ต้นกล้าของใคร


ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สอนคุณธรรมอย่างไรให้มีความพอเพียง

บทที่ 11-2

ความเป็นพี่น้องกัน

                                                                                   

จุดประสงค์ :   เพื่อรู้ รัก และฝึกจนเคยชิน

นิทานคติ  เรื่อง : ต้นกล้าของใคร

 

นานแสนนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ผู้คนส่วนใหญ่ทำไร่ทำนากันเป็นพื้น เมื่อได้ข้าว ได้พืชผักผลไม้ก็นำไปขายยังตลาดที่อยู่ในตัวเมือง แม้ว่าไกลแต่ก็ทำให้มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ที่หมู่บ้านนี้ยังมีครอบครัวหนึ่งมีฐานะพอควร ชายชราเจ้าของบ้านมีที่นากว่าร้อยไร่ เขาทำนามาชั่วชีวิต ชายชรามีลูกชายอยู่ 2 คน ซึ่งตอนนี้ต่างช่วยพ่อทำนำอย่างขยันขันแข็ง ชราชราจึงตกลงแบ่งที่ดินให้แก่พี่น้องคู่นี้เท่าๆ กันเพื่อทำนาปลูกข้าวต่อไป เมื่อชายชราเสียชีวิตลง สองพี่น้อง จึงแบ่งบ้านและปลูกอยู่ในที่ของตน ดังนั้นทั้งสองจึงกลายเป็นเพื่อนบ้านกันอีกด้วย

            ไม่ช้านานนักฝ่ายพี่ชายก็ได้พบรักและแต่งงานกับหญิงสาวจากหมู่บ้านข้างๆ ทั้งคู่แต่งกันไม่นานก็มีลูกชนิดหัวปีท้ายปี ทำให้ในเวลาไม่นานพวกเขาก็มีลูกด้วยกันถึงเจ็ดคน ฝ่ายน้องชายครองตัวเป็นโสดต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งญาติผู้ใหญ่มองหาหญิงสาวที่เป็นญาติห่างๆ คนหนึ่งมาให้เลือก แน่ละเขาหลงรักหญิงสาวนั้นทันที และเพิ่งแต่งงานกัน ผ่านไปอีก 2 ปี ก็ยังไม่มีลูกมาให้ชื่นหัวใจ ทั้งสองต่างรอคอยลูกคนแรกซึ่งยังไม่มีท่าทีว่าจะมาเกิดซักที อย่างแน่นแฟ้นทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันและกัน มีอะไรทำอะไรก็นำไปให้กัน

แต่แล้วข่าวดีก็มาถึง ฝ่ายภรรยาของน้องชายก็ตั้งท้องได้ 3 เดือนแล้ว และคงคลอดลูกในช่วงหน้าหนาวของปีนี้ ดังนั้นเมื่อฤดูทำนา ฝ่ายน้องชายก็ทำนาอย่างแข็งขัน ฝ่ายพี่ชายเองก็ไม่แพ้กัน เพราะว่าปีนี้ลูก 2 คนจะต้องส่งไปโรงเรียนแล้ว เขาต้องการเงินเป็นค่าเล่าเรียนของลูกๆ

เหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างคนขยัน ข้าวที่หว่านไปกลับออกไม่เต็มที่ มีบางจุดที่เว้าแหว่ง ต้องทำการซ่อมต้นกล้า ซึ่งต่างก็เตรียมไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อซ่อมต้นกล้าจริง ต้นกล้าที่มีกลับไม่พอซ่อม นาบางส่วนจึงเหว้าแหว่งต่อไป ตอนนี้ฝนตกทุกวันอย่างต่อเนื่อง เหล่าชาวนาทำได้เพียงแต่รอคอยให้ข้าวโตเท่านั้น

            ในคืนเดือนมืดหลังจากฝนหยุดตกแล้ว กลางท้องทุ่งนาที่เพาะปลูกจนข้าวกล้าเขียวขจี กลับมีเงาดำหนึ่งใหญ่ หนึ่งเล็กเดินฝ่าไปยังกลางท้องทุ่งนั้น แน่นอนว่าคงไม่มีใครเห็นหรอก เพราะว่าฝนเพิ่งหยุดตกไปและชาวนาที่ต้องอยู่กระต๊อบเฝ้าที่คงกลับบ้านไปซุกตัวให้อุ่นอยู่ในบ้าน น้อยคนนักที่จะเฝ้านากลางสายฝนที่ตกกระหน่ำมาเมื่อเย็นที่ผ่านมา เงาทั้งสองเป็นใครนะหรือ  เงาสูงใหญ่ก็คือชายชาวนาผู้น้องนั่นเอง อีกเงาก็คือเจ้าดำ หมาของเขานั่นเอง มันวิ่งตามเขามาอย่างสัตย์ซื่อตามวิสัยของมัน ทั้งสองมุ่งตรงไปยังท้องนา ชายผู้น้องมองไปยังนาของพี่ชาย เขารู้ว่านาของพี่นั้นบางส่วนข้าวกล้าไม่งอก ปีนี้พี่ของเขาคงได้ข้าวน้อยแน่ๆ

"พี่ข้าเอ๋ย นาของเจ้าเว้าแหว่งมากเช่นนี้ ปีนี้คงได้ข้าวน้อยแล้วจะพอเลี้ยงหลานๆ ของข้าอย่างไรกัน"

ที่ชาวชาวนาผู้น้องมาที่นาก็เพื่อมาเอากล้าของนาตัวเองไปซ่อมให้แก่นาของพี่ชาย เขาห่วงพี่ชายและครอบครัวของพี่มากเหมือนกับครอบครัวของเขาเองทีเดียว ดังนั้นท่ามกลางความมือเขาจึงถอนต้นกล้าของเขากองแล้วกองเล่ามากพอต้องการ แล้วจึงหอบนำไปปลูกซ่อมในที่นาของพี่ชาย เจ้าหมาน้อยนอนมอบเฝ้าดูเจ้านายของตนเองทำงาน ชายหนุ่มจึงหันไปหัวเราะแล้วพูดกับมันว่า

เอ็งไม่ต้องสงสัยเลย ว่าข้ามาเหนื่อยทำไม พี่ของข้ามีลูกตั้งเจ็ดคน เจ็ดคนเชียวนะ ต้องกินข้าววันละกี่หม้อ ต้องการเงินอีกเท่าไร พี่ชายข้าเขาต้องการข้าวจำนวนมากเพื่อนำไปขาย  ข้านะมีที่ดินเท่าๆ กับเขา แต่ว่าไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากนัก ดังนั้นเขาต้องการข้าวมากกว่าข้า ข้าจึงควรต้องช่วยเขา ใช่ไหมละ เจ้าดำ

            เมื่อเขาปลูกกล้า ซ่อมในที่นาของพี่ชายเสร็จ ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว ชายชาวนาจึงค่อยๆ กลับบ้านอย่างเงียบๆ โดยมีเจ้าหมาน้อยเดินตามอย่างภักดี

            แต่แล้วในเวลาดึกของคืนนั้นเอง กลับมีเงาดำอีกเงาหนึ่งอยู่ในทุ่งนา เงานั้นกลับเป็นเงาของชาวนาพี่ชาย เขาเองก็ค่อยๆ มายังที่นาของตนเอง จากนั้นก็ค่อยๆ ถอนต้นกล้าแล้วนำไปปลูกในที่ของน้องชายเช่นกัน ฝ่ายพี่ชายรำพึงอย่างพอใจว่า

ไอ้น้องชายเอ๋ย เจ้าต้องเตรียมข้าวไว้มากๆ เผื่อเอาไว้เพื่อลูกคนแรก ข้าวที่ดีเมื่อนำไปขาย เจ้าจะได้มีเงินไว้สำหรับให้น้องสะใภ้คลอดลูก หลานของข้าต้องเกิดมาอย่างดี ไม่ลำบากเหมือนของข้า

           เขาทำการซ่อมกล้าอยู่จนเสร็จ มองชื่นชมอยู่ครู่หนึ่งก็กลับบ้านไป อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว

 ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น สองพี่น้องมาที่นาแล้วก็พบว่าในท้องนาของตนกลับมีต้นกล้ามาเพิ่มในส่วนที่เว้าแหว่งไป พวกเขาต่างสังสัยว่าใครกันนะที่เอาต้นกล้ามาปลูกซ่อมในนาของพวกเขา คงไม่ใช่เทวดาท่านใจดีมาทำให้หรอกนะ

            คืนวันต่อมา แน่นอนว่ายังคงเป็นคืนเดือนมืดเช่นเดิม ในเวลาเดิมทั้งฝ่ายพี่ชายและน้องชายต่างพากันมายังนาของตนและนำข้าวกล้าไปปลูกยังนาของอีกฝ่าย และพบกับความแปลกใจเช่นเดิมในตอนเช้า อย่างไรก็ตามในคืนที่สาม คืนที่สี่พวกเขาก็ยังคงทำเช่นเดิมอีก

            ในคืนวันที่ห้า มีฝนตกมาตอนเย็น ทำให้มีหมอกลงจัด ทั้งคู่ยังคงมาที่นาเพื่อเอาต้นกล้าไปเติมให้อีกฝ่าย แต่ด้วยหมอกทำให้มองไม่เห็นกัน และแล้วทั้งคู่ก็เห็นอีกฝ่ายที่คันนาซึ่งกั้นที่ของทั้งสองจากกัน

            เอ็งมาทำอะไรที่นี่ ฝ่ายพี่ชายเป็นคนถามขึ้นก่อนอย่างตกใจ

            ข้ามาซ่อมกล้าให้พี่นะ ฝ่ายน้องชายตอบขึ้น เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน

            ข้าก็มาซ่อมกล้าให้เอ็งเหมือนกัน พี่ชายเอ่ยกลับ

พี่น้องทั้งสองต่างมองหน้ากัน ยิ้ม แล้วจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังพร้อมๆ กัน พวกเขากอดกันและเล่าเหตุผลกันว่าทำไม พวกเขาต่างทราบซึ่งและรักกันยิ่งขึ้น

            เมื่อชาวบ้านรู้ ต่างก็พากันชมเชยสองพี่น้องว่ารักกันยิ่งนัก และทั้งสองครอบครัวก็รักกันอย่างแนบแน่นรุ่นแล้วรุ่นเล่า

 

            ช่วยกันขยายความเพื่อสร้างความเข้าใจ

            ๑) ให้ช่วยกันหาคติพจน์และสุภาษิตส่งเสริมความเป็นพี่น้องกัน

            ๒) ให้ช่วยกันหาคำสอนของศาสนาต่างๆ ที่กล่าวถึงความเป็นพี่น้องกัน

            ในทั้งสองกรณีให้มีอาสาสมัครรวบรวมบันทึกไว้ เพื่อทำเอกสารแจกให้เก็บไว้ โดยลงวันที่ไว้ด้วย

 

ฝึกคุณธรรม

            ๑) ฝึกรู้รอบ : เรื่องนี้เหมาะสมสำหรับสอนเรื่องความเป็นพี่น้องกันหรือไม่ อย่างไร

            ๒) ฝึกแข็งขัน : เราจะแสดงความเป็นพี่น้องกันอย่างเหมาะสมได้อย่างไร  มีความมุ่งมั่นที่จะทำแค่ไหน

            ๓) ฝึกพอเพียง : ความเป็นพี่น้องกันอย่างไร จึงเรียกว่าทำได้อย่าง พอเพียง

                                    - อย่างไรเรียกว่าขาด

                                    - อย่างไรเรียกว่าเกิน

            ๔) ฝึกความยุติธรรม : ความเป็นพี่น้องกันที่ดำเนินไปอย่างมีความยุติธรรมเป็นอย่างไร ให้ช่วยกันยกตัวอย่าง

 

กิจกรรมสันทนาการ

๑.     ให้อาสาสมัครจับคู่กัน ให้เป็นถือเป็นพี่น้องกันเป็นคู่ๆ และให้ทั้งสองช่วยเหลือกันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ในวันที่แปดให้มานั่งล้อมวง แล้วเล่าให้คนอื่นๆ ฟังว่าได้ช่วยอะไรกันบ้าง และตอนนี้รู้สึกอย่างไรต่อกัน  ให้คนอื่นตบมือชมเชยทีละคู่

 

 

เอนก สุวรรณบัณฑิต  

นักศึกษาปริญญาเอก คณะปรัชญาและจริยศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

โดยการริเริ่มของศาสตราจารย์กีรติ บุญเจือ ราชบัณฑิต

ปรับจากหนังสือ Discovering the Real Me, Universal Peace Federation Edition

 

คำสำคัญ (Tags): #คุณธรรม#พี่น้อง
หมายเลขบันทึก: 210555เขียนเมื่อ 21 กันยายน 2008 20:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มิถุนายน 2012 19:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สุดยอดเลยครับนิทานเรื่องนี้

มีคติสอนใจดีจังเลยนะคะ

ขอยืมไปเล่าให้หลานชายฟังหน่อยนะคะ

ขอยืมไปสอนลูกหน่อยนะครับ

ขอนำไปเล่าให้สามเณรนักเรียนฟังนะโยม

ให้ข้อคิดดีมากครับ ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ด้วย

นิทานนี้เหมาะกับสังคมทุกวันนี้มาก มากครับ

ขอบคุณค่ะ ประทับใจค่ะ

หากทุกคนคิดและมีความรักและห่วงใยกัน

พวกเราคงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท