ลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูป
บทเรียนสำเร็จรูปมีลักษณะเป็นบทเรียนที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ตามความสามารถของแต่ละคน โดยเนื้อหาจะเรียงลำดับจากง่ายไปหายาก มีคำถามและคำตอบ โดยใช้หลักจิตวิทยาเป็นแรงจูงใจ ได้มีผู้กล่าวถึงลักษณะของบทเรียนสำเร็จรูปไว้หลายท่านด้วยกัน เช่น อาคม จันทสุนทร และเชาวลิต ชำนาญ (2521, หน้า 201-202) บุญเกื้อ ควรหาเวช (2542, หน้า 42-43) ไพโรจน์ เบาใจ (2520, หน้า 1-2) บุญเหลือ ทองเอี่ยม และสุวรรณ นาภู (2520, หน้า151) เป็นต้น ซึ่งพอสรุปลักษณะสำคัญของบทเรียนสำเร็จรูปได้ดังต่อไปนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์เอาไว้อย่างชัดเจน สามารถวัดได้จริง หรือที่เรียกว่าจุประสงค์เชิงพฤติกรรม
2. เนื้อหาวิชาจะแบ่งเป็นหน่วยย่อย ๆ เรียกว่า “กรอบ” (frame) จำลำดับจากง่ายไปหายาก ในแต่ละกรอบจะมีข้อความตั้งแต่ประโยคสั้น ๆ 2-3 ประโยค ไปจนถึงข้อความ 2-3 ตอน แล้วแต่ความเหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ไปตามลำดับขั้น
3. ผู้เรียนต้องปฏิบัติหรือตอบสนองกิจกรรมต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในกรอบ อาจจะเป็นการตอบคำถามหรือเติมคำในช่องว่าง เพื่อเป็นการย้ำทวนและผู้เรียนได้ทดสอบตนเองอยู่ตลอดเวลา
4. การตอบของนักเรียนจะได้รับการเสริมแรง (reinforcement) โดยการทราบคำตอบโดยทันทีจากการเฉลย และอาจจะมีคำอธิบายเพิ่มเติมให้ด้วย
5. ผู้เรียนค่อย ๆ เรียนเพิ่มขึ้นทีละขั้นเรื่อย ๆ เป็นการก้าวจากสิ่งที่รู้แล้วไปสู่ความรู้ใหม่ ที่บทเรียนสำเร็จรูปเตรียมไว้ให้
6. ผู้เรียนมีโอกาสเรียนได้ด้วยตนเอง ไม่จำกัดเวลาจะมากหรือน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสติปัญญาและความสามารถของนักเรียนแต่ละคน
7. บทเรียนสำเร็จรูปจะมีการวัดผลที่แน่นอน คือ มีทั้งการทำสอบย่อยในระหว่างที่เรียนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน เพื่อวัดความก้าวหน้าในการเรียนให้เห็นอย่างชัดเจนด้วย
ประเภทของบทเรียนสำเร็จรูป
การแบ่งบทเรียนสำเร็จรูป ตามการจัดลำดับประสบการณ์ของการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้ตอบสนองนั้น โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรงและบทเรียนสำเร็จรูปแบบสาขา ไพโรจน์ เบาใจ (2520, หน้า 3-8) บุญชม ศรีสะอาด (2537, หน้า 78-79)บุญเกื้อ ควรหาเวช (2542, หน้า 46-50) และ อำนวย เดชชัยศรี ( 2542, หน้า 123-124) ได้กล่าวถึงประเภทของบทเรียนสำเร็จรูปไว้ พอสรุปดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูปแบบเส้นตรง (liner programmer) บทเรียนชนิดนี้จะจัดลำดับเนื้อหาบรรจุลงในกรอบ ตามลำดับจาก กรอบที่ 1 กรอบที่ 2 กรอบที่ 3 ไปจนกระทั่งกรอบสุดท้าย (กรอบจบ) ผู้เรียนจะต้องเรียนเรียงตามลำดับทีละกรองต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่กรอบแรกจนถึงกรอบสุดท้าย จะข้ามกรบใดกรอบหนึ่งไม่ได้ ฉะนั้นไม่ว่าคนเรียนเก่งหรือเรียนก่อนทุกคนจะต้องเรียนหมดทุกทุกกรอบ แต่ผู้เรียนอาจใช้เวลาเรียนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสติปัญญาของแต่ละคน บทเรียนแบบเส้นตรงนี้ทำได้ง่าย แต่ละกรอบจะบรรจุเนื้อหาน้อย ๆ ต่อเนื่องกันไปตามลำดับ
ลักษณะของการเรียนบทเรียนเป็นแบบให้ความรู้ แล้วติดตามด้วยคำถามให้ผู้เรียนตอบว่าถูกหรือผิด หรือเว้นช่องว่างไว้ให้ตอบ ถ้าผู้เรียนตอบผิดในขั้นตอนใด จะต้องอ่านทำความเข้าใจซ้ำจนกว่าจะสามารถตอบได้ถูกต้อง แล้วจึงจะก้าวหน้าอ่านในกรอบต่อ ๆ ไปได้
บทเรียนแบบเส้นตรงเหมาะสำหรับสอบวิชาที่เน้นเนื้อหาสาระหรือเน้นความรู้ ความจำ ความเข้าใจ แต่ไม่เหมาะที่จะสอนเนื้อหาที่เป็นความคิดเห็น เนื่องจากคำตอบที่ถูกต้องอาจมีได้หลายคำตอบ
2. บทเรียนสำเร็จรูปแบบสาขา ( branching programmer) เป็นบทเรียนที่มีการจัดเนื้อหาเป็นกรอบ ๆ เช่นเดียวกับแบบส้นตรง แต่การเขียนบทเรียนสำเร็จรูปแบบสาขาจะมีการเรียงลำดับข้อความย่อย โดยอาศัยคำตอบของผู้เรียนเป็นเกณฑ์ ถ้าผู้เรียนตอบคำถามของข้อความย่อย ๆ ที่เป็นหลักของบทเรียนได้ถูกต้อง ผู้เรียนก็จะได้รับคำสั่งให้ข้ามหน่วยย่อยได้จำนวนหนึ่งแต่ถ้าผู้เรียนตอบคำถามไม่ถูกต้องก็อาจได้รับคำสั่งให้เรียนข้อความย่อยต่าง ๆ เพิ่มเติมก่อนที่จะก้าวหน้าต่อไป การเรียนจากบทเรียนสำเร็จรูปชนิดนี้ ผู้เรียนจะต้องพยายามทำตามคำสั่งที่ปรากฏในแต่ละกรอบ การเรียนจะไม่ดำเนินไปตามลำดับตั้งแต่กรอบแรกจนถึงกรอบสุดท้าย ผู้เรียนอาจจะต้องย้อนกลับไปกลับมาในหน้าต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการให้คำตอบที่ถูกต้องของผู้เรียนเป็นสำคัญ ลักษณะของแผนภาพบทเยนสำเร็จรูปแบบสาขาเป็นดังนี้
ลักษณะของบทเรียนสำเร็จแบบสาขาประกอบด้วยกรอบหลักซึ่งผู้เรียนทุกคนจะต้องเรียน ซึ่งเรียกว่า “กรอบยืน” กรอบยืนนี้เป็นกรอบที่เป็นลำดับที่แท้จริงของบทเรียน ถ้าผู้เรียนตอบถูกต้อง ผู้เรียนก็จะเรียนตามกรอบยืนเหล่านี้ไปโดยตอลด ในแต่ละกรอบยืนจะบรรจุเนื้อหาที่เป็นหลักของเรื่องที่จะสอนอย่างสั้น ๆ ประมาณ 1-2 ย่อหน้า แล้วติดตามด้วยปัญหาหรือคำถามให้ผู้เรียนตอบแต่ลักษณะของคำถามเป็นแบบให้เลือกตอบแบบ 2 หรือ 3 ตัวเลือก ในแต่ละตัวเลือกจะระบุหน้ากำกับไว้ให้ผู้เรียนพลิกไป ถ้าผู้เรียนเลือกตัวเลือกเหล่านั้น ในกรอบยืนแต่ละกรอบจะมี “กรอบสาขา” หนึ่งหรือสองกรอบ แต่ละกรอบสาขามีไว้สำหรับผู้เรียนที่เลือกคำตอบไม่ถูก เพื่อสอนหรือให้คำแนะนำเสียก่อน แล้วค่อยให้ผู้เรียนกลับไปยังกรอบยืนเดิมอีกครั้ง
3. บทเรียนสำเร็จรูปแบบผสม (combination programmer) เป็นบทเรียนสำเร็จรูปที่โอกาสการตอบสนองของผู้เรียนโดยมีทั้งแบบ เส้นตรง และแบบแตกกิ่งในเนื้อหาเดียวกัน
การจะใช้แบบเส้นตรงและแบบแตกกิ่งในกรอบใด ต้องพิจารณาแต่ละตอนและใช้อย่างเหมาะสมกับเนื้อหาของบทเรียน
ขอขอบคุณมากครับที่แบ่งปันสิ่งที่เป็นประโยชน์
สุดยอดมากค่ะ อ่านแล้วเข้าใจเลย สามารถนำไปประบปรุงการเรียนได้เลย
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะ ขออนุญาตนำไปใช้อ้างอิงในการทำงานวิชาการ
ขอบคุณค่ะ
ไม่ได้คุณการบ้านไม่เสร็จแน่เลย
ขออนุญาตนำไปใช้นะค่ะ
ดีมากขออนุญาตนำไปใช้งานในการจัดการเรียนการสอน
ขอบคุณค่ะ กำลังศึกษาเรื่องบทเรียนสำเร็จรูปอยู่ค่ะ
แล้วจะติดตามผลงานของอาจารย์เรื่องอื่นอีกนะคะ