hall
วงศพัทธ์ พิทักษ์สันติสุข

ธรรมะบำบัด


ในปัจจุบันโรงเรียนหลายแห่งสอนให้เด็กมีการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน ใครที่ดีกว่าคนอื่น ก็จะได้รับรางวัลต่างๆนานา ทำให้มีหน้ามีตาในสังคม ซึ่งรวมไปถึงพ่อแม่ด้วย แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งจอมปลอมทั้งสิ้น เมื่อได้ลาภยศก็มีเสื่อมลาภยศ

ในอดีตกาลนานมากว่า 2500 ปีแล้ว ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และได้สั่งสอนหลักการในการดำเนินชีวิตด้วยการใช้ ธรรมะ ซึ่งจริงๆแล้วหลังจากได้ยินได้ฟังมามาก จึงได้เกิดความคิดเห็นส่วนตัวขึ้นมาว่า หลักการดำเนินชีวิตตาม ธรรมะ ก็คือการใช้ชีวิตให้กลมกลืนไปกับ ธรรมชาติ นั่นเอง

หลักธรรมที่คนธรรมดาอย่างเราที่ควรปฏิบัติก็คือการรักษาศีล 5 เพื่อประโยชน์สุขในการดำเนินชีวิต ซึ่งการกระทำดังกล่าว เน้นที่การปฏิบัติ มิใช่เน้นที่การศึกษาหรือการสวดมนต์ท่องจำอะไรต่างๆ หรือเป็นเพียงแต่การพูดว่าชั้นรักษาศีล ชั้นซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ การพูดมิใช่การกระทำ การกระทำจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่ตนเอง แก่ผู้อื่น และแก่ส่วนรวม 

จากเหตุการณ์บ้านเมือง สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุไปทั่วโลก เราสามารถที่จะดับความร้อนแรงนั้นได้ ถ้าเราอาศัยหลักธรรมคำสั่งสอนของท่านฯเป็นแนวทางปฏิบัติ เพียงแค่ถือศีลห้าเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นในบ้านเมืองของเราในปัจจุบัน ถ้านักการเมืองถือศีลห้าได้ทุกคน บ้านเมืองเราก็คงจะสงบสุข

เราๆท่านๆชาวไทยชาวพุทธหลายๆคน เข้าวัดทำบุญสวดมนต์ว่ากล่าวศีลห้ากันเป็นประจำ แต่มีส่วนน้อยนักที่จะสามารถรักษาศีลได้ครบหมดทุกข้อ บางคนผิดศีลทุกข้อ บางคนก็ผิดเป็นบางข้อ การรักษาศีลนั้น ควรจะเริ่มจากการปฏิบัติเป็นข้อๆไปก่อน เราอาจไม่สามารถปฏิบัติพร้อมกันทั้งหมดในคราวเดียวได้ทันที แนวทางที่จะปฏิบัตินั้นอาจกล่าวได้ดังต่อไปนี้

ข้อแรก ศีลข้อที่ 5 อาจจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับหลายๆคน คือ ละเว้นจากการดื่มน้ำเมา การดื่มเหล้าทำให้เราขาดสติการยับยั้งชั่งใจ ถ้าเราดื่มเหล้าเข้าไป เราก็อาจจะปฏิบัติผิดศีลข้อต่อๆไปได้อย่างรวดเร็ว ปราศจากการยั้งคิด ในปัจจุบันเราควรจะต้องรวมไปถึง สารเสพติดต่างๆด้วย เช่นบางคนติดกัญชา ฝิ่น เฮโรอีน ฯลฯ ทำให้เกิดการผิดศีลข้ออื่นตามมาก็ได้ ตัวอย่างก็คือ เมื่อเสพติดแล้วก็ไปลักเล็กขโมยน้อยของๆผู้อื่น หรืออาจจะไปหลอกลวงผู้อื่นเพื่อเอาเงิน อาจไปชักชวนผู้อื่นให้มาเสพด้วย อาจไปผิดลูกผิดเมียผู้อื่นเพื่อเงิน หรืออาจจะถึงกับไปฆ่าคนอื่นเพื่อชิงทรัพย์นำมาซื้อยาเสพติด จะเป็นว่าถ้าเราผิดศีลข้อห้านี้เพียงข้อเดียว ข้ออื่นๆก็อาจจะตามมาด้วยอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจจะไม่ได้เสพสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว ก็จะง่ายในการปฏิบัติยิ่งขึ้นให้ข้ามไปข้อถัดไปได้เลย แต่คนที่ยังติดสิ่งเหล่านี้อยู่ก็ต้องถือเป็นกรรมเก่า ต้องมีความพยายามอย่างมากในการจะเลิกให้ได้ อาจจะต้องพึ่งสถานบำบัตที่มีอยู่แล้ว เมื่อเลิกได้ก็จะเกิดมงคลกับตัวเองอย่างยิ่ง เหมือนได้เกิดใหม่

ข้อต่อมา ศีลข้อที่ 4 ละเว้นจากการพูดเท็จ การพูดที่ไม่จริง หรือล่อลวงหลอกผู้อื่น ไม่ใช่ว่าไม่ให้พูดอะไรเลยซักอย่าง แต่สิ่งที่เราจะพูดแต่ละอย่าง ควรมีหลักเหตุและผลเข้ามาร่วมด้วยเสมอ การพูดเตือนผู้อื่นให้กระทำความดีถือเป็นสิ่งที่ดี การพูดให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายก็เป็นการดี เช่นการค้าขาย เมื่อเราขายของให้เขา เราอาจโฆษณาในสิ่งที่เป็นจริง เมื่อเขานำไปใช้แล้วก็ได้ผลจริง มิใช่เพียงแต่การโฆษณาชวนเชื่อให้หลงงมงายเพื่อผลประโยชน์ของผู้ขายเป็นต้น

ข้อต่อมา ศีลข้อที่ 3 ละเว้นจากการประพฤติผิดในกาม มิใช่การให้เลิกเสพกามโดยเด็ดขาด เพราะเรายังไม่ได้ถือศีล 8 แต่เป็นเพียงศีล 5 เท่านั้น ข้อที่สามนี้ก็คือ อย่าไปผิดลูกผิดเมียคนอื่นเขา ถ้าเขามีคู่อยู่แล้วก็อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวในทางกามารมณ์ ในทางความคิดเราอาจจะยังตัดได้ไม่หมด แต่เราสามารถยับยั้งชั่งใจได้ อย่าให้เกิดการกระทำขึ้นมา เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน ถึงเขาไม่เดือดร้อนแต่พ่อแม่ญาติพี่น้องเขาก็เดือดร้อนแทนก็ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจทำให้เกิดการเสื่อมเสีย จากการติฉินนินทาก็ดี จากสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาก็ดี สุดท้ายสิ่งที่ทำอาจทำร้ายชีวิตของผู้ที่ถูกกระทำได้ เหมือนกับการฆ่ากันนั่นเอง

ข้อถัดมา ศีลข้อที่ 2 ละเว้นจากการขโมย โกง ฉ้อฉล ในปัจจุบันอาจต้องกล่าวถึงการให้สินบนด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการโกงอย่างหนึ่งผิดทั้งผู้ให้และผู้รับ กฏหมายที่เขียนขึ้นใช้หลักศีลธรรมเพียงส่วนหนึ่ง ไม่ได้ครอบคลุมในทุกกรณี ซึ่งบางทีพอมีช่องว่าง คนบางคนก็จะอาศัยช่องว่างตรงนั้นในการหาผลประโยชน์ใส่ตัว หรือใช้ช่องว่างตรงนั้นเพื่อให้ตนเสียผลประโยชน์น้อยที่สุด การกระทำดังกล่าวผิดศีลข้อที่สองนี้อย่างแน่นอน การกระทำดังกล่าวสามารถเชื่อมโยงทั้งผู้ที่กระทำ ผู้ที่ให้การสนับสนุนการกระทำ ผู้วางแผนการกระทำ แม้จะไม่ได้ทำเองแต่ก็มีส่วนร่วมในการกระทำผิดด้วยนั่นเอง ในปัจจุบันก็มีการหลอกกันเพื่อให้เกิดการกระทำขึ้นด้วย หลอกใช้หรือว่าจ้างให้คนอื่นไปขโมยของหรือโกงคนอื่นเขา โกงประเทศชาติ  ฯลฯ อนึ่ง การบนบาลศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิทั้งหลายเพื่อขอ และเสนอสิ่งตอบแทนให้ก็ถือเป็นการผิดศีล เหมือนการให้สินบนนั่นเอง ดังนั้น จะเป็นการดีถ้าเปลี่ยนจากการบน เป็นการขอแทน ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้เกิดแรงบันดาลใจ เพื่อให้เกิดความสำเร็จ 

ข้อสุดท้ายที่ชาวพุทธอย่างเราๆพึงปฏิบัติกันคือ ละเว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ทั้งทางตรงและโดยทางอ้อม ทั้งนี้การฆ่าเพื่อปกป้องชีวิตตนเองก็ถือว่าไม่ผิดศีลข้อนี้ แต่ถ้าให้ดีเราแผ่เมตตาให้มันก่อน ถ้ามันไม่ไปก็เลี่ยงไม่ได้ การฆ่าสัตว์เพื่อกินก็เหมือนกับการฆ่าพี่น้องของเรา สิ่งมีชีวิตทุกชนิดในโลกนี้ มีชีวิต และหวงชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น เรากินหมู หมูก็ต้องถูกฆ่า หมูที่เรากินมันก็มีพ่อแม่ พี่น้อง เราต้องพรากมันมาจากครอบครัวของมัน หรือบางทีเราก็ฆ่ามันทั้งครอบครัว เพื่อเอาเนื้อมากิน เอาเลือดมาต้มกิน เอาเครื่องในมาลวกกิน หลายคนยังเข้าใจผิดบอกว่าถ้าเราไม่กินสัตว์เหล่านั้นแล้ว ร่างกายเราจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แต่ถ้าเราคิดให้ลึกลงไป สัตว์เหล่านั้นก็กินพืชเป็นอาหาร อย่างลิงกอริลล่า กินกล้วยเป็นอาหารหลัก ทำไมมันถึงมีเรี่ยวแรงมากกว่าคนหลายๆคนรวมกันซะอีก ธรรมชาติได้สร้างร่างกายมนุษย์มาโดยมีโครงสร้างแบบเดียวกันกับสัตว์กินพืชทั้งหลายในโลกนี้ ทั้งปาก ฟัน เล็บ กระเพาะ ลำไส้ มีโครงสร้างเหมาะกับการกินผักผลไม้ มีการวิจัยจากกลุ่มคนที่เป็นมังสวิรัติกับคนที่กินเนื้อสัตว์แล้ว พบว่าคนที่เป็นมังสวิรัติมาแล้วในระยะยาวจะมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนกินเนื้อสัตว์ ในตอนแรกเริ่มหัดกินอาจไม่ค่อยมีแรงบ้างเพราะยังไม่เคยชิน แต่ลองซักหกเดือนหนึ่งปีแล้วเราจะรู้ว่าอะไรก็สิ่งที่ดีกับชีวิต ถ้าเราไม่กินสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ก็จะขายของให้เราไม่ได้ เค้าก็จะลดการฆ่าลง ถ้าเรากินผักผลไม้กันทั้งโลก โลกก็จะไม่คลาดแคลนอาหาร เพราะปริมาณพืชผักที่นำไปเลี้ยงสัตว์นั้น แลกเปลี่ยนกลับมาเป็นเนื้อสัตว์แล้ว ได้รับพลังงานจากเนื้อสัตว์น้อยกว่าถ้าเรารับประทานพืชผักโดยตรง เช่นเราอาจต้องใช้พืชให้พลังงานถึง 8 แสนกิโลแคลอรี่ เพื่อผลิตเนื้อสัตว์ที่มีพลังงานเพียง 2 แสนกิโลแคลอรี่ เราสูญเสียทรัพยากรของโลกมากเกินไป มีความฟุ่มเฟือยมากเกินไปนั่นเอง จนอาจกล่าวได้ว่า การมีสงครามแย่งชิงทรัพยากรของประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกนั้น เกิดจากการไม่มีศีลข้อนี้ในจิตใจคนส่วนใหญ่นั่นเอง อาหารมังสวิรัติดีอย่างไร สามารถค้นหาข้อมูลได้มากมายในอินเทอร์เน็ตนี้ ก่อนที่จะเชื่อผมก็ต้องลองหาหลักฐานสนับสนุนก่อนแล้วทดลองปฏิบัติตาม แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ในปัจจุบันโรงเรียนหลายแห่งสอนให้เด็กมีการแข่งขัน ชิงดีชิงเด่นกัน ใครที่ดีกว่าคนอื่น ก็จะได้รับรางวัลต่างๆนานา ทำให้มีหน้ามีตาในสังคม ซึ่งรวมไปถึงพ่อแม่ด้วย แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งจอมปลอมทั้งสิ้น เมื่อได้ลาภยศก็มีเสื่อมลาภยศ

สิ่งที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตคือ ปัจจัย 4 เท่านั้น คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค แต่ในปัจจุบัน มีสิ่งต่างๆที่เกินความจำเป็นพื้นฐานเหล่านี้มากมาย จนบางคนไม่เคยที่จะผลิตอาหารเอง(ปลูกผักผลไม้เอง) บางคนก็เอาแต่ซื้อเสื้อผ้าเก็บไว้ทั้งๆที่เราใส่เสื้อผ้าได้วันละชุดเท่านั้น(นั่นคือความเท่าเทียมกันอย่างนึง) บางคนสร้างบ้านหลังใหญ่โตพร้อมทั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆมากมาย วันหนึ่งหากเราไม่มีไฟฟ้าใช้ ทุกสิ่งทุกอย่างส่วนใหญ่ที่เรามีก็จะหยุดทำงานให้เรา เมื่อน้ำมันหมดโลกเศรษฐกิจก็จะหยุดชะงัก การขนส่งต้องเปลี่ยนรูปแบบไป เราจะต้องย้อนยุคกลับไปใช้ชีวิตแบบในอดีตอีกครั้ง คนหลายคนเริ่มมีสติที่จะรับรู้สิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้นแล้ว แต่บางคนยังหลงอยู่ในโลกที่บอกว่าเป็นคนมีอารยธรรมสูง มีการศึกษาสูง ซึ่งทำให้มีการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นสูงด้วยเช่นกัน เราต้องเริ่มปรับตัวแล้ว ให้เข้ากับธรรมะ ให้เข้ากับธรรมชาติ ที่กำลังเกิดขึ้น และกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ผู้เชี่ยวชาญและผู้หวังดีบางท่านได้ออกมาเตือนถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น แต่มีกลุ่มคนบางคนที่เห็นว่าเป็นการขัดผลประโยชน์ก็ได้พยายามข่มขู่ว่าให้หยุดพูด เป็นการเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก มิใช่เห็นผลประโยชน์ของส่วนรวม ถ้าเรามีการเตรียมการล่วงหน้าที่ดี ก็จะทำให้เกิดการสูญเสียน้อยลง ลูกหลานของเราจะได้รับผลกระทบน้อยลง ผู้ใหญ่บางคนไม่สนใจอะไร เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่เกิดในยุคที่ท่านยังมีชีวิตอยู่อยู่แล้ว แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาบริหารประเทศ มีโครงการลวงตายักษ์ใหญ่ต่างๆมากมาย เพื่ออะไร เพื่อใคร อยากให้ท่านเข้าหาธรรมะ ธรรมชาติบ้าง ลองนึกถึงว่าท่านไปยืนอยู่บนยอดเขาสูงในตอนเช้ามืด สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด ท่านมีความผ่อนคลายอย่างไร มีความสุขที่ได้มีชีวิตอยู่อย่างไร ท่านกำลังต้องการธรรมชาติบำบัดอยู่นะ

การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เราต้องมองถึงสาเหตุของปัญหา ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุ ซึ่งอาจจะพอมองเห็นได้ คือเราจะต้องให้การศึกษาที่ดี รวมถึงการสอนให้เด็กๆที่จะเป็นอนาคตของชาติหรือของโลก ให้รู้หลักธรรม มีศีลธรรมในการดำเนินชีวิต มีชีวิตพอเพียง ประกอบสัมมาอาชีพ เด็กๆเหล่านี้ เมื่อโตขึ้นก็จะเป็นพ่อแม่ที่ดีกับลูกหลาน คอยสอนลูกหลานต่อไปได้อีก ต้องมีโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทีเข้าใจ และร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้น สุดท้ายแล้วอยากฝากไว้ว่าทุกชีวิตมีค่าเท่ากัน มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป เกิด แก่ เจ็บ ตาย เท่ากันทุกชีวิต ขอให้ทุกท่านมีความสุข

ป.ล. การพูดและเขียนนั้นแสนง่าย แต่การกระทำนั้นยากเย็นแสนเข็ญนัก แม้แต่ผู้เขียนก็ยังต้องพยายามต่อไปอีกนานแสนนาน

หมายเลขบันทึก: 210125เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2008 10:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 พฤษภาคม 2012 11:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท