โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันนี้ : กับความสุขของคนไข้ ญาติ ที่อยากให้มหาวิทยาลัย ฯ คำนึง


....... ที่ลิฟท์ทุกลิฟท์ของโรงพยาบาล มีการรณรงค์เรื่องการยิ้มแย้ม โดยใช้สื่อเด็กทารกกำลังยิ้ม ซึ่งสะท้อนถึงอาการของบุคลากรของโรงพยาบาล ฯในวันนี้

        วันนี้เป็นวันลาพักผ่อนค่ะ  ถือโอกาสเคลียร์งานที่คั่งค้างซะหมดแล้วจึงลาพักผ่อนตั้งแต่วันอังคารถึงวันศุกร์ รวมเสาร์-อาทิตย์ก็ 6 วันเต็ม ๆ เลยค่ะพี่น้อง   แล้วจะทำอะไรบ้างละ

                 
        สองวันแรกอุทิศตนเป็นลูกสาวที่ดีของแม่  พาแม่ไปตรวจตามหมอนัดที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร  ด้วยอาการที่คุณแม่ไม่ยอมถ่ายตรวจหาสาเหตุอย่างไร ๆ ก็ไม่เจอ   อาการเลือดน้อยทำให้คุณหมอต้องให้เลือดถึง 2 ถุงด้วยกัน 

           ไหน ๆ ก็พูดถึงมหาวิทยาลัยนเรศวรแล้วขอพูดความรู้สึกสักนิดหนึ่งนะคะ   มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดตั้งสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ  คงเพื่อรองรับนิสิตแพทย์ที่เรียนที่มหาวิทยาลัยนเรศวรคณะแพทย์ศาสตร์ 

          คุณแม่เป็นคนไข้รุ่นแรกฯของโรงพยาบาล ฯ เป็นคนไข้ของคุณหมอเอกกวีร์ ฯ   ซ้ำคุณแม่ยังติดคุณหมออีกด้วยทั้งนี้เนื่องจากคุณหมอเป็นคนอัธยาศัยดีและรับฟังคุณแม่เล่าอาการป่วยไข้โดยไม่ทำหน้าเบื่อหน่ายเหมือนคุณหมอฯ บางท่าน (บางท่านนะคะ..อิอิ)

           ซ้ำคุณหมอฯ ยังพูดคุยกับคุณแม่อย่างคนคุ้ยเคยจำได้แม้กระทั่งว่า คุณแม่ชื่ออะไร  อยู่ที่ไหน  ชอบทำงานอดิเรกอะไร   คุณหมอฯ ใส่ใจที่จะดูแลสุขภาพของคุณแม่   ตรวจร่างกายประจำปีให้คุณแม่ทุกปี  ส่งต่อคุณหมอกระดูก  คุณหมอโรคไต  และดูแลสุขภาพคุณแม่อยู่ทุกวันนี้เหมือนมีคุณหมอประจำตัวก็ไม่ปาน

                   ....... 3 ปี ผ่านมา  โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรในวันนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนตอนเป็นสถาบันวิจัย ฯ  คนไข้พลุกพล่าน  คนไข้แน่นหนามากหมอ และ พยาบาล เจ้าหน้าที่ดูไม่ยิ้มแย้มเหมือนแต่ก่อน  ต่างเร่งทำงานเพื่อให้ทันต่อจำนวนคนไข้ที่เพิ่มขึ้น  ดูกะ กะน่าจะประมาณ 10 เท่าของจำนวนของคนไข้เดิม  

                   พยาบาล  เจ้าหน้าที่ หน้าตาไม่ยิ้มแย้มเหมือนเดิม   คนไข้ที่รออยู่นานนนนนนในแต่ละวันต่างก็มีอาการเบื่อหน่ายจนเห็นได้ชัด  ไม่ต่างกับคุณแม่ของนกที่ต้องรอคิวเพื่อตรวจนานซะจนเบื่อก็ว่าได้     คุณแม่ท่านบ่นเสมอว่า วันนี้โรงพยาบาลฯเปลี่ยนไปมากไม่อบอุ่นเหมือนแต่ก่อน  หมอท่านก็ดูรีบเร่งตรวจเหมือนกับมีข้อจำกัดของเวลาของการตรวจ  ไม่มีเวลาที่จะได้พูดคุยกับคนไข้ที่ดูเอื้ออาทรเหมือนแต่ก่อน  

                เข้าใจว่า โรงพยาบาลใหญ่ขึ้นคนไข้มากขึ้น  แต่ทำไมการที่ใหญ่ขึ้น กับทำให้ดูเหมือนบุคลากรในที่นั้นไม่มีความสุขเลย  รวมถึงคนไข้และญาติที่ไปด้วย


               เมื่อวานคุณแม่เข้าตรวจและต้องนอนรักษาที่ชั้น 5 A  เมื่อเข้าตรวจรับการตรวจลำไส้ใหญ่  โดยคุณหมอนัดคุณแม่ให้อดอาหารหลังเที่ยงคืน นกและคุณแม่ปฏิบัติตาม  ตอนเช้าของวันนั้นนกออกไปส่งลูกชายที่โรงเรียนและกลับไปต้มข้าวต้มให้คุณแม่ที่บ้าน 

              .....พลางคิดว่า ไม่น่าเกิน 10 โมงโรงพยาบาลคงพาแม่ไปกลืนแป้งและเอ็กซเรย์เสร็จเรียบร้อย   10 โมงของวันนั้นนกไปถึงห้องพักคุณแม่ท่านโมโหมากและบอกว่า ให้รอๆๆๆๆ แม่จะหิวตายอยู่แล้วนกจึงไปตามพยาบาลและถามพยาบาล  พยาบาลก็ใจดีเหลือหลายรีบติดต่อไปที่ห้องเอ็กซเรย์ก็แจ้งให้ทราบว่า คนไข้เยอะมากและก็คุณยายอีกคนที่ลงไปยังไม่ขึ้นมาเลย  

                นกจึงขอให้ตามให้เพราะด้วยวัย 78 ปีของคุณแม่คงอดข้าวจากเที่ยงคืนวันเมื่อวานจนถึงเที่ยงวันของวันนี้คงไม่ได้ 
                    .......น้อง ๆ พยาบาลทุกคนที่ ชั้น5A พูดจาได้ดีมากและให้คำอธิบายถึงความล่าช้าและขอให้รอ   จนเวลา 11.30 น. น้องพยาบาลเข้ามาบอกว่าตกลงว่าที่โรงพยาบาลเครื่องมีปัญหาและที่โรงพยาบาลไม่มีเครสคนไข้กลืนแป้งและฉายเอ็กซเรย์ให้คนไข้กินข้าวได้และจะออกใบนัดให้ไปทำในวันที่ 4 ตุลาคมที่โรงพยาบาลพิษณุเวช  นกยอมรับเลยค่ะว่า โมโหมาก ๆ เพราะว่า ถ้าโรงพยาบาลฯ ไม่เคยมีเครสที่ทำแบบนี้ก็ไม่น่าให้คุณแม่ต้องมาเสี่ยงอดอาหารนับ 12 ชั่วโมงอย่างนี้  

                  นกจึงเดินไปสอบถามกับพยาบาลที่เคาเตอร์อีกครั้งทีนี้ละก็เจอ หัวหน้าพยาบาล อายุคงจะประมาณ 30 ต้น ๆ แต่ที่ไม่น่ารักก็คือ การพูดจาของพยาบาลคนนี้ไม่น่าที่จะเป็นระดับหัวหน้าได้หรือว่า เพราะโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลหลวงซะก็ไม่รู้   หัวหน้าพยาบาลพูดจาคล้ายกับการดูถูกดูแคลนนกด้วยซ้ำนกถามถึงสิทธิของการรักษาหากต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนว่าจะสามารถเบิกได้หรือไม่เพราะวันที่ไปทำคุณแม่ไม่ได้เป็นคนไข้นอน แต่น้ำเสียงของหัวหน้าพยาบาลคนนั้นทำให้นกรู้สึกว่า เออนี่ขนาดเราเป็นข้าราชการเหนอะถ้าเป็นตาสี ตาสา ยายมี ยายมาจะทำอย่างไร   พูดจาไม่ดีแค่ไหนไม่อยากเล่าให้ฟังค่ะ    แต่หลังจากที่นกกลับเข้าห้องคนไข้  หัวหน้าพยาบาลคนนี้ก็ถามมาพูดจาด้วยเป็นอย่างดีแถมยังอยู่พูดคุยกับคุณแม่จนดิฉันทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จ


                    ........รักโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรมากค่ะ   รักภาพเก่า  ๆ ที่พยาบาลและเจ้าหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสให้แก่คนไข้  ความเอื้ออาทรเหล่านี้เป็นภาพเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว  แต่วันนี้ไม่มีอีกแล้วค่ะ   ดิฉันและญาติ ๆ กำลังปรึกษากันว่า จะทำอย่างไรดีกับการรักษาของคุณแม่ก็คงจะโอนคุณแม่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพุทธชินราชโรงพยาบาลศูนย์ฯ  ใกล้บ้าน
  
                        ....... ที่ลิฟท์ทุกลิฟท์ของโรงพยาบาล  มีการรณรงค์เรื่องการยิ้มแย้ม  โดยใช้สื่อเด็กทารกกำลังยิ้ม  ซึ่งสะท้อนถึงอาการของบุคลากรของโรงพยาบาล ฯในวันนี้


                        ........ก็หวังว่า และเป็นกำลังใจให้ค่ะว่าจะสามารถปลูกจิตสำนึกและปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้บริการแก่บุคลากรให้ได้ เพื่อที่จะสามารถทำตามวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรที่ตั้งไว้....ให้ได้นะคะ...

                        เขียนมาซะยืดยาวเลยค่ะ  คุณแม่ยังนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน  สี่วันที่เหลือคงจะเป็นลูกสาวที่ดี ปรนนิบัติคุณแม่  ทำอาหารให้ท่านทานและคงไม่ได้ไปไหนค่ะ  อ้อมีข่าวดีค่ะ คือวันอาทิตย์นี้นกจะได้สวมครุยถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยค่ะ....

 

หมายเลขบันทึก: 211447เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2008 11:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ตามมาดู

พรีเซนเตอร์หน้าตาดี

น่าเข้าแกงค์

อิอิ 

สวัสดีค่ะ

  • ครูอ้อย ตามน้องโย่งมาค่ะ
  • มาบอกว่า...คิดถึงค่ะ
  • รักษาสุขภาพนะคะ
  • สวัสดีครับ
  • มาแล้วบริการถึงบล็อก
    • จัดให้จัดให้ วันที่ 9  เลข 9 เป็นเลขเทวดา สวรรค์ส่งมาเกิดว่าไปนั่น..อิอิ ในสมองมีแต่เรื่องคุณธรรมความดี คิดแต่เรื่องดี ชอบทำโน้นทำนี่ ทำนองว่าทำอย่างไรจะให้โลกทั้งใบมีแต่สิ่งดีดี  ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน ไม่ชอบอยู่เฉยๆ ใครจะคบหาต้องเป็นงานเป็นการอย่ามาไร้สาระ  คนเกิดวันที่ 9 จะดูแลเอาใส่กับคนที่รักของเขาอย่างดียิ่งใครได้เป็นที่รักก็โชคดีมาก
    • เรื่องนี้เป็นของคนหนุ่มสาวนะ...อิอิ เราก็หนุ่มสาวนะ...555

อยากให้ทางโรงพยาบาลแจ้งข่าวการรับสมัครพนักงานของโรงพยาบาลเพราะเป็นหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ที่โรงเรียนสายใยสัมพันธ์จะได้แจ้งข้อมูลให้นักเรียนที่จบการศึกษาได้ไปสมัครงานที่โรงพยาบาลค่ะขอบคุณค่ะ

อยากทราบว่าพี่พยาบาลพรีเซ็นต์เตอร์ข้างบนชื่อไรค่ะ

ใช่พี่คนที่อยู่แผนกอายุรกรรมไหมค่ะพี่คนที่สวยๆหน้าตาดีๆ

มีอยู่คนเดียวค่ะที่อยู่กับคุณหมอเอกวีร์ค่ะใช่ไหมค่ะใครรู้ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สิริพิมน วงศ์เมืองใจ

กะจะพาลูกไปรักษา เขาจะรักษาให้มั้ยเนี่ยะ คิดหนัก อยากจะเจอ อาจารย์หมอ เจ๋งๆ จัง จะไปดีมั้ยเนี่ย

ไม่เคยไปรับบริการ ที่นี่เลย มีแต่คนไม่ประทับใจ ทำไม รพ. มน. ไม่ออกมาอธิบายหรือคิดจะปรับปรุงอะไร เล่าให้ฟังบ้างก้อยังดี

ใครบอกโรงพยาลที่นี่ไม่ดี เราพาคุณพ่อเข้ารับการรักษา ทั้งคุณหมอและพยาบาลเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ต้องขอบพระคุณคุณหมอและพยาบาลทุกคนเป็นอย่างสูง ถ้าคุณพ่อรักษาที่โรงพยาบาล อี่กที่หนึ่งในตัวจังหวัด ก็ไม่รู้ว่าคุณพ่อจะเป็นอย่างไร ณ วันนี้ คุณพ่อก็ยังอยู่กับเรา แม้จะอยู่ในความดูแลของคุณหมอ คุณพยาบาล และเจ้าหน้าที่ ขอขอบคุณอีกครั้งค่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ธ.ค.53 ผมมีอาการฉี่เป็นเลือด ได้ไปพบ หมอที่แผนกฉุกเฉิน ได้รับการบริการดีพอสมควร ทั้งจากหมอและพยาบาล และนัดให้มาพบหมอระบบทางเดินปัสสาวะในบ่ายวันอังคาร(นพ.พรเทพ รัชฎาภรณ์กุล )29 ธค. 53 เวลาบ่ายโมง เมื่อถึงคิวเข้าตรวจ คุณหมอทำให้กระผมตกใจมากๆ ท่านได้ยกมือไหว้กระผมก่อน (ตลอดชีวิตที่เข้าโรงพยาบาลพบหมอมาหลายครั้งไม่เคยเจอ) ท่ากรุณาซักถามอาการ พร้อมนักศึกษาแพทย์อย่างละเอียดเป็นกันเอง ไม่เร่งรีบ

   กระผมดีใจและภูมิใจแทนโรงพยาบาลนเรศวรครับ ที่มีคุณหมอที่มีจิตใจที่ดีจริงใจต่อคนไข้ ขอให้คุณหมอรักษาเอกลักษณ์ที่ดีนี้ไว้ เพื่อนักศึกษาแพทย์จำไปแบบอย่างต่อๆไป  ขอให้มีความสุขกับงานบริการ มีความเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ และขอให้บุคลากรของโรงพยาบาลนเรศวรทุกท่านจงมีความสุขตลอดปี 2011 ครับ *** นี่คือความจริงจากคนไข้คนหนึ่งที่มาใช้บริการครับ*** 

อยากทราบว่าการทำฉีดน้ำเชื้อเข้ามดลูกค่าบริการประมาณเท่าไกร่ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท