ซำเหนือเมื่อหน้าหนาว (ตอนจบ)


การปฏิวัติไม่มีสิ้นสุด

ทางการลาวต้องการให้ถ้ำผู้นำเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ของการกู้ชาติ จึงจัดไว้อย่างดีมีสาวลาวซึ่งรู้ประวัติศาสตร์ดีทีเดียวเป็นคนนำชมถ้ำ  มีหลายถ้ำทีเดียว  พิเคราะห์ดูแล้วขบวนการปะเทดลาวเลือกยุทธภูมิได้เหมาะสมทีเดียว  แขวงหัวภู เอ๊ย หัวพันค่ะ เป็นพื้นที่ภูเขาหินปูนติดต่อกัน  หาพื้นราบได้น้อย  การเข้าถึงลำบากเพราะไม่มีถนน  จะใช้เครื่องบินก็ไม่สะดวก  ท่านผู้นำทั้งหลายปฏิบัติหน้าที่ต่อสู้กับผู้รุกรานอยู่เก้าปี  ที่อยู่ในถ้ำและเผชิญกับการทิ้งระเบิดและการสู้รบอย่างหนักกับมหาอำนาจที่เหนือกว่าลาวทั้งฐานะทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี่ทางการทหาร  ด้วยความช่วยเหลือจากมิตรประเทศในค่ายคอมมิวนิสต์อย่างจีนและเวียดนามทำให้ขบวนการปะเทดลาวยืนหยัดปฏิบัติการกู้ชาติของตนได้

              ไปถึงถ้ำท่านผู้นำก็ค่อนข้างเย็นแล้ว  ผู้นำแต่ละท่านมีถ้ำปฏิบัติการของตนเอง  ดังนั้นต้องเลือกชมถ้ำที่สำคัญๆเท่านั้น  เริ่มด้วยถ้ำของท่านสุภานุวงศ์ซึ่งเป็นประธานประเทศคนแรก  เมื่อขบวนการปะเทดลาวชนะสงคราม  ในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๑๘ ท่านสุภานุวงศ์เข้ารับตำแหน่งประธานประเทศเป็นคนแรก  โดยมีท่านไกรสร พรหมวิหารเป็นประธานพรรคคอมมิวนิสต์ลาว  ท่านหนูฮัก พูมสวรรค์เป็นรองประธาน  ผู้นำคนสำคัญๆท่านอื่นได้แก่  ท่านภูมิ วงศ์วิจิตร ท่านคำไต สีพันดอน  ท่านสีสะวาด แก้วบุญพัน ท่านพูน ศรีประเสริญ และท่านสมพร ลอวันชัย เป็นต้น  ได้ตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวขึ้น  แล้วเปิดประชุมพรรคครั้งที่สามที่นครหลวงเวียงจันทน์  จัดตั้งกรมการเมืองหรือคณะผู้นำรัฐบาล คณะรัฐมนตรีนำโดยท่านไกรสร พรหมวิหาร และสภาประชาชนสูงสุด

              ถ้าของท่านผู้นำเป็นถ้ำธรรมชาติที่มีการปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้งาน  ในถ้ามีห้องทำงาน  ห้องประชุม ห้องพักผ่อน  ห้องพยาบาล  ห้องนอนของเจ้าของถ้ำและครอบครัว  หน้าถ้ำของเจ้าสุภานุวงศ์มีหลุมระเบิดขนาดใหญ่  ขนาดควายยี่สิบตัวลงไปนอนยังไม่เต็ม ทางการลาวเอาปูนซิเมนต์มาโบกเพื่อเป็นถาวรวัตถุที่ระลึกของการเสี่ยงชีวิตของท่านผู้นำ  ในปัจจุบันมีการต่อไฟฟ้าเข้าไปใช้ให้แสงสว่างในถ้ำบางแห่ง  ทำให้คิดถึงสมัยก่อนที่ไม่มีความสะดวกสบายต่างๆนั้น  การเป็นมนุษย์ถ้ำเป็นชีวิตที่ยากลำบากสำหรับผู้นำซึ่งล้วนแล้วเป็นปัญญาชนที่เคยชินกับชีวิตที่สุขสบาย  การมีชีวิตอยู่กับความเป็นความตาย ลูกระเบิดที่ลงมาถี่ยิบ อัตคัดขาดแคลน อีกทั้งยังต้องเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเหล่านักสู้ของขบวนการประชาชนนั้น  นับเป็นความเสียสละที่ชนรุ่นหลังไม่ควรลืม

              สหายทั้งสามอยู่ในวัยสี่สิบต้นๆ  รู้รสชาติของชีวิตในยามสงครามว่าทุกข์ยากขนาดไหน  ชาวบ้านจะทำมาหากินก็ยากลำบาก ไถนาดำนาต้องทำกันตั้งแต่มืด พอสว่างต้องลงหลุมหลบระเบิด  ตกกลางคืนจะจุดไฟไต้ไม่ได้ทั้งนั้น  แม้จะก่อไฟหุงข้าวก็เสี่ยงอย่างยิ่งเพราะควันไฟจะพาเครื่องบินทิ้งระเบิดมาได้  ครอบครัวพลัดพรากจากกัน  ความตายอยู่ใกล้ตัว  การได้มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของท่านผู้นำทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละ  ประโยคหนึ่งที่อำนวยพูดขึ้นซึ่งกินใจยิ่ง คือ การปฏิวัติไม่มีวันตาย  การมาเยี่ยมถ้ำผู้นำในวันนี้ทำให้ทั้งสามระลึกถึงชีวิตที่ผ่านความตายมาแล้ว  โชคดีเพียงใดที่ยังรอดมาได้

              ถ้ำท่านไกรสร  พรหมวิหารเป็นถ้ำใหญ่  มีการเจาะถ้ำให้ติดต่อถึงกันได้  มีห้องประชุมของผู้นำ  ห้องประชุมใหญ่สำหรับเหล่าทหารหาญและนักรบประชาชน  ที่ห้องทำงานของท่านถูกจัดไว้เหมือนในอดีต  มีรูปจำลองของเลนิน  และที่น่าสนใจคือ รูปของเช กูวารา  นักปฏิวัติละตินอเมริกาซึ่งส่งมาให้กับท่านไกรสรในโอกาสที่คณะผู้แทนจากคิวบามาเยือนฐานปฏิบัติการของขบวนการปะเทดลาวในหัวพัน

              ชมถ้ำเสร็จแล้วพากันนั่งรถกลับมาซำเหนือ  ถึงตอนค่ำพอดี  คาดว่าจะพักโรงแรมเดิมได้  ปรากฏว่าเต็ม  เจ้าของบอกว่าทั้งโรงแรมมีห้องพักสิบสามห้อง  เต็มหมด  แนะนำให้ไปพักที่โรงแรมเก่าตรงกันข้ามชื่อโรงแรมลาวรุ่ง  เป็นโรงแรมแบบเก่า  ขนาดใหญ่ทีเดียว  แต่คนพักค่อนข้างน้อย  ดูแล้วน่ากลัวอยู่  คุณบุญส่งจัดให้ขึ้นไปนอนที่ห้องพิเศษบนเทิง  พิเศษจริงๆนะจะบอกให้  เป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว  โปรดทราบว่าห้องอื่นๆส่วนใหญ่ต้องตะกายออกมาใช้ห้องน้ำข้างนอก  ห้องน้ำอย่างดี  มีอ่างอาบน้ำซะด้วย  มิหนำซ้ำยังมีห้องรับแขกอยู่ติดกับห้องนอน  รู้สึกว่ามันจะหรูหราเกินความจำเป็น  ที่สำคัญคือ กลัวมีแขกมาเยือนกลางคืน  แต่ไม่มีทางเลือก  ต้องยิ้มสู้  อาบน้ำอุ่นเล็กๆ  ไม่สะใจเท่าโรงแรมเดิม  แล้วเดินออกไปหาข้าวเย็นกิน  ร้านเดิมปิด  ต้องลองร้านใหม่  มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งนั่งกินอะไรที่คล้ายหมูกระทะ  แต่เราไม่ได้สั่งหมูกระทะหรอก  อาหารไม่อร่อยเท่าที่ควร  เจ้าของร้านค่อนข้างสูงวัย  เป็นแม่หม้าย  คุณบุญเจ้อแอบเรียกว่า แม่ฮ้างเฒ่า  รู้สึกจะมีอะไรที่ไม่เปิดเผยบางอย่าง  เห็นสามหนุ่มสามมุมซุบซิบกันอยู่ระหว่างมื้ออาหาร

              กินไปด้วย  ฟังเพลงไปด้วย  จนในที่สุดก็อำลากลับไปนอนเพราะกะว่าจะออกเดินทางแต่เช้า  ปรากฎว่าตอนเช้าสหายทั้งสามก็ออกไปเดินตลาดทำหน้าที่พ่อเฮือนที่ดี  ซื้อของกินไปฝากภรรยา  ส่วนมากเป็นปลาแห้งปลาเค็มจากเวียดนาม  และกักตุนอาหารไปกินระหว่างทาง  กินอาหารเช้าเสร็จไปบ้านแก้วหนองเขียว  ใกล้วัดโพนไซ  เยี่ยมบ้านพ่อเฒ่าคำพันเพื่อดูการทอผ้า  ปรากฎว่าครอบครัวนี้ทอผ้าส่งญี่ปุ่น  มีกี่ทอหลายหลัง  มีเด็กสาวๆมาทอกันหลายคน  ซื้อผ้ามาสองผืน เฮือนหลังใกล้ๆกันก็ทอกันทั่วหน้า คุณบุญส่งลงไปเติมลมรถที่ร้านใกล้ๆ  มาชวนไปดูผ้า  น่าเสียดายที่ระยะหลังนี้การทอผ้าส่งเวียงจันทน์นั้นฮิตกันมาก  ทำให้ลวดลายการทอหยาบลงเรื่อยๆ  เป็นการทอสนองความต้องการของตลาด ที่ต้องการสินค้าราคาถูกและเร็ว  ผ้าทอลาวจึงแพร่หลายไปทั่ว  แม้กระทั่งบนถนนคนเดินทางเมืองเชียงใหม่ก็มีหลายเจ้า  มีทั้งของใหม่ ของเก่า และของใหม่ที่ทำให้ดูเก่า  ราคามีตั้งแต่ไม่ถึงร้อยถึงสามสี่พันบาท 

              หลังจากนั้นไปดูหนังสือที่แผนกท่องเที่ยว  ได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับหัวพันเป็นภาษาลาว  หวังว่าสักวันหนึ่งหากยังมีลมหายใจจะต้องอ่านภาษาลาวให้ได้เหมือนอ่านภาษาไทย  กว่าจะออกจากซำเหนือก็เกือบสิบเอ็ดโมง  เพราะคุณบุญส่งมัวไปถ่ายรูปโรงแรมและอื่นๆ  จากนั้นก็ตีตั๋วรวดเดียว  ผ่านบ้านและเมืองต่างๆของแขวงหัวพัน เชียงขวาง หลวงพระบาง และอุดมไซยเพื่อให้ถึงแขวงหลวงน้ำทาในคืนนั้น  เช่นเดิมรถผ่านหมู่บ้านและป่า  มีชาวบ้าน วัวควายออกมาเดินริมถนน  บางแห่งกำลังมีงานเลี้ยงรื่นเริง  บางแห่งมีชาวบ้านมาชุมนุมกันเพื่อดูทีวี  คุณบุญส่งขับรถเก่งมาก  สหายบุญเจ้อเสนอตัวจะเปลี่ยนขับให้  ปรากฎว่าขับไปได้ไม่นานก็ยอมแพ้เพราะง่วงนอนมาก   

              เกือบสองทุ่มแวะกินข้าวเย็นที่ร้านเล็กๆที่ไม่มีไฟฟ้า  มองแทบไม่เห็นว่ากินอะไรไปบ้าง  เป็นอาหารที่เอามาจากซำเหนือและต้มส้มของทางร้าน  มีเด็กหนุ่มสี่ห้าคนกำลังนั่งกินข้าวและกินเหล้าอยู่  เจ้าของร้านมีลูกสาวท่าทางขยันขันแข็งช่วยต้อนรับแขก  ก่อนออกเดินทางต่อเราเงยหน้าขึ้นมองฟ้าอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาเมืองลาว  ดาวนับหมื่นดวงส่องแสงระยิบระยับ  อยู่ใกล้เหมือนจะหยิบเอามาได้  ทำไมดาวเมืองลาวสวยอย่างนี้  หรือเป็นเพราะไม่เคยได้มีโอกาสมองฟ้ายามค่ำคืนอย่างนี้มานานปี  ฟ้าเมืองไทยไม่สวยอย่างนี้  หรือเราไม่มีเวลาเงยหน้าดูฟ้ากันแน่  ลาก่อนซำเหนือ แขวงหัวพัน  หากมีวาสนาจะกลับมาอีก    

หมายเลขบันทึก: 201085เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2008 10:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มิถุนายน 2012 22:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท