ตั้งแต่เราจำความได้ หน้าที่อย่างหนึ่งของเราตอนที่ยังตัวเล็ก ๆ คือ การวิ่งไปที่ถนนชายน้ำเพื่อดูว่าพระท่านมาบิณฑบาตหรือยัง หากเห็นสีเหลืองของจีวรปลิวมาแต่ไกล เราก็จะรีบวิ่งกลับมาและบอกทุกบ้านว่า “พระมาแล้ว” จากนั้น ทั้งพ่อทั้งแม่และบรรดาลุงป้าก็จะทยอยกันมาที่ศาลาริมถนนชายน้ำ...พวกเราเริ่มต้นวันใหม่กันด้วยการทำบุญใส่บาตร ...แม่ปลูกฝัง "วิถีแห่งพุทธ" ให้เราตั้งแต่เยาว์วัยด้วยภารกิจนี้ จำได้อีกว่า ตอนเด็ก ๆ เราเคยตามพี่เลี้ยงไปซื้อกับข้าวที่ตลาด แม่ไม่ให้ซื้อปลาเป็นหรือปลาที่ยังมีชีวิตมาทำอาหาร และไม่ให้สั่งฆ่าปลาอีกด้วย เราจึงคุ้นเสมอกับคำพูดของพี่เลี้ยงที่ถามแม่ค้าว่า “วันนี้มีปลาที่เพิ่งตายบ้างหรือเปล่า” ส่วนบรรดาขยะทั้งหลายอีกทั้งเศษใบไม้ในบริเวณบ้าน แม่ก็ไม่ให้เผาเหมือนเช่นที่บ้านอื่น ๆ เขาทำกัน แต่ให้นำไปลงหลุมและกลบทิ้ง ด้วยเกรงว่าหากเผา...มดและแมลงตัวเล็กตัวน้อยจะต้องตาย...แม่เราช่างใจดีจริงหนอ แม้แม่จะเกษียณราชการมานานสิบกว่าปีแล้ว แต่แม่ก็ยังคงมี “วงสมาคม” โดยมีเพื่อน ๆ และรุ่นพี่รุ่นน้อง อีกทั้งลูกศิษย์ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเสมอ ๆ ...แม่มักชอบเล่าเรื่อง “บุญ” ให้ทุก ๆ คนฟัง ภาพในใจแม่คงมีแต่เรื่องการทำความดี... ด้วยว่ากิจกรรมส่วนใหญ่ในชีวิตของแม่ คือการ “สะสมบุญ” ทั้งด้วยการ "ทำทาน" การ "รักษาศีล" และการ "เจริญสมาธิภาวนา"...แม่จะสวดมนตร์ทำวัตรเช้าและวัตรเย็นด้วยเสียงที่แจ่มใสกังวานดังเสนาะ.... เราเองเสียอีกที่ยังจำบททำวัตรไม่ได้ขึ้นใจเสียที เรื่องของแม่มีอีกมากมาย ให้บอกเล่าเท่าไรก็คงไม่มีวันหมด
…......
ใครหนอ...รักเราเท่าชีวี ใครหนอ...ปราณีไม่มีเสื่อมคลาย ใครหนอ...รักเราใช่เพียงรูปกาย รักเขาไม่หน่าย มิคิดทำลาย...ใครหนอ ............ ในวาระแห่ง “วันแม่” ...๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑...อยากบอกผู้ที่เป็น “ลูก” ทุกคนว่า...ณ วันนี้...วันที่ยังมีแม่อยู่ให้รักและดูแล...เราได้แบ่งเวลาในชีวิต เราได้ทำหน้าที่ของลูก เราได้ดูแลคนที่ “รักเรา” มากที่สุด....ให้ดีแล้วหรือยัง
ทำดีกับ “แม่” ผู้เป็นเสมือนดั่ง “พระในบ้าน” ที่ลูกทุกคนควรเคารพรักบูชาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เถิดนะ เพื่อที่วันหนึ่งข้างหน้า... วันที่ไม่มี “แม่” อยู่เคียงข้าง เราจะได้ไม่ต้องรู้สึก “เสียใจ” ที่ไม่ได้ตอบแทนพระคุณ
กอดแม่ให้เต็มอ้อมแขนเถิดนะ...ก่อนที่จะไม่มีแม่ให้กอด
พี่ตุ้มสบายดีจ๊ะ
น้องขจิตล่ะ ซำบายดีบ่...
เมื่อใดจะได้คุยกันแบบเจอตัวประมาณว่านั่งล้อมวง "สุนทรียสนทนา" กันบ้างเด้อเด้อ
โขคดีนะที่ยังมีแม่อยู่ด้วย อายุยืนอีกด้วย ขอให้ท่านจงเจริญด้วยอายุยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ ขอให้ปฏิบัติกับท่านเสมือนพระในบ้าน ส่วนตัวดิฉันเองช่างโชคไม่ดีเลยลืมตามาก็ไม่เห็นแม่ซะแล้ง เห็นแต่ภาพถ่ายของท่านเท่านั้นเอง เช้านี้ตรงกับวันที่ 12สิงหาคม ดิฉันไปทำบุญตักบาตรให้ท่าน กรวดน้ำให้ท่านเรียบร้อยแล้ว
สวัสดีค่ะคุณ wasana
ยินดีค่ะที่ได้รู้จักและขอบคุณสำหรับคำพรที่มอบให้นะคะ ...ช่วงที่นั่งคิดและเขียนเรื่องนี้ก็ได้ทบทวนตัวเองไปด้วยค่ะว่าเราควรต้องแบ่งเวลาจากภารกิจการงานต่าง ๆ เพื่อดูแล "พระในบ้าน" ให้มากขึ้น ให้ท่านมีความสุขให้มากที่สุด ให้ท่านได้ประพฤติปฏิบัติธรรมอย่างสะดวกสบายที่สุด... เพราะเป็นช่วงสุดท้าย ช่วงบั้นปลายชีวิตที่จะได้สั่งสมบุญกุศลติดตัวค่ะ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ได้มีโอกาสทำหน้าที่กัลยาณมิตร พาคุณแม่ของเพื่อนรุ่นน้องไปทำบุญในวาระวันคล้ายวันเกิดของท่านที่วัดค่ะ ท่านอายุ ๗๙ ปีแล้วค่ะ (ต้องใช้รถเข็นช่วยแล้ว) ดูท่านมีความสุขมากตลอดทั้งวันที่อยู่วัดค่ะ ท่านบอกว่า "ถ้าลูกชายไม่พามา ก็มาวัดไม่ได้" เลยบอกคุณลูกชายไปว่า... อย่าทำแต่งาน ต้องแบ่งเวลาพาแม่มาวัดด้วย...
ตามหลักพุทธศาสนา การอธิษฐานจิตขอส่งกระแสแห่งบุญใส ๆ ที่เราได้ทำไปให้แก่บุพการีและผุมีพระคุณตลอดจนบุคคลอันเป็นที่รักที่ได้ล่วงลับไปแล้ว... มีผลจริงค่ะ เพราะบุญเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง...ทำบุญและส่งจิตถึงท่านบ่อย ๆ นะคะ จะช่วยให้ท่านมีความสุขมากขึ้นในภพภูมิของท่านค่ะ ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ