มหัศจรรย์บั้งไฟพญานาคเหนือคำบรรยาย


ณ ริมฝั่งโขง บ้านตาลชุม อำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย

เป็นครูวิทย์ฯเคยสอนวิชาฟิสิกส์ แต่ไม่สามารถหาเหตุผลใดมาอ้างอิงได้ตามหลักวิทยาศาสตร์

ข้อพิศวง

ลูกไฟที่น่าจะมีมวลเบามากสีแดงอมชมพูพุงขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือผิวน้ำมีทิศทางตรงบ้างเฉียงบ้างในวันเพ็ญเดือนสิบเอ็ด(14ตุลา51) ขึ้นลูกแรก 18.28 น. เห็นได้ถึงสองทุ่มโดยประมาณ

ไม่มีเสียง ไม่มีร่องรอยน้ำกระเพื่อมแม้จะมืดแต่หากสิ่งใดพุ่งจากน้ำน่าจะมีเสียงบ้าง

ความเร็วสูง คงที่ พุ่งเป็นเส้นตรง ความเร็วปลายเท่ากับความเร็วต้น จนลูกไฟดับที่ระดับความสูงประมาณ 150 เมตร สูงกว่าดอกไม้ไฟ หรือพลุราคาไม่แพงนักที่ชาวบ้านจุดแข่ง หรือเชียร์กัน

ไปดูที่จุดบ้านตาลชุม อำเภอรัตนวาปี เห็นประมาณ 20 ลูก ชัดมาก ขึ้นตรงเวิ้งน้ำต่อหน้าเลย

สุดยอด คนประมาณ 10,000  รถติดในหมู่บ้านยาวเหยียดกว่าจะออกมาได่ก็ 4 ทุ่ม

ไม่สามารถจับภาพลูกไฟมาให้ชมได้เพราะมืด ไกล เร็ว คุณภาพกล้องไม่พอ

ในฐานะครูวิทยาศาสตร์ ค้นคว้ามาให้ครับ ในเว็บ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9470000073245

พิสูจน์ปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” กับหลักวิทยาศาสตร์

   จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของไทยหลายฉบับสรุปว่า บั้งไฟพญานาค คือ ก๊าซมีเทน-ไนโตรเจน ที่เกิดจากการอาศัยอยู่ร่วมกันระหว่างแบคทีเรียที่ทนต่อออกซิเจนได้ ณ ความลึกของแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำข้างเคียง 4.55 -13.40 เมตร ตำแหน่งที่มีสารอินทรีย์พอเหมาะใต้ผิวโคลน หรือทรายท้องแม่น้ำโขง ซึ่งระดับน้ำขนาดนี้จะมีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส (ปริมาณออกซิเจนน้อย)
       
       ทั้งนี้ในวันที่เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค คือวันที่แสงแดดส่องลงมาในช่วงเวลาประมาณ 10,13 และ16 นาฬิกา มีอุณหภูมิมากกว่า 26 องศาเซลเซียสทำให้มีความร้อนมากพอที่จะย่อยสลายอินทรีย์ และจะมีก๊าซมีเทนจากการหมักมากว่า 3-4 ชั่วโมง ซึ่งมากที่จะก่อให้เกิดความดันก๊าชในผิวทรายทำให้ก๊าซจะหลุดออกมาและพุ่งขึ้นเมื่อโผล่พ้นน้ำ
       
       ฟองก๊าซที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำบางส่วนจะฟุ้งกระจายออกไป ส่วนแกนในของก๊าซขนาดเท่าหัวแม่มือจะพุ่งขึ้นสูงกระทบกับออกซิเจน รวมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงของคืนที่เกิดเหตุการณ์ทำให้เกิดการสันดาปอย่างรวดเร็วจนติดไฟได้ ดังนั้นดวงไฟหลากสีที่เราพบเห็นจะเป็นสีแดงอำพัน (เหลือง)
       
       ทั้งนี้ช่วงเวลาที่เกิดบั้งไฟพญานาคจะเป็นเดือนมีนาคม เมษายน พฤษภาคม กันยายน และตุลาคม เพราะโลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดทำให้รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตเพิ่มปริมาณสูงขึ้นและเจาะทะลวงยังพื้นโลกได้มากขึ้น ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ตั้งอยู่ในแถบแนวเส้นศูนย์สูตรที่สามารถรับแสงอาทิตย์ได้มาก
       
       เนื่องจากโลกหมุนรอบตัวเองในแกนที่เอียงทำมุม 23.5 องศา กับดวงอาทิตย์ทำให้ซีกโลกในเวลากลางคืนของประเทศที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นละติจูด 15-45 องศาเหนือและองศาใต้ อยู่ห่างจากแนวแรงรวมของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์ไม่เกิน 25 องศาในวันขึ้น 15 ค่ำเดือนกันยายน,ตุลาคม ,เมษายน และพฤษภาคม ทำให้มีปรากฏการณ์ที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในหลายประเทศในช่วงเวลาดังกล่าว

หมายเลขบันทึก: 216634เขียนเมื่อ 15 ตุลาคม 2008 06:48 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

ในโลกนี้ยังมีสิ่งลึกลับ...ที่รอการพิสูจน์ อีกมากมายครับ

สวัสดี ผอ.ICT ผมเองยังไม่เคยไปเที่ยวชม เสียดายไม่ได้ชมภาพ รายละเอียดชัดเจนดี ขอบคุณ

  • เรียนให้ทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมบันทึกนี้
  • ภาพดวงไฟที่เห็นเป็นเพียงดอกไม้ไฟที่เด็ก ๆ เล่น
  • ผมแจ้งในบันทึกแล้วว่าไม่สามารถนำภาพจริงมาให้ชม ที่ถ่ายไว้ได้ก็มืดมาก
  • จึงใช้ภาพนี้สื่อให้เห็นว่าเป็นลักษณะที่คล้ายกัน แต่ภาพจริงที่เห็นนั้น สุดจะบรรยาย
  • เชิญชวนท่านไปชมปีต่อไปครับ
  • ขอบคุณ พิสูจน์  และ นายประจักษ์~natadee  ที่มาให้ความเห็น และยืนยันตามที่กล่าวมาครับ
  • เช้าวันที่15ตุลาคม เราได้รับการสนับสนุนข้าวต้มเครื่อง กาแฟ ริมแม่น้ำโขง อำเภอบึงกาฬ โดย ผอ.สพท.หนองคาย เขต 3 ขอบคุณมากครับ
  • สุดท้ายเราก็บันทึกภาพ ร่ำลากันกลับภูมิลำเนา

ขอบคุณ เครือข่าย 16 โรงเรียนแกนนำทุกท่านที่เสียสละเวลาเดินทางไปร่วมประชุมในสถานที่ที่ไกลแสนไกล ความตั้งใจของพวกท่านจึงได้รับการขอบคุณโดยได้ชื่นชม ภาพที่มหัศจรรย์เหนือคำบรรยายจากปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ที่ผมเองลุ้นอยู่ตลอดเวลาก่อนเกิดเหตุการณ์ว่า จะขึ้นหรือไม่ขึ้น สุดท้ายก็โล่งใจที่ไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง...

                 

ต้องขอขอบคุณมากที่สุดก็คือ เจ้าภาพ ท่านผอ.นิพนธ์ ก้องเวหา และผู้เกี่ยวข้องจากร.ร.บุ่งคล้านครทุกท่าน,ท่านรองผอ.เขตพื้นที่หนองคายเขต 3 ท่านอัมพร พินะสา,ผอ.ร.ร.เครือข่ายของบุ่งคล้านนคร ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสได้ไปเพิ่มประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่หนองคายด้วยความสะดวก สบาย หวังว่าทุกท่านที่เดินทางมาร่มประชุมคงมีความสุขและเดินทางกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ พบกันใหม่ที่ .................

  • ขอบคุณท่าน อภิชาต พุทธเจริญ  ที่มากล่าวสรุปให้
  • ผมทราบดีว่าท่านต้องเข้ามาเยี่ยมจึงรอให้ท่านเป็นผู้ขอบคุณเจ้าภาพ
  • ภาพนี้มืดหน่อยนะ อีกบันทึกที่ท่านpost ไว้ ดูเห็นจุดสีแดง พอเดาออก
  • นำมาเพิ่มให้อีกครับ ตามหลักวิทยาศาสตร์
  • เชื่อหรือไม่ลองอ่านดู
  • ควรไปชมของจริงครั้งหน้า อเมซิ่ง จริง ๆ

อดดูเลยครับ อุตส่าลุ้นๆๆ สงสัยต้องชวนผอ ไปใหม่

ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

เชิญชวนดูคลิปวีดิโอ ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค 14 ต.ค. 2551 ได้ที่http://gotoknow.org/blog/ict-labschool/216989

  • แวะไปชมมาแล้ว ขอบคุณ  อภิชาต พุทธเจริญ ที่บันทึกไว้ชัดเจนครับ
  • ผมใช้มือถือถ่ายตั้งกล้องรอจนปวดแขน ได้ยินแต่เสียงภาพไม่ได้เลยครับ
  • สุดยอด ปีหน้าจะแอบพาครอบครัวไปอีก

"ความเร็วสูง คงที่ พุ่งเป็นเส้นตรง ความเร็วปลายเท่ากับความเร็วต้น จนลูกไฟดับที่ระดับความสูงประมาณ 150 เมตร"

ทำอย่างงี้เป็นการวัดด้วยความรู้สึกชัดๆเลยครับ ควรต้องมีอุปกรณ์วัด หรือกล้องวีดีโอที่ตั้งถ่ายนิ่งๆ แล้วมาวัดดูทีละเฟรมก็ได้ครับ เพราะการมองตามมันขึ้นไป มันจะเหมือนวิ่งเร็วคงที่เหมือนกัน (ซ้ำเหมือนเป็นเส้นตรงด้วย)

เพราะแค่เราปล่อยให้วัตถุตกลงพื้นนี่ เรายังเห็นเหมือนมันตกด้วยความเร็วคงที่เลยครับ ทั้งที่ตกด้วยความเร่ง การพิสูจน์วิทยาศาสตร์ด้วยความรู้สึก ไม่ต่างจากอริสโตเติ้ลเลยครับ

อยากทราบความจริงเรื่องบั้งไฟพญานาค รบกวนเข้าไปอ่านที่นี่ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sompop&month=10-2011&date=14&group=5&gblog=63

ขอบคุณ สมภพ เจ้าเก่า  ปีนี้ไม่ได้ติดตามข่าวเพราะช่วงเวลานั้นไปประชุมที่เกาหลี และข่าวน้ำท่สมมีมากกว่า ไม่ทราบว่าขึ้นเยอะหรือไม่ คนยังแน่นหนาเหมือนเดิมหรือปล่าว

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท