ตลอดระยะทางกว่า 320 ก.ม. จากศรีสะเกษ ถึง อำเภอบ้านเขว้า ชัยภูมิ ที่ครูวุฒิขับรถผ่านปีหนึ่งๆหลายครั้ง (เป็นเวลาอย่างน้อย 22 ปีมาแล้ว) โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นในระยะช่วงปิดภาคเรียนเดือนเมษายนและตุลาคม ซึ่งจะเป็นระยะต้นฤดูการทำนา และต้นระยะการเก็บเกี่ยวข้าวพอดี
(ภาพบน) ความเสียหายของพี่น้องเกษตรกรแถวอำเภอชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เมื่อช่วงหว่านราวๆเดือนพฤษภาคมปีนี้ (เป็นผลพวงจากพายุนาร์กีส ที่ทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างมาก) และเมื่อน้ำงวดในอีก 2 เดือนต่อมา พี่น้องชาวนาก็ลงมือหว่ารอบ 2 อีก ทำให้ต้นทุนสูงมาก ค่าใช้จ่ายต่างๆตามมาอีกบาน
(ภาพบน) ความเสียหายจากฝนทิ้งช่วงนาน และชาวนาไม่มีระบบน้ำสำรองในไร่นา
(ถ่าย 16 ต.ค.51 ที่ อ.บ้านเขว้า ชัยภูมิ)
ทุกครั้งที่ขับรถผ่าน สิ่งที่จะอยู่ในสายตาและห้วงความสนใจของครูวุฒิตลอดก็คือไร่นาของพี่น้องเกษตรกร 2 ข้างทาง ซึ่งก่อนนั้นจะเห็นพี่น้องชาวนาส่วนใหญ่ทำนาด้วยวิธีการปักดำ ทำให้เห็นมีข้าวงอกงามเต็มนาน่าชื่นใจตลอดฤดู แต่ในระยะหลังๆประมาณ 5-6 ปีมานี้ จะเห็นพี่น้องชาวนาทำเป็นนาหว่านเป็นส่วนใหญ่ และสิ่งที่เห็นในความเป็นนาหว่านก็คือ "ความเปราะบางเสียหายง่าย" โดยเฉพาะในฤดูการผลิต 2551 นี้ เท่าที่ประเมินด้วยสายตาจะเห็นความเสียหายแบบสิ้นเชิงของการทำนาแบบเสี่ยงดวงของพี่น้องชาวนามากกว่าร้อยละ 15-20 ของพื้นที่ และเสียหายแบบไม่สิ้นเชิง(ได้บ้างไม่ได้บ้าง)กว่าร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นความเสียหายที่คิดเป็นมูลค่าไม่น้อยเลย ยิ่งเมื่อเทียบกับการลงทุนที่สูงขึ้นทุกปีๆ ก็ยิ่งจะเห็นสถานการณ์ความปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคมของพี่น้องชาวนา ที่เป็นทั้งเส้นเลือดใหญ่และกระดูกสันหลังของชาติ นี่ยังไม่รวมถึงการดิ่งเหวของพืชผลทางการเกษตรอื่น ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ "แฮมเบอเกอร์ดีซีส" ของสหรัฐ
(ภาพบน) ความเสียหายอันเกิดจากการทำนาแบบมักง่าย ไม่ใส่ใจ (หว่านแล้วทิ้งให้ต้นข้าวเผชิญชะตากรรมกันเอาเอง) เมื่อฝนมาในช่วงท้ายฤดู ก็จะโกยปุ๋ยออกจากเมืองมาดั๊มลง (คนขายปุ๋ยรวยลูกเดียว)
(ภาพบน) ความเสียหายอันเกิดจากการทำนาโดยปราศจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับข้าว (ปักดำด้วยต้นกล้าที่แก่เกินไป ใส่ปุ๋ยไว้ให้หญ้า เพราะข้าวหมดแรงกินไปก่อน)
***************
จากภาพที่นำมาลงไว้ แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจของชาวนา ที่ปัจจุบันทำนาด้วยทุนที่สูงขึ้น แต่เปราะบางเสียหายได้ง่ายกว่าสมัยก่อน จึงเป็นความเสียหายแบบยกกำลัง 2 นั่นหมายความว่าชาวนามีโอกาสสูญเสียทีทำกินเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 2 เท่า
***************