๓.เรื่องที่ยังไม่เคยเปิดเผย


ครูคิมเต็มใจที่จะไปเป็นพยานศาล

         เรื่องที่เกิดขึ้นและจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องที่....เลวร้าย ที่เกิดขึ้นในชีวิตของความเป็นครู ทั้งกระทบกระเทือนใจและย้อนนึกคิดอยู่ตลอดเวลา ครั้งนั้นเป็นครูประชั้นประถมศึกษาปีที่ 5  มีนักเรียนประมาณ 40 กว่าคน  นักเรียนหญิงสมมุติชื่อแมรี่ (จะได้ไม่พ้องกับคนไทยโดยทั่วไป) ขาดเรียนทุกสัปดาห์ครั้งละ 1 วันบ้าง 2 วันบ้างเริ่มตั้งแต่หลังวันครูที่ 16 มกราคม (จำได้ติดใจว่าขาดเรียนครั้งแรกเป็นวันที่ 19 มกราคม )เรื่อยไปจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์  ได้ติดตามโดยการสั่งเพื่อนไปบอกให้มาโรงเรียน  จึงได้ไปสังเกตแม่ของแมรี่ที่ขายผักสดอยู่ในตลาดว่าได้ให้ลูกมาช่วยขายของหรือไม่  ติดตามดูอยู่ 2 ครั้ง  ครั้งที่ 3 จึงได้ไปสอบถามสาเหตุที่ลูกขาดเรียน  ปรากฏว่าผู้ปกครองไม่ทราบ

        กลับมาสังเกตพฤติกรรมของหนูแมรี่  ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  ยังมีความน่ารักเหมือนเดิม เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้ทำหน้าที่ครูเวร  คุมแถวเคารพธงชาติหนูแมรี่เป็นลมมีลักษณะค่อย ๆ เซไปทางด้านขวา (มีครูหนุ่มยืนคุมชั้นเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ใกล้กับหนูแมรี่) ครูช่วยกันพยาบาล  ไม่นานอาการก็ดีขึ้น  อีกสองสามวันต่อมาหนูแมรี่จะมีอาการเหมือนเดิมอีกแล้ว  จึงได้ขอสลับที่ยืนคุมแถวกับครูหนุ่มท่านั้น วันนี้หนูแมรี่อาการปกติ รุ่งขึ้นครูกลับที่เดิมหนูแมรี่เป็นลมอีกแล้ว  คราวนี้สลับที่กัน 3 วันหนูแมรี่ไม่มีอาการ  และเป็นหน้าที่ของครูหนุ่มท่านนี้ที่นำหนูแมรี่ส่งโรงพยาบาล

          กลับไปทบทวนบันทึกส่วนตัวเมื่อ พ.ศ......  อีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์คล้าย ๆ กันเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์  หนูแมรี่เปลี่ยนการเป็นลมจากตอนเข้าแถวเคารพธงชาติมาเป็นตอนพักกลางวัน สาเหตุเพราะครูหนุ่มท่านนั้นไปตามนักเรียนมาทำกิจกรรม และนีกเรียนกลุ่มนั้นเป็นเพื่อนรักของหนูแมรี่  ทำให้หนูแมรี่เป็นลม  เพื่อน ๆ นำส่งและสอบถามหารายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะการเป็นลมของแมรี่  มีอาการล้มลงทางด้านซ้ายเสมอทุกครั้ง  วันนั้นได้ตัดสินใจไม่นำหนูแมรี่ไปโรงพยาบาล เพราะไปทุกทีก็ไม่ได้พบสาเหตุใดที่แสดงอาการของโรค  แต่นำไปนอนที่ห้องพยาบาล แอบดูอยู่ห่าง ๆ โดยที่หนูแมรี่ไม่รู้ตัว  แต่ก็สังเกตเห็นว่าหนูแมรี่มองหาครูและเพื่อน ๆ ท่าทางดีขึ้น

          ตัดสินใจอีกครั้ง  คราวนี้ยังไม่ทราบว่าจะเอาชนะอาการของหนูแมรี่ได้ไหม  เข้าไปนั่งบนเตียงและกอดหนูแมรี่ไว้ พร้อมกับถามว่า "ทำไมหนูมีอาการเช่นนี้"..ชี้แจงบอกเหตุผลที่ไม่นำส่งโรงพยาบาลเพราะส่งไปแต่ละครั้งก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นอะไร .....หนูแมรี่รีบกอดตอบและร้องไห้พร้อมกับพูดขึ้นมาประโยคแรกว่า "คุณครูขาหนูกลัว...หนูกลัวมันค่ะ..." จากที่ได้พยายามค่อยถามไถ่ ได้ทราบมาว่าหนูแมรี่ถูกผู้ชายคนหนึ่งลวนลาม จะข่มขืนหรือไม่นั้นยังไม่ปักใจ  เพราะหนูแมรี่อายุเพียง 11 ปี ..ได้นำความไปปรึกษาคุณครูจ้อย (นามสมมุติ) ทำให้คุณครูจ้อยต้องการทราบความหมายของการที่ถูกลวนลามว่าเป็นการข่มขืนจริงหรือไม่

            เมื่อพอทราบเหตุมาลาง ๆ  ได้ปรึกษากับครูจ้อยอีกว่าเรื่องนี้ไม่สมควรที่จะกุกันขึ้นมาและเชื่อเด็กเพียงอย่างเดียว  เด็กจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบที่เล่ามานั้นเป็นการข่มขืนจริง  เสียหายต่อตัวเด็ก ต่อครู ต่อโรงเรียนรวมไปถึงผู้ปกครองและญาติพี่น้อง และถ้าจริง..หนูแมรี่เหมือนตายทั้งเป็น  เมื่อทราบจากหนูแมรี่ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร จึงได้ชวนครูจ้อยไปติดตามสังเกตพฤติกรรมและสอบถามเกี่ยวกับส่วนตัวของผู้ชายคนนั้น (ตอนนั้นอายุเขา 25 ปี) เป็นเด็กเกเร ไม่ทำการงาน ไม่มีอาชีพ ...ไม่มีสิ่งดี ๆ ที่สังคมยอมรับได้

           ทำอย่างไรจะให้หนูแมรี่เล่ารายละเอียด  ความพยายามเกิดขึ้นทุกวิธีการ  ได้โอกาสเมื่อถึงชั่วโมงพลศึกษาหนูแมรี่ไปเรียนพลศึกษา  ลองค้นกระเป๋าหนังสือพบจดหมายที่หนูแมรี่ร่างไว้ในสมุดคณิตศาสตร์เกี่ยวกับความรักและรูปหัวใจ รูปดอกไม้ มีชื่อของ"พี่ต้น" (นามสมมุติ) คือชื่อของชายหนุ่มคนนั้นเอง  และค้นไปเรื่อยๆ พบข้อความที่หนูแมรี่ร่างถึงพี่ต้นต่าง ๆ นานาที่แสดงถึงเจตนาที่ต้องการรู้เรื่องราวใกล้เข้ามากขึ้น

           วันต่อมา...ซึ่งยังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ได้ความจริง  และเป็นความบังเอิญที่หนูแมรี่เดินผ่านมาหน้าชั้นเรียนหลังจากรับประทานอาหารกลางวัน  จึงได้ให้หนูแมรี่ช่วยจัดเอกสาร ปัดกวาด ถูโต๊ะ เก้าอี้ และชวนคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องของครอบครัวและความสัมพันธ์ภายในครอบครัว  พ่อจะออกไปทำงานที่กลางนาทุกเช้ากลับบ้านต่อเมื่อมืดค่ำแล้ว  ส่วนแม่ขายผักสดในตลาดกลับเวลาเดียวกันกับพ่อ แมรี่อยากจะได้อะไรแม่จะหาให้ทุกอย่าง วกไปถามเกี่ยวกับการเป็นลมบ่อย ๆ ว่ามาจากสาเหตุใด  ถ้าเป็นอีกครั้งรับปากว่าจะพาแมรี่ไปหาหมอที่โรงพยาบาลของจังหวัด และกุเรื่องขึ้นมาว่าเคยรู้จักเด็กคนหนึ่งที่มีอาการแบบนี้เมื่อไปหาหมอที่โรงพยาบาลนี้หมอวินิจฉัยว่า.....

          หนูแมรี่ทิ้งสิ่งของผวาเข้ามากอดทันที และเป็นการกอดที่แน่น ร้องไห้ฟูมฟาย และพูดประโยคเดิมคือ.."หนูกลัวเขาค่ะ"  จึงพาแมรี่ไปที่ห้องเงียบ ๆ ไม่นานหนูแมรี่ได้บอกว่า..เธอถูกผู้ชายคนนั้นทำอะไร ๆ บ้าง  แต่บอกชัดเจนกว่าครั้งแรก  แต่ไม่ยอมบอกชื่อว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร  ครูจ้อยได้นำเทปติดตัวมาด้วย และช่วยกันพยายามสอบถามจนได้เรื่องว่าเป็นใคร  จึงได้นำเรื่องราวไปปรึกษากันภายในโรงเรียน  แต่ละคนให้เหตุผลกันต่าง ๆ นานา

        -  เหตุเกิดที่บ้าน

        -  กลัวเสียชื่อเสียงของโรงเรียน

        -  กลัวที่จะต้องไปเป็นพยานให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

          นายร้อยเวรเจ้าของคดีให้ความร่วมมือและเห็นใจพวกเรามาก  เดินทางไปจับผู้ต้องหาด้วยตัวเองเวลา 20.00 น. และนำหนูแมรี่ไปสอบปากคำเวลา 01.00 น. จบด้วยครูคิมต้องไปเป็นพยานศาลให้กับหนูแมรี่  หนุ่มต้นถูกตัดสินจำคุก 56 ปี  ..เป็นที่มาของ.."สายเกินไปแต่เป็นบทเรียน"  เพราะสายเกินไปที่ครูให้การเอาใส่เด็กน้อยเกินไป เดินทางไปโรงเรียนแบบเช้าไป เย็นกลับ  อีกอย่างเห็นว่าหนูแมรี่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว ฐานะทางบ้านดี คงไม่มีปัญหา ครูขาดประสบการณ์และการสอนทักษะชีวิตให้กับนักเรียน  ส่วนผู้ปกครองได้แต่ตั้งใจเอาใจใส่กับการทำมาหากิน ทอดทิ้งลูกให้อยู่ตามลำพัง บ้านห่างไกลจากเพื่อนบ้าน ให้เงินลูกโดยไม่ไตร่ตรอง

         อาการของหนูแมรี่กลับขึ้นมาเป็นแบบเดิมอีกครั้งเมื่อต้องการสิ่งใดแล้วไม่ได้ดังใจ  จึงได้ขออนุญาตพาหนูแมรี่ไปพบจิตแพทย์  ได้ข้อสรุปว่าครั้งแรกหนูแมรี่ถูกผู้ชายตบด้านซ้ายทำให้เซไปด้านขวา  และอาการที่ (ทำท่า) เป็นลมจึงเซไปด้านขวาทุกครั้ง หนูแมรี่ไม่เคยได้รับการแสดงความรัก ความอาทรเพราะพ่อแม่ไม่เคยกอดเธอ...เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ...20 ปีที่ผ่านมาแล้ว

หมายเลขบันทึก: 209563เขียนเมื่อ 17 กันยายน 2008 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 02:10 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีค่ะคุณครูคิม

ยินดีต้อนรับนะคะ...ไปเที่ยวบ้านครูคิมมา กิจกรรมมากมาย น่ารักดีค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณครูวรางค์ภรณ์

ระยะนี้ต้องดูแลทั้งบล็อคและเว็ป

จึงทำให้ขาดหายไปบ้าง

แวะมาทักทายค่ะ

มีแต่สิ่งดีๆ

มีความสุขในการทำงาน

สุขภาพแข็งแรง  นะคะ

ดอกกุหลาบที่บ้านค่ะ

มาติดตามเรื่องราว อย่างใจระทึกครับผม ครูคิม

มาชม คุณครูคิม

เล่าเรื่องน่าสนใจ และหาทางแก้ไขปัญหาสังคมนะครับ

  • ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง.ปัญหานี้ที่ ร.ร.ก็มี บางครั้งคุณครูก็ไม่สามารถติดตามพฤติกรรมได้ตลอด
  •  ผู้ปกครองมีส่วนอย่างมากที่จะช่วยดูแลเด็ก..
  • แต่หากพลาดพลั้งไปแล้ว..ก็ต้องแก้ไขให้บรรเทา..
  • แต่จิตใจของเด็กต้องระวังอย่างมาก..
  • ารให้ความรู้การป้องกันตัวเองของคุณครูคงจะช่วยป้องกันนักเรียนคนอื่นๆได้..
  • จะติดตามน่ะค่ะ
  • เรื่องเศร้าจัง
  • คงต้องดูแลและซักถาม ไปเยี่ยมบ้านบ่อยๆๆ
  • รออ่านอีกครับ

วันนี้ปลื้มจังค่ะ  ทีมีผู้มาให้กำลังหลายท่าน

ฝนตกงดไปออกกำลังกาย 

ขอถือโอกาสขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูงในความกรุณา

คุณสายธาร

มีกุหลาบสวย ๆ มาฝากและฝากความห่วงใยมาให้ด้วย

คุณจัตุพร

มาให้ความสนใจเรื่องเล่าอย่างระทึก...ระทึก..ระทมด้วยค่ะ

คุณ umi 

ขอขอบคุณค่ะในข้อคิดเห็น  ด้วยความยินดีรับฟังค่ะ

คุณครูน้องแอน

เช่นเดียวกันค่ะคุณครูที่โรงเรียนพี่คิมมีความเป็นหนึ่งเดียวค่ะ ช่วยกันทุกเรื่อง

อาจารย์ขจิต

คอยอ่านต่อนะคะ  เรื่องนี้คงไม่มีใครเดาถูกค่ะ

 

ขอเป็นกำลังใจในการทำงาน หากเกิดปัญหาและอุปสรรค์ก็อย่าลืมว่าปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ไข

เรื่องสะเทือนใจ แต่จบได้ด้วยความตั้งใจและพยายามของครู เป็นกำลังใจให้ครับ

สวัสดี่ค่ะคุณดอกไม้กลางกรุง

ขอขอบคุณที่มาเยี่ยม  เป็นกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะคุณ tawan

ขอขอบคุณที่มาเยี่ยม มาให้กำลังใจ

ถ้าติดตามต่อไปเรื่องคงไม่จบลงได้ง่าย ๆ หรอกนะคะ

เพราะย้ายโรงเรียนในปีต่อมา  นั่นคืออนาคตของหนูแมรี่

ถึงตอนนี้ก็ยังอยากที่จะติดตาม

ครูเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็ก

เด็กเล็กเล็กเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่

ที่เราทุกคน ต่างคนต่างรู้

หวังจะให้กอบกู้สิ่งที่เสียไป

ยุคสมัยของเราทุกวันนี้

ความหวังไม่มีหรอกที่ผู้ใหญ่

อ่านขอเขียน เตือนให้คิดสะกิดใจ

ขอบคุณ มากมาย สำหรับครูดี

สวัสดีค่ะคุณกานท์กวี

ร้อยเรียงคำ   ลำนำกลอน   อ่อนหวานยิ่ง

ประหนึ่งสิ่ง   เสริมพลัง    ความหวังไว้

เพียงให้ความ  เป็นครูนี้   มีแรงใจ

ไม่หวั่นไหว   ด้วยใจมั่น   เด็กนั้นรอ...(อยู่)

  

 

สวัสดีครับคุณ krukim

  • คำว่ารัก มีอิทธิพล
  • ในทุกเพศ ทุกวัย
  • ทันที ที่เกิดมา ต้องการความรัก
  • อยากรู้จัง ถ้าโลกนี้  ไม่มีความรัก
  • จะเป็นอย่างไรกันหนอ

สวัสดีค่ะ

ขอขอบคุณอีกครั้งนะคะ  ที่ไม่ทอดทิ้งกัน

แบบนี้เรียกว่ารักที่จะเป็นแฟน (บ ล็ อ ค) กันจริง

รัก  แบบต้องการให้คนอื่นเป็นสุข  รักด้วยใจ

รัก  และศรัทธา / รัก  และเมตตา

ถ้าโลกนี้ไม่มีความรัก  ไม่อยากคิดเลยค่ะ  กลัวเครียด

ครูคิมน่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆขอชม ดิฉันเพิ่มมีโอกาสได้เป็นครูกับเขาเมื่อสิบปีที่ผ่าน (เดิมเป็นพยาบาล) ชอบอาชีพนี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คิดว่าน่าจะป็นอาชีพที่ตนเองสมารถสร้างสังคมได้ดีกว่าอาชีพเดิม แต่ก็รักและผูกพันกับอาชีพเดิมอยู่และได้ใช้ประโยชน์จากความรู้และทักษาที่ได้เล่าเรียนฝึกฝนมาสำหรับตนเองและคนรอบข้าง

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท