บทบาทของนายกรัฐมนตรีคนใหม่


นายกรัฐมนตรีคนใหม่

       การเมืองของไทยเริ่มลดความร้อนแรงลง หลังจากที่ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาอย่างเป็นทางการ หรือว่าลดลงเพราะได้รับความชุ่มช่ำจากน้ำฝนที่ร่วงหล่นมาจากฟ้าก็ไม่รู้  ได้สร้างความชุ่มช่ำให้เกิดขึ้นกันถ้วนหน้า ชุ่มช่ำอย่างท่วมท้น จนน้ำท่วมบ้านเรือนกันถ้วนหน้า สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องชาวไทย ต้องหลั่งน้ำตากันเป็นแถว ๆ หันมาช่วยเหลือกันก่อน ก่อนที่จะไม่มีกำลังไปประท้วง เพราะหมดแรงไปกับน้ำท่วม ดูตัวอย่างนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของเราสิ ก้าวแรกก็ไปดูแลประสบเคราะห์ภัยจากน้ำท่วม คงจะพอบรรเทาไปได้บ้างไม่มากก็น้อย

 

“แฮมเบอร์เกอร์” ร้อนๆ [19 ก.ย. 51 - 03:18]   

ใครที่คิดว่า แค่ผู้แทนฯสมัยแรกอ่อนเชิงการเมือง ต้องมองกันใหม่

ให้ดูจากบท “เล่นเป็น” ของคนชื่อ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ตั้งแต่นาทีแรกภายหลังได้รับโหวตให้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายสมชายรีบเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจกข้าวของ บัญชาการแก้ไขด้วยตัวเอง

เทกแอ็กชั่นเต็มที่

เช้าวันรุ่งขึ้นก็รีบเดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศ เพื่อหารือและรับฟังบรรยายสรุปปัญหาเกี่ยวกับข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะปัญหาปราสาทพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษ และปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ 

นายสมชายบอกเลย จะต่อโทรศัพท์หารือกับสมเด็จฮุน เซน นายกฯกัมพูชาโดยตรง

และคิวติดๆกัน นายสมชายยังได้เดินสายต่อไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อหารือผลกระทบจากวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐฯ ร่วมกับผู้บริหารของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อสรุปข้อมูลด้านเศรษฐกิจ

ฟิตทำการบ้านล่วงหน้า

โดยภาพของความตั้งอกตั้งใจ คะแนนลูกขยันเอาไปเลยเต็มร้อย

และที่ลืมไม่ได้ ในฐานะ “เด็กใต้” หมายแรกๆของนายสมชาย กำหนดล่วงหน้าเตรียมขอเข้าพบ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 

ทบทวนความทรงจำในฐานะเครือข่าย “ลูกป๋า”

ฝากเนื้อฝากตัวกับพระภูมิเจ้าที่

และว่ากันว่า เดินเกมกันลับๆตั้งแต่ยังไม่ได้รับโหวตให้เป็นนายกฯ นายสมชายได้ส่งคนใกล้ชิด นำเทียบเจรจาไปยื่นบันไดให้ม็อบพันธมิตรฯที่กำลังอ่อนล้าเต็มที ปีนลงแบบไม่ให้เสียหน้าเสียตา

ซึ่งนั่นก็ทำให้เห็นอาการขัดคอกันเอง

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานม็อบพันธมิตรฯออกมาแบะท่า ยื่นข้อเสนอ 5 ข้อต่อนายสมชาย ได้แก่ แนวทางจัดการกับผลประโยชน์ทับซ้อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี การนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องพูดให้ชัดจะดำเนินการอย่างไรกับกรณีแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา รวมไปถึงยังจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป หรือไม่ และนายสมชายจะต้องแถลงความชัดเจนว่ายังเป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือเปล่า

หากทำได้พันธมิตรฯอาจจะเปิดการเจรจา และยอมถอยออกจากทำเนียบรัฐบาล 

แต่ “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 2 แกนนำ ออกมาบอกปัด เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวของนายสุริยะใส ไม่ใช่มติของแกนนำ

ฝั่งหนึ่งอยากถอย ฝั่งหนึ่งดึงดัน ม็อบพันธมิตรฯเริ่มไปกันคนละทาง

เช่นเดียวกับท่าทีของทหาร พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม ปูดเองเลยว่า ได้ยิน “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก สนับสนุนให้นายกฯควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม แต่ล่าสุด “บิ๊กป๊อก” ก็ปฏิเสธ ไม่เคยข้องแวะกับฝ่ายการเมือง

เรื่องของเรื่อง มันคือสัญญาณจากกองทัพไม่รับมุกก๊กก๊วนในพรรคพลังประชาชนที่เตรียมล็อกเก้าอี้ รมว.กลาโหมไว้ให้บิ๊กทหารในสังกัดเข้ามาคุมเกมอำนาจ

หวังคอนโทรลทหารไว้ในกำมือ

งานนี้ก็ถือว่า เงื่อนไขเปิดทางให้นายสมชายในฐานะพลเรือนอีกคนที่จะนั่งตำแหน่ง รมว.กลาโหม ตามรอยรุ่นใหญ่อย่างอดีตนายกฯชวน หลีกภัย และอดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช

โดยเฉพาะรายของนายชวน จะได้เห็นกัน ที่เขาว่า “สมชาย” ถอดแบบยี่ห้อ “ชวนหลีกภัย” ชนิดที่เรียกได้ว่า “พิมพ์เดียวกัน” 

ประเภทอ่อนนอกแต่แข็งใน บทดื้อคือ “ไม่สถานเดียว”

เชือดนิ่มๆเหมือนกัน

การเมือง ม็อบ ทหาร นาทีนี้ไม่น่าห่วง “สมชาย” พอเอาอยู่

แต่ของร้อนที่อยู่ตรงหน้านายกฯคนใหม่ มันอยู่ที่วิกฤติ “แฮมเบอร์เกอร์” ปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐฯที่กำลังลามป่วนเศรษฐกิจโลก

โดยมีคำเตือนมาจากนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (อังค์ถัด) แนะรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจโลกขณะนี้อยู่ในสภาวะไม่ปกติ 

พูดดูง่าย แต่ตอนทำเหนื่อยหนักแน่

และก็เปิดตูดชิ่งหนีไปแล้ว “หมอเลี้ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจคนเดิม เปิดหมวกลา อ้างสปิริตไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลต่อไป

ไม่อยาก “อ้วก” เพราะพิษ “แฮมเบอร์เกอร์”.

                                         

                                                ทีมข่าวการเมือง รายงาน 

                                      ที่มา: http://www.thairath.co.th/news

 

หมายเลขบันทึก: 210047เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2008 21:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 พฤษภาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

มองโลกแง่ดีไปหน่อยหรือเปล่า รมต โควต้า กลุ่มอีสานพฒนา กลุ่มเนวิน จะไม่ยกมือให้ ที่เงียบไป ยกมือให้ เพราะ ตำแหน่ง รมต คุณ เฉลิม ภาพพจน์คนไม่ยอมรับ คนเรียก ไอ้เหลิม กว่าครึ่ง ปท กำลังมาเป็นรองนายก

เริ่มมองเห็นจุดตายหรือยัง การเมืองน้ำเน่า มันกำลังกลับมา และหิวโหยกว่าเดิม เพราะไม่มีใครรู้ว่า รัฐบาลจะอยู่ได้นานเท่าไร

ขอบคุณคะ คุณคนโรงงาน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความปลอดภัยของพี่น้องชาวไทยก็น่าจะสำคัญกว่านะ

ทุกคนในรัฐบาล มีแต่คนที่มีประวัติ ด่างๆ ไม่ขาวสะอาด

เราจะเอาคนแบบนี้มาปกครองประเทศ ได้ไง

ผมอยู่บ้านนอก แต่ผมก็มี 1 เสียง เท่ากับคนในเมืองครับ อิอิ

คนเรามี 1 เสียงเท่ากัน แต่มองผิด ถุก ต่างกัน

เสียงที่มีเท่ากัน มันมีค่าตอนเลือกตั้ง แต่การตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล กลายเป็นคนเมืองที่รับรู้ข่าวสารมากกว่า รู้ว่า การทำเลวเป็นอย่างไร และเราคงไม่ยอมรับ คนแม้ผ่านการเลือกตั้งมา แล้วมาทำเลว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท