kong
นาย ก้องเกียรติ เติมเกษมศานต์

หญิงตั้งครรภ์ทำไมต้องตรวจฟันด้วย ........?


พบเห็นคนท้อง หรือ เป็นคนท้องเองอย่าลืมคำแนะนำนี้นะครับว่า "คุณตรวจฟันแล้วหรือยัง"

        วันก่อนเข้าเวรทำฟันที่คลินิก มีหญิงตั้งครรภ์ (ขอบอกว่าท้องใหญ่มาก ๆๆๆๆๆๆ) มาพบเพื่อปรึกษาเรื่องปวดฟันมาก ๆๆๆๆๆ......... และทรมานมาก ๆๆๆๆๆๆ .......

         ซักประวัติพบว่าฝากท้องที่คลินิกเอกชน ไม่เคยพบทันตแพทย์เลย วันนี้ทรมานมากเพราะปวดฟัน ทานอาหารไม่ได้ สูติแพทย์ให้มาพบหมอฟัน  อีกประมาณไม่เกิน 1 สับดาห์จะคลอดแล้ว

         ในฐานะหมอฟัน(สำหรับเด็ก)  โมโหหน่อย ๆ ที่คนไข้ไม่ดูแลเรื่องฟัน และที่สูติแพทย์ไม่แนะนำเรื่องฟันด้วยในระหว่างฝากครรภ์ วันนี้ทำอะไรไม่ได้ เพราะคนไข้ท้องโตมาก และอ่อนเพลียมาก จึงให้ยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบไปก่อน แล้วรอให้คลอดจึงจะให้กลับมารักษา ซึ่งอาจเป็นถอนฟัน หรือรักษารากฟัน (ตรวจในปากคนไข้ฟันผุเกือบทุกซี่)  

           ในหญิงตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้มีภาวะทางอารมณ์ไม่ปกติ การรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป และอาจมีอาการแพ้ท้อง อาเจียนได้ง่าย ภาวะเหล่านี้ทำให้หญิงตั้งครรภ์ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่เรื่องทันตสุขภาพ เหงือกจึงอักเสบ และฟันจึงผุได้มากกว่า

           นอกจากนั้นจากการวิจัยที่พบว่าชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดฟันผุ ในแม่และลูกเป็นเชื้อตัวเดียวกัน  แม่ที่มีเชื้อในช่องปากมาก ลูกก็จะมีเชื้อในช่องปากมากเช่นกัน (อาจติดต่อโดยตรงจากการกอด จูบ กินอาหาร น้ำร่วมกัน)

           ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจฟัน และให้การรักษาหากมีโรคในช่องปาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการทำฟันมากที่สุดคือ อายุครรภ์ 4-6 เดือน (น้อยกว่านี้อาจจะยังมีอาหารแพ้ท้อง มากกว่านี้ท้องก็โตเกินไป) แต่หากมีอาการต้องทำ ก็สามารถทำฟันได้ในทุกช่วงอายุครรภ์ แต่ไม่ใช่อีก 2-3 วันจะคลอดแล้วจึงจะมาทำ

       พบเห็นคนท้อง หรือ เป็นคนท้องเองอย่าลืมให้คำแนะนำด้วยนะครับว่า คุณตรวจฟันแล้วหรือยัง ?

 

 ขอบคุณครับ

หมายเลขบันทึก: 207908เขียนเมื่อ 11 กันยายน 2008 18:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (11)

หมอคะ ถ้าหมอมาอยู่สอ.อย่างทันตาหมอจะโมโหและเหนื่อยใจกับอะไรหลายๆอย่างมากกว่านี้

ขอเล่าให้ฟังนิดนึง ตอนเรียนทันตาที่วสส.พิษณุโลกก็มีอาจารย์ทันตแพทย์หลายๆคนจากหลายสถาบันสอน มีมหิดล จุฬา ธรรมศาส ตลาดจนอาจารย์ทันตา พวกหนูถูกสอนให้เน้นให้ทันตสุขศึกษาข้างเตียงทุกครั้งที่คนไข้เข้ามาหาเรา ซึ่งมันเหนื่อยใจมากๆๆๆ แต่ปัจจุบันก็ยังพยายามทำอยู่

เมื่อคนไข้มาหาเรามีหน้าที่ต้องบอกคนไข้ว่าฟันซี่ที่เขามีอาการมาให้เรารักษา สามารถทำอะไรได้บ้าง แล้วให้เขาเลือกการรักษา(เมื่อก่อนถ้าอุดได้จะสอนกึ่งบังคับให้อุด โดยเขาไม่เต็มใจ บางรายถ้านัดให้เขามารักษาวันหลังเพราะบางทีคนไข้เยอะ เขาก็จะหายตัวไปเลย แล้วไปถอนกับหมอชาวบ้านที่ไม่ได้เรียน) ปัจจุบันเลยลดเหลือแค่แนะนำ แล้วให้เขาเลือกเอง และรักษาตามที่คนไข้เลือกอะคะ ทั้งที่มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราอยากให้เขาเลือก

บางคน อธิบายก็เข้าใจ บางคนก็ไม่เข้าใจแถมเบื่อที่เรามัวแต่สอนเขาอีก(เลยรู้สึกทำงานแล้วเหนื่อย เหนื่อยที่อธิบายมากกว่าเหนื่อยจากการรักษานะคะ)แต่ก็จะพยายามต่อไปอะนะคะ

อีกอย่างเคยอ่านหนังสือว่าหมอฟันมีส่วนช่วยในการให้คนไข้เลิกบุหรี่ ซึ่งพออ่านแล้วก็พยายามปฏิบัติอยู่ แต่ก็ไม่ได้เก็บข้อมูลว่าเคยแนะนำคนไข้ที่มาทำฟันแล้วให้สุขศึกษาเกี่ยวกับผลเสียของการสูบบุหรี่ และชวนเลิกบุหรี่โดยแนะนำช่องทางในการเข้าพบพยาบาลเพื่อรับคำแนะนำต่อไป

มีอีกหลายๆเรื่องที่คิดว่าตัวเองเรื่องมาก มากเกินไปไหม เพราะทุกคนที่มารับการรักษา ตัวเองมักจะดูประวัติตั้งแต่ครั้งแรกที่มาสอ. ในการป่วย ทุกๆโรค และยาที่เขาเคยได้รับ ซึ่งตัวเองว่ามันสำคัญต่อการที่เราจะรักษาใครสักคน เราน่าจะรักษาแบบองค์รวม เรามีความรู้เรื่องเบาหวาน ความดันก็อธิบายเขาได้ หมอคิดเหมือนกันไหม

หมอสูติ เขาน่าจะมีความรู้เรื่องฟัน แค่มองว่าผุก็แนะนำได้นิ ทำไม หลายๆฝ่ายไม่ช่วยกัน ทำเหมือนหวงความรู้อย่างไรไม่รู้

มีอีกเรื่องเคยเจอกับตนเองเลย ตามcpgที่เคยปรึกษากับแพทย์ ของคนที่ทานASAต้องหยุดยา1สัปดาร์แล้วถึงถอนฟันได้ แต่น้าของตนเอง รับยาของโรงพยาบาล แล้วไปทำฟันที่โรงพยาบาลที่รับนั่นแหละ โดยในOPD CARDต้องมีประวัติใช่ไหมคะว่ารับยาASAแล้วทำไมเขาไม่ดู กลับไปกรอแต่งกระดูกเลยทั้งที่ยังไม่ได้หยุดยา(หรือหนูไม่ฉลาด เขาอาจรักษาเลยก็ได้) แต่น้าหนู เลือดซึมออก2วัน1คืนกว่าจะหยุด ก็ไม่เข้าใจจริงๆ

มีอีกเยอะที่อยากจะบ่นนะคะหมอ แต่หมอคงเบื่อแล้ว ไปดีก่า ถ้ามีอะไรคับข้องหรือสงสัยจะเข้ามาถามหมอนะคะ

  • อะไรก็ตามคิดในแง่บวกดีกว่านะครับ
  • ทำ ดีกว่าไม่ทำนะครับ
  • อะไรคิดว่าถูกแล้ว ดีแล้ว ทำไปเถอะครับ ไม่ดีต่อคนอื่น ก็ดีต่อตัวเราเอง

ค่ะ สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันก็กำลังเป็นคุณแม่มือใหม่ เพิ่งเริ่มตีั้งครรถ์ลูกคนแรกได้ประมาณ 3 เดือนค่ะ ได้ฝากท้องกับคลีนิคพิเศษ ที่โรงพยาบาลศิริราช เพราะหลายๆคนบอกว่าดีกว่าที่ฝากท้องกับอาจารย์หมอ แต่สิ่งที่ตัวดิฉันเองได้พบ และรู้สึกว่าหมอไม่มีการใส่ใจเท่าที่ควรดิฉันต้องหาข้อมูลต่างๆเอง ดีที่ว่าวันนี้ดิฉันมานี่งหาข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับฟันและช่องปากเพราะได้ยินมาว่า สามารถติดเชื้อได้จากทางนี้จริงหรือเปล่าค่ะ อีกอย่างอยากให้คุณหมอช่วยแนะนำโรงพยาบาล ที่ดีกับการฝากครรภ์ให้หน่อยค่ะ คลีนิคพิเศษ เสียค่ายาถูกมาก แต่ค่าเวลาของหมอนี่สิค่ะ แพงมาก ขอบคุณกับข้อมูลดีๆค่ะ

หญิงตั้งครรภ์ควรทำฟันตั้งแต่ 4-6 เดือนครับ อาจารย์ที่ศิริราชมีฝีมือและมีความรู้ แต่อาจมีเวลาไม่มากนัก ก็เลือกเอาละกันนะครับ พอดีไม่ได้อยู่ที่ กทม. เลยไม่สามารถแนะนำได้ครับ

อยากถามคุณหมอว่าตอนนี้ตั้งครรภ์ได้6เดือนค่ะ แล้วมีอาการปวดฟันมากเลยไปซื้อยามาทานโดยปรึกษาเภสัช ชื่อยา อะโปรเฟน และอาม็อกซี่ กับพลาสเตอร์ยาบรรเทาปวดค่ะ อยากถามว่ายาพวกนี้จะเป็นอันตรายต่อเด็กในครรภ์ไหมค่ะ คุณหมอช่วยแนะนำด้วยค่ะ

อ้างถึง

ในหญิงตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้มีภาวะทางอารมณ์ไม่ปกติ การรับประทานอาหารที่เปลี่ยนไป และอาจมีอาการแพ้ท้อง อาเจียนได้ง่าย ภาวะเหล่านี้ทำให้หญิงตั้งครรภ์ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่เรื่องทันตสุขภาพ เหงือกจึงอักเสบ และฟันจึงผุได้มากกว่า.........


และ ทารกต้องการแคลเซี่ยม ก็จะมาดึงแคลเซียมจากฟันและกระดูกของแม่ที่ตั้งครรภ์ด้วย  

แปรงฟันเบาๆ เพราะว่าต้องแปรงบ่อยกว่าปกติ  

หมั่นล้างปากและฟันให้สะอาด มิฉะนั้น ปากและฟันจะเหมือนจานชามที่กินเสร็จแล้วไม่ได้้ล้าง

หมั่นตรวจข้างๆ กราม แก้ม หลังหู ถ้าพบมีอาการบวม ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะเป็นอาการที่มาพร้อมต่อมน้ำลายอักเสบ มันจะกระทบไปถึงรากฟันกรามค่ะ

เรียนคุณนฤมล

            ทานได้ครับ ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ แต่ให้ทานตามที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำนะครับ

on time 

          ปัจจุบันทฤษฏีที่ลูกดึงแคลเซียมจากแม่  ทำให้แม่ฟันผุมากขึ้น ไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไรแล้วครับ

หมอค่ะตอนนี้ท้องดั้ย27w ปวดฟันมากเลยค่ะ ต้องทำไงค่ะ

หมอค่ะตอนนี้ท้องดั้ย27w ปวดฟันมากเลยค่ะ ต้องทำไงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท