จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของไทยหลายฉบับสรุปว่า
บั้งไฟพญานาค คือ ก๊าซมีเทน-ไนโตรเจน
ที่เกิดจากการอาศัยอยู่ร่วมกันระหว่างแบคทีเรียที่ทนต่อออกซิเจนได้ ณ
ความลึกของแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำข้างเคียง 4.55 -13.40 เมตร
ตำแหน่งที่มีสารอินทรีย์พอเหมาะใต้ผิวโคลน หรือทรายท้องแม่น้ำโขง
ซึ่งระดับน้ำขนาดนี้จะมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส
(ปริมาณออกซิเจนน้อย)
ทั้งนี้ในวันที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค
คือวันที่แสงแดดส่องลงมาในช่วงเวลาประมาณ 10,13 และ16 นาฬิกา
มีอุณหภูมิมากกว่า 26
องศาเซลเซียสทำให้มีความร้อนมากพอที่จะย่อยสลายอินทรีย์
และจะมีก๊าซมีเทนจากการหมักมากว่า 3-4 ชั่วโมง
ซึ่งมากที่จะก่อให้เกิดความดันก๊าชในผิวทรายทำให้ก๊าซจะหลุดออกมาและพุ่งขึ้นเมื่อโผล่พ้นน้ำ
ฟองก๊าซที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำบางส่วนจะฟุ้งกระจายออกไป
ส่วนแกนในของก๊าซขนาดเท่าหัวแม่มือจะพุ่งขึ้นสูงกระทบกับออกซิเจน
รวมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงของคืนที่เกิดเหตุการณ์ทำให้เกิดการสันดาปอย่างรวดเร็วจนติดไฟได้
ดังนั้นดวงไฟหลากสีที่เราพบเห็นจะเป็นสีแดงอำพัน (เหลือง)
ทั้งนี้ช่วงเวลาที่เกิดบั้งไฟพญานาคจะเป็นเดือนมีนาคม
เมษายน พฤษภาคม กันยายน และตุลาคม
เพราะโลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดทำให้รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตเพิ่มปริมาณสูงขึ้นและเจาะทะลวงยังพื้นโลกได้มากขึ้น
ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ตั้งอยู่ในแถบแนวเส้นศูนย์สูตรที่สามารถรับแสงอาทิตย์ได้มาก
เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเองในแกนที่เอียงทำมุม
23.5 องศา
กับดวงอาทิตย์ทำให้ซีกโลกในเวลากลางคืนของประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นละติจูด
15-45 องศาเหนือและองศาใต้
อยู่ห่างจากแนวแรงรวมของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โลก
และดวงอาทิตย์ไม่เกิน 25 องศาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนกันยายน,ตุลาคม
,เมษายน และพฤษภาคม
ทำให้มีปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในหลายประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว
ในโลกนี้ยังมีสิ่งลึกลับ...ที่รอการพิสูจน์ อีกมากมายครับ
สวัสดี ผอ.ICT ผมเองยังไม่เคยไปเที่ยวชม เสียดายไม่ได้ชมภาพ รายละเอียดชัดเจนดี ขอบคุณ
ขอบคุณ เครือข่าย 16 โรงเรียนแกนนำทุกท่านที่เสียสละเวลาเดินทางไปร่วมประชุมในสถานที่ที่ไกลแสนไกล ความตั้งใจของพวกท่านจึงได้รับการขอบคุณโดยได้ชื่นชม ภาพที่มหัศจรรย์เหนือคำบรรยายจากปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่ผมเองลุ้นอยู่ตลอดเวลาก่อนเกิดเหตุการณ์ว่า จะขึ้นหรือไม่ขึ้น สุดท้ายก็โล่งใจที่ไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง...
ต้องขอขอบคุณมากที่สุดก็คือ เจ้าภาพ ท่านผอ.นิพนธ์ ก้องเวหา และผู้เกี่ยวข้องจากร.ร.บุ่งคล้านครทุกท่าน,ท่านรองผอ.เขตพื้นที่หนองคายเขต 3 ท่านอัมพร พินะสา,ผอ.ร.ร.เครือข่ายของบุ่งคล้านนคร ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสได้ไปเพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หนองคายด้วยความสะดวก สบาย หวังว่าทุกท่านที่เดินทางมาร่มประชุมคงมีความสุขและเดินทางกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ พบกันใหม่ที่ .................
อดดูเลยครับ อุตส่าลุ้นๆๆ สงสัยต้องชวนผอ ไปใหม่
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เชิญชวนดูคลิปวีดิโอ ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค 14 ต.ค. 2551 ได้ที่http://gotoknow.org/blog/ict-labschool/216989
"ความเร็วสูง คงที่ พุ่งเป็นเส้นตรง ความเร็วปลายเท่ากับความเร็วต้น จนลูกไฟดับที่ระดับความสูงประมาณ 150 เมตร"
ทำอย่างงี้เป็นการวัดด้วยความรู้สึกชัดๆเลยครับ ควรต้องมีอุปกรณ์วัด หรือกล้องวีดีโอที่ตั้งถ่ายนิ่งๆ แล้วมาวัดดูทีละเฟรมก็ได้ครับ เพราะการมองตามมันขึ้นไป มันจะเหมือนวิ่งเร็วคงที่เหมือนกัน (ซ้ำเหมือนเป็นเส้นตรงด้วย)
เพราะแค่เราปล่อยให้วัตถุตกลงพื้นนี่ เรายังเห็นเหมือนมันตกด้วยความเร็วคงที่เลยครับ ทั้งที่ตกด้วยความเร่ง การพิสูจน์วิทยาศาสตร์ด้วยความรู้สึก ไม่ต่างจากอริสโตเติ้ลเลยครับ
อยากทราบความจริงเรื่องบั้งไฟพญานาค รบกวนเข้าไปอ่านที่นี่ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sompop&month=10-2011&date=14&group=5&gblog=63
ขอบคุณ สมภพ เจ้าเก่า ปีนี้ไม่ได้ติดตามข่าวเพราะช่วงเวลานั้นไปประชุมที่เกาหลี และข่าวน้ำท่สมมีมากกว่า ไม่ทราบว่าขึ้นเยอะหรือไม่ คนยังแน่นหนาเหมือนเดิมหรือปล่าว