ความต่างของอีคิวกับไอคิว


มาดูประวัติความเป็นมาของทั้งไอคิวและอีคิวครับ

ไอคิว หรือ Intelligence Quotient หมายถึง ความฉลาดทางเชาวน์ปัญญา การคิด การใช้เหตุผล การคำนวณ การเชื่อมโยง

            อีคิว หรือ Emotional Quotient หมายถึง ความฉลาดทางอารมณ์เป็นความสามารถในการรับรู้ และเข้าใจอารมณ์ทั้งของตัวเองและผู้อื่น ตลอดจนสามารถปรับปรือควบคุมได้อย่างเหมาะสมกับสภาวะการณ์
            ไอคิว เป็นศักยภาพทางสมองที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ยาก
            อีคิว ถึงแม้จะเป็นศักยภาพทางสมองเหมือนกันแต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาให้ดีขึ้นได้
            ไอคิว สามารถวัดออกมาเป็นค่าสัดส่วนตัวเลขที่แน่นอนได้
            อีคิว ไม่สามารถระบุซื้อออกมาเป็นค่าสัดส่วนตัวเลข
 
การวัดไอคิว เกิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. ๑๙๐๕ โดยนักจิตวิทยาชาวฝรั่งเศสที่ต้องการแยกบุคคลปัญญาอ่อนจากคนปกติเพื่อจะได้จัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม โดยใช้การเปรียบเทียบระหว่างความสามารถที่ควรจะเป็นกับอายุสมองแล้วคำนวณออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์
            ปัจจุบัน การวัดไอคิวมักใช้แบบทดสอบของเวสเลอร์ ที่เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี ค.ศ.๑๙๓๐ โดยอาศัยงานวิจัยของนักวิชาการและนักการทหาร เป็นกลุ่มข้อทดสอบทั้งหมด ๑๑ กลุ่ม เป็นกลกุ่มที่ต้องใช้ภาษาโต้ตอบ ๖ กลุ่ม ไม่ต้องใช้ภาษาโต้ตอบ ๕ กลุ่ม ดังนี้
            ๑. ข้อมูลทั่วไป เป็นคำถามเพื่อตรวจวัดความสนใจความรู้รอบตัว
            ๒. ความคิด ความเข้าใจ
            ๓. การคิดคำนวณ
            ๔. ความคิดที่เป็นนามธรรม โดยให้หาความเหมือน
            ๕. ความจำระยะสั้น โดยใช้การจำจากตัวเลข
            ๖. ภาษาในส่วนของการใช้คำ
            ๗. การต่อภาพในส่วนที่ขาดหายไป
            ๘. การจับคู่โครงสร้าง โดยดูจากรูปร่างหรือลวดลาย
            ๙. การเรียงลำดับภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ
            ๑๐. การต่อภาพเป็นรูป ด้วยการต่อจิ๊กซอว์
            ๑๑. การหาความสัมพันธ์ของตัวเลขและสัญลักษณ์
            การวัดอีคิว เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ไม่มีแบบมาตรฐานที่แน่นอน เป็นเพียงการประเมินเพื่อให้ผู้วัดมองเห็นความบกพร่องของความสามารถทางด้านอารมณ์ที่ต้องการพัฒนา
แก้ไข กรมสุขภาพจิตได้พัฒนาแบบประเมินความฉลาดทางอารมณ์ โดยประเมินจาก ความสามารถด้านหลัก ๓ ด้าน คือ ดี เก่ง สุข ซึ่งแยกเป็นด้านย่อยได้ ๙ ด้าน
            ๑. การควบคุมตนเอง
            ๒. การเห็นใจผู้อื่น
            ๓. ความรับผิดชอบ
            ๔. การมีแรงจูงใจ
            ๕. การตัดสินใจแก้ปัญหา
            ๖. สัมพันธภาพกับผู้อื่น
            ๗. ความภูมิใจในตนเอง
            ๘. ความภูมิใจในตนเอง
            ๙. ความสุขสงบทางใจ
 
            เนื่องจากไอคิวสามารถวัดออกมาเป็นตัวเลขได้ จึงมีผู้ให้ความสำคัญกับไอคิวมาก โดยตลอด เด็กที่เรียนเก่ง จะมีแต่คนชื่นชม พ่อแม่ครูอาจารย์รักใคร่ ต่างจากเด็กที่เรียนปานกลางหรือเด็กที่เรียนแย่มักไม่ค่อยเป็นที่สนใจ หรือถูกดุว่า ทั้ง ๆ ที่เด็กเหล่านี้อาจจะมีความสามารถทางด้านอื่น เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะเพียงแต่ไม่มีความถนัดเชิงวิชาการเท่านั้นเอง
            มาในช่วงหลัง ๆ ความเชื่อมั่นในไอคิวเริ่มสั่นคลอนเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการวัด และความสำคัญของไอคิว จนในที่สุดเมื่อ ๑๐ ปีที่ผ่านจึงยอมรับกันว่าแท้จริงแล้วไอคิวอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้คน ๆ  หนึ่งประสบความสำเร็จในชีวิตได้ทุกด้าน เพราะในความเป็นจริง ชีวิตต้องการทักษะและความสามารถในด้านอื่น ๆ อีกมากมายที่นอกเหนือไปจากการจำเก่ง การคิดเลขเก่ง หรือการเรียนเก่งความสามารถเหล่านี้อาจจะช่วยให้คน ๆ หนึ่งได้เรียน ได้ทำงานในสถานที่ดี ๆ แต่คงไม่สามารถเป็นหลักประกันถึงชีวิตที่มีความสุขได้
            ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยชิ้นหนึ่งในรัฐแม็ซซาชูเสท สหรัฐอเมริกาที่ศึกษาความสัมพันธ์ของไอคิวมีความสัมพันธ์ของไอคิดกับความสำเร็จในชีวิต โดยติดตามเก็บข้อมูลจากเด็ก ๔๕๐ คน นานถึง ๔๐ ปี พบว่าไอคิวมีความสัมพันธ์เพียงเล็กน้อยกับความสามารถในทำงานได้ดีหรือกับการดำเนินชีวิต และพบว่าปัจจัยที่สามารถจะทำนายถึงความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ของชีวิตได้ดีกว่า กลับเป็นความสามารถด้านต่าง ๆ ในวัยเด็กที่ไม่เกี่ยวข้องกับไอคิว เช่น ความสามารถในการจัดการกับความผิดหวัง การควบคุมอารมณ์ และการเข้าบุคคลอื่นได้ดี
คำสำคัญ (Tags): #อีคิว#ไอคิว
หมายเลขบันทึก: 208970เขียนเมื่อ 16 กันยายน 2008 04:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน 2012 14:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

เจริญพร โยมคนพลัดถิ่น

ไอคิวสูง อีคิวก็ต้องสูงตามด้วย

จึงมีทั้งความรู้และคุณธรรม

ใช่ไหมโยมว่าที่มหาบัณฑิต

 

เจริญพร

ความสามารถในการจัดการกับความผิดหวัง การควบคุมอารมณ์ และการเข้าบุคคลอื่นได้ดี

จริงค่ะ..อันนี้จะมีความสำคัญกว่ากับสภาพสังคมในปัจจุบัน

  • ตามมาอ่านเรื่องดีๆ
  • ปัจจุบันคนเริ่มเห็นความสำคัญ อีคิวมากกว่า ไอคิวเยอะขึ้น
  • โลกจะสันติสุข  ซะที
  • เอาเพลงดีๆมาฝากจ้า
  • ลองฟังนะ หนอนผีเสื้อ  ฟังก็ทีๆๆๆ ก็ชอบความหมาย

แต่งบล็อกสวยดีมีสมัย...(ดึกดำบรรพ์)...อิอิอิ..

            ไอคิว    ใช้สอบเข้าทำงาน

             อีคิว     ใช้ตอนทำงาน

ใช่ครับ ทั้งสองอย่างนี้จำเป็นครับ ขอบคุณที่แวะเข้ามาครับ พี่อีอด และคุณ smallman

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท