พระพุทธเจ้าทรงโต้ตอบเวรัญชพราหมณ์ ๘ ข้อหา
ทรงโต้ตอบเวรัญชพราหมณ์ ๘
ข้อหา
(วินัยปิฏก มหาวิภังค์
ภาค ๑ ข้อ ๑)
สมัยนั้น
พระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับอยู่ที่โคนต้นสะเดาของนเฬรุยักษ์พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ
๕๐๐
เวรัญชพราหมณ์ได้สลับข่าว จึงไปเฝ้า ทูลว่าเขาได้ยินว่า
พระสมณโคดมไม่ไหว้ ไม่ลุกรับผู้ใด
เพราะเหตุไรจึงเป็นเช่นนั้น ไม่เป็นการสมควรมิใช่หรือ
?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า หากพระองค์ไหว้หรือลุกรับ
หรือแสดงเคารพต่อผู้ใด ศรีษะของผู้นั้นจะต้องแตก
๑. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นผู้มีรูป
ไม่มีรส (คือไม่น่ายินดี)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน แต่หมายความว่า รส
คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
อันเราละได้แล้ว
๒. เวรัญชพราหมณ์: พระสมณโคดมเป็นผู้ไม่มีโภคะ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นเป็นความจริง แต่ตถาคตหมายความว่า
โภคะ คือ รูป เสียง เป็นต้น
อันเราละได้แล้ว
๓. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นอกริยวาทะ
(กล่าวการไม่ทำ)
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นเป็นความจริง
แต่เราหมายความว่าเขากล่าวการไม่ทำกายทุจริต วจีทุจริต
มโนทุจริต และไม่ทำบาปอกุศลต่าง ๆ
๔. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นอุจเฉทวาทะ
(กล่าวความขาดสูญ)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน แต่เราหมายความว่า
เรากล่าวความขาดสูญแห่งราคะ โทสะ โมหะ
และความขาดสูญแห่งบาปอกุศลต่าง ๆ
๕. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นผู้มักรังเกียจ
(เชคุจฉี)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน
แต่เราหมายความว่าเราเป็นผู้รังเกียจกายทุจริต วจีทุจริต
มโนทุจริต และบาปอกุศลต่าง ๆ
๖. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นผู้ช่างกำจัด
(เวนยิโก)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน
แต่เราหมายความว่าเราแสดงธรรมเพื่อกำจัดราคะ โทสะ
โมหะ และเพื่อกำจัดบาปอกุศลต่าง ๆ
๗. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นผู้เผาพลาญ
(ตปัสสี)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน แต่เราหมายความว่า
เรากล่าวการเผาผลาญบาปอกุศลและทุจริตต่าง ๆ
๘. เวรัญชพราหมณ์ : พระสมณโคดมเป็นผู้ไม่ผุดไม่เกิด
(อปคัพโภ)
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
ข้อที่ท่านกล่าวนั้นถูกเหมือนกัน แต่เราหมายความว่า
การนอนในครรภ์ การเกิดใหม่เราได้ละเสียแล้ว
เราไม่มีการเกิดใหม่อีกต่อไป
ต่อจากนั้นพระผู้มีพระภาคทรงอุปมาให้พราหมณ์ฟังว่า
พระองค์เป็นเหมือนลูกไก่ตัวแรกของโลก ที่เจาะกระเปาะฟองไข่
(คือ อวิชชา )
ออกมาแล้วทรงเล่าประวัติของพระองค์ว่าได้ตรัสรู้มาอย่างไร
จนเวรัญชพราหมณ์เลื่อมใสแสดงตนเป็นอุบาสกนับถือพระพุทธศาสนา
ตามเรื่องนี้
แสดงให้เห็นว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปลี่ยนสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี
เหมือนเปลี่ยนขยะมูลฝอยให้เป็นปุ๋ย เปลี่ยนมะนาวเปรี้ยวให้หวาน
เปลี่ยนลูกศร หอกดาบ ให้เป็นดอกไม้ รูป
เทียน หรือพวงมาลัย
พวกเราเป็นพุทธสาวก
ควรดำเนินตามพุทธจริยา เรื่องนี้
ก็จะเป็นผู้ชนะโลก
เป็นยอดนักรบในสงคราม ( ส เว
สงฺคามชุตฺตโม)
ก่อนอื่น
เราต้องรบกับตัวเองก่อน
เอาชนะตัวเองได้แล้ว การชนะผู้อื่นนั้น ไม่ยาก
ถ้าเราคิดแค่จะเอาชนะผู้อื่น แต่แพ้ตัวเองอยู่เรื่อย
จะไปชนะใครได้
-->> ในการสนทนากับผู้อื่น
ถ้าท่านต้องการจะจูงใจเขาให้มาศรัทธาในตัวท่าน
ทำไมท่านไม่ใช้วิธีการของพระพุทธเจ้าที่ทรงใช้กับเวรัญชพราหมณ์
คือ ยอมรับว่าที่เขาพูดนั้นจริงเหมือนกันถูกเหมือนกัน
ถ้าท่านไม่เห็นด้วยกับเขาท่านก็ให้ความหมายเสียใหม่
อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสเวรัญชพราหมณ์ได้ผลมาแล้ว
**************************************************************************
เมื่อปี
พ.ศ. ๔๖๓-๓๙๙ ก่อน
ค.ศ. มีนักปราชญ์ชาวกรีกคนสำคัญคนหนึ่งเกิดขึ้นในกรุงเอเธนส์
ท่านได้รับยกย่องว่ามีศิลปะในการสนทนาจูงใจผู้อื่นอย่างยอดเยี่ยม
ยากที่จะหาผู้เสมอเหมือนได้ ท่านมักพูดเสมอว่า
“สิ่งเดียวที่ข้าพเจ้ารู้
คือข้าพเจ้าไม่รู้อะไร”
(One thing that I know , that is I know
nothing)
ท่านจะเริ่มต้นสนทนาด้วยคำถาม เช่นว่า ความยุติธรรมคือ
อะไร? ความดีคืออะไร เมื่อผู้อื่นตอบแล้ว
ท่านยังไม่พอใจในคำตอบของเขาและเมื่อถูกย้อนถามว่า โสกระตีส
เห็นอย่างไร ท่านจะตอบว่า
ท่านไม่รู้อะไรตามที่กล่าวแล้ว
จึงต้องแสวงหาความรู้ต่อไป
วิธีการของท่านได้รับเกียรติทางปรัชญาว่า “วิธีการของโสกระตีส”
(Socratic Method) ท่านเป็นปรมาจารย์ทางปรัชญา
เกิดภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานเพียง ๗๕-๘๐ ปี
เท่านั้น
ถ้าโสกระตีสได้พบพระพุทธเจ้า ท่านน่าจะได้อะไร ๆ
จากพระพุทธเจ้ามากทีเดียว
เมื่อสัตบุรุษให้สิ่งที่ให้ ได้ยาก ทำสิ่งที่ทำได้ยากอยู่
อสัตบุรุษ (คนไม่ดี) ทำตามไม่ได้
เพราะธรรมของสัตบุรุษทำตามได้ยาก
(พระพุทธพจน์)
.............................................
อ่านบทความทั้งหมดได้ที่ http://khunsamatha.com/
พุดคุยสนทนาธรรมในประเด็นต่างๆ กันได้ที่ห้องสนทนา http://forums.212cafe.com/samatha/
ไม่มีความเห็น