ตัด..ฉับ..ฉับ หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย"


ยุคข้าวหมากแพงแบบนี้ใครๆก็อยากมีรายได้วิ่งให้ทันค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้นแต่ในโลกแห่งความเป็นจริงช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน

                                                                                                                                                 . ตัด..ฉับ..ฉับ หั่นค่าใช้จ่ายสไตล์ "กำพล อัศวกุลชัย"

ยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ ใครๆ ก็อยากให้มีรายได้วิ่งให้ทันค่าใช้จ่ายกันทั้งนั้น แต่ในโลกแห่งความเป็น
จริง ช่างเป็นเรื่องยากเสียเหลือเกิน วันนี้ "กำพล อัศวกุลชัย" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทย
พาณิชย์ จะมาแนะนำวิธีที่จะช่วยลดความอ้วนของรายจ่ายลงไปบ้าง เพื่อให้ทุกคนมีเงินเหลือพอให้เก็บ
ออมกันมากขึ้น ในยามที่ข้าวของปรับราคาขึ้นตั้งมากมาย กำพล ได้แนะ 10 วิธีเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่
สามารถหั่นและตัดได้ อย่างที่บางทีหลายคนก็นึกไม่ถึง

๑. ค่าโทรศัพท์มือถือ
ค่าโทรศัพท์มือถือเป็นอย่างแรกที่กำพลบอกว่าทุกคนควรจะหันมาพิจารณาลดค่าใช้จ่าย เพราะค่าโทรศัพท์
มือถือนี้ค่อนข้างแพงเอาการอยู่ และที่สำคัญคือตอนอยู่บ้าน
หรือออฟฟิศก็ไม่คุยกับเพื่อน พอออก! จากบ้านหรือออกจากออฟฟิศทีไรเป็นต้องหยิบโทรศัพท์มือถือ มาคุย
กันเหลือเกิน ถ้าเลิกโทรไม่ได้ก็เลือกโปรโมชั่นให้สอดคล้องกับลักษณะการใช้ของเรา บางคนไม่เคยดู
โปรโมชั่นเลย ทั้งๆ ที่มีโปรโมชั่นที่มีค่าโทรถูกมาก ลองเลิกและเลือกโปรโมชั่นดี ๆ ก็ช่วยลดค่าใช้จ่าย
ได้

๒. ค่าฟิตเนส
ก่อนที่จะตัดสินใจต่อโปรแกรมฟิตเนสในแต่ละปี ลองทบทวนดูว่าปีที่ผ่านมาคุณไปใช้บริการจริงๆ จังๆ กี่
ครั้ง คุ้มไหม หรือถ้าไปบ่อยๆ ก็ดี แต่ที่สำคัญลองทบทวนดูว่าหากเปลี่ยนสถานที่มาออกกำลังกายตามสวน
สาธารณะบ้าง ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย แถมยังเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกายได้อีก

๓. ค่าเคเบิลทีวี
คุณเคยทราบหรือไหมว่า เดือนๆ หนึ่งได้ดูเคเบิลทีวีบ่อยแค่ไหน บางคนดูฟรีทีวีผ่านเคเบิลทีวีอีกต่างหาก
ก็เสียค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเยอะมาก แต่หากดูเคเบิลทีวีติดซะแล้ว
ลองเลือกแพ็คเกจที่สอดคล้องกับช่องที่คุณต้องการดูก็ได้ บางทีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ของคุณอาจลดลงมาก หรือ
ถ้าจะลองหันมาดูฟรีทีวีกัน ก็ลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลย

๔. ค่ากาแฟ
ตรงนี้หลายคนอาจจะบอ กว่าเลิกไม่ได้ กำพล ออกตัวว่าเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ยังไม่ได้เลิกกาแฟ แต่ก็
พยายามลดกาแฟลง โดยเฉพาะลดเหลือวันละแก้วก็พอ ไม่ต้องดื่มกาแฟทุกมื้อ เพราะนอกจากไม่เป็นผลดี
ต่อสุขภาพแล้วที่สำคัญกาแฟของต่างประเทศก็แสนจะแพง คุณอาจลองเปลี่ยนรสนิยมมาดื่มกาแฟแบบไทยๆ
บ้าง ก็จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากโขทีเดียว จากราคาแก้วละร้อยกว่าบาทเป็นไม่เกินสามสิบบาท ก็แก้
ง่วงได้เหมือนกัน แต่เสียอย่างเดียวคือ อาจไม่เท่เหมือนเดิม

๕. ค่าอินเทอร์เน็ต
ในยุคปัจจุบัน หลายๆ คนติดอินเทอร์เน็ตงอมแงมเลย ทั้งใช้เล่นเกมอินเทอร์เน็ต ใช้หาข้อมูล คุณลอง
ทบทวนดูว่าแพ็คเกจไหนให้ชั่วโมงอินเทอร์เน็ตมากๆ ไม่หลุดบ่อยเพราะถ้าหลุดบ่อยๆ ก็ต้องเสียค่าต่อ
โมเด็มเพิ่มขึ้นอีก และบางครั้งคุณเป็นสมาชิกแบบต่อเนื่องจำนวนชั่วโมงก็ได้เพิ่มขึ้น และหากลดการใช้ลง
ก็ประหยัดชั่วโมงอินเทอร์เน็ตได้อีก ลองใช้เวลาไปหาข้อมูลที่ "ห้องสมุดประชาชน" หรือ
"ห้องสมุดมารวย" หรือ "McCafe"

๖. ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย
ค่า SMS ดาวน์โหลดเพลง และเพลงรอสาย แต่ละเพลงก็แพงเอาการอยู่และบางอย่างเช่นเพลงรอสาย
คุณก็ไม่ได้เป็นคนฟัง แต่เสียสตางค์เอง แปลกดีเหมือนกัน
ก็ลองทบทวนดูว่าคุณใช้จ่ายในเรื่องเหล่านี้มากไปหรือเปล่าถ้ามากเกินไปก็ลดลงบ้างก็ไม่เสียหายอะไร

๗. ค่าแผ่น DVD หรือ CD
หนัง DVD กับ CD เพลงเพราะๆ นั้น เชื่อไหมถ้าคุณไปดูที่ตู้เก็บแผ่นเหล่านี้ จะพบว่ามีเยอะมากจริงๆ
บางแผ่นซื้อมายังไม่มีเวลาดูเลย ก็กลัวว่าถ้าไม่ซื้อตอนนี้ก็จะอดดู แต่อยากจะบอกว่า ถ้าคุณซื้อช้าลงอีกสัก
นิดราคาแผ่น DVD หรือ CD เหล่านี้จะลดราคาลงมาให้ซื้อในราคาที่ถูกลงหรือไม่คุณก็จัดก๊วนดู DVD หรือ
CD กับเพื่อนๆ แล้วผลัดกันซื้อแล้วเวียนดูกันในก๊วน อย่างนี้ก็ลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ตั้งเยอะ

๘. เลิกซื้อของเพราะของแถมหรือลดราคา
เรื่องจริงที่คุณเองก็น่าจะเคยเป็น คือบางครั้งอยากได้ของแถมมากกว่าที่จะซื้อสินค้าหรือจะใช้สินค้าหลักๆ
นั้นเสียอีก ซึ่งต้องบอกว่า "ของแถม" นี้จะมีผลต่อจิตใจหลายคนอย่างมาก ทั้งที่บางทีของยังไม่จำเป็น
ต้องซื้อเลย หรือจะซื้อครั้งละไม่มากแต่คุณก็ ยินดีจ่ายซื้อยกโหลเพื่อจะได้ของแถมอย่างนี้ทำให้รายจ่าย
ของคุณไม่สม่ำเสมอ ที่สำคัญ "ของลดราคา" บางครั้งคุณก็ชอบซื้อมาเสร็จก็ไม่ได้ใช้งาน เพราะอารมณ์
ตอนแย่งซื้อของลดราคานั้นเห็นคนมุงกันคุ้ยกระบะลดราคามันช่างเย้ายวนใจเสียเหลือเกิน ดังนั้นช่วงห้าง
ลดราคา อย่าไปเดินเลยจะได้หักค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกเสียบ้าง

๙. เลิกซื้อสินค้าตามเทคโนโลยี
ข้อนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชาย (ผู้หญิงหลายๆ คนก็เป็นเหมือนกัน) พวกผู้ชายจะชอบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่
กล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ที่ถ่ายได้ 10-20 ล้านพิกเซล โทรทัศน์จอ LCD เครื่องเล่น DVD รุ่นใหม่ และอื่นๆ
อีกมากมาย รุ่นใหม่มาทีไร จิตใจเป็นต้องโหยหาเสียเหลือเกิน ทั้งที่ของที่มีอยู่ก็เพิ่งซื้อไปไม่เกิน 6
เดือนถึงหนึ่งปีเอง ดังนั้น ลองใช้ของที่มีอยู่ให้เจ๊งสักอย่างดีไหม ลองเก็บเงินเท่าที่จะซื้อของใหม่ไว้ทุก
ครั้ง เชื่อไหมว่าสักสองสามปี จะมีเงินเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

๑๐. งดทานข้าวนอกบ้านลงบ้าง
หลายคนต้องทานข้าวนอกบ้านทุกวัน ทั้งที่คุณพ่อคุณแม่ที่บ้านเตรียมอาหารไว้แล้ว แต่คุณมักจะอ้างว่าไปกับ
เพื่อนเพื่อสังสรรค์ ก็ขอบอกว่าคุณสามารถเชิญเพื่อนๆ
มาทานข้าวที่บ้านได้ แต่ก่อนสมัยอายุไม่มาก เชื่อไหมว่าการทานข้าวนอกบ้านต้องเป็นวาระสำคัญๆ ที
เดียว เวลารวมญาติ หรือมีวาระที่สำคัญจึงจะทานข้าวนอกบ้าน
แต่ปัจจุบันเท่าที่สังเกตคนส่วนใหญ่จะกลับกัน ทานข้าวนอกบ้านเป็นประจำ แต่วาระพิเศษจึงจะทานข้าวที่
บ้าน ลองกลับด้านดู หันมาทำกับข้าวทานเอง นอกจากสะอาดถูกหลักอนามัยแล้ว ยังมีราคาถูกว่าอีก เอา
เป็นว่าลดการทานข้าวนอกบ้านลงให้เหลือสัปดาห์ละวันสองวัน ที่เหลือกลับไปทานข้าวกับครอบครัวก็จะได้
รับความสุขพร้อมหน้าพร้อมตาที่บ้านกัน

"ทั้งสิบข้อนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ซึ่งแต่ละคนอาจมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน สำหรับค่าใช้จ่ายบาง
รายการคุณอาจจะลืมนึกถึง ก็ลองกลับมาทบทวนกันเผื่อจะได้มีเงินออมเพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือน และนำ
เงินออมที่เพิ่มขึ้นไปสร้างผลตอบแทนหรือนำไปใช้จ่ายในส่วนอื่นที่จำเป็นต่อไป" กำพลทิ้งท้าย



                            

 

 

หมายเลขบันทึก: 217738เขียนเมื่อ 20 ตุลาคม 2008 13:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

บัญญัติ ๑๒ ประการ ในการดำเนินชีวิต
๑.จงมีจิตใจที่เปิดกว้าง และไม่ยึดมั่นถือมั่นต่อทัศนะและความเห็น
๒.จงอย่ายึดมั่นในความรู้ของตนมากเกินไป เพราะจะทำให้พลาดโอกาสที่จะก้าวสู่  ความจริงในระดับสูงขึ้น
๓.จงอย่าบังคับขู่เข็ญผู้อื่น แม้แต่เด็กเล็ก ๆ แต่ควรใช้การสนทนาอันประกอบด้วยเมตตา
๔.จงปลุกสำนึกของตนเอง และผู้อื่นให้ตื่นขึ้นเพื่อรับรู้ต่อความทุกข์ของผู้คนในโลก
๕.จงมีชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สละเวลา กำลังงาน และปัจจัยให้แก่ผู้ที่สมควรจะได้รับ
๖.จงอย่าเก็บความโกรธและความเกลียดไว้ในใจ
๗.จงเจริญสติรู้การเคลื่อนไหวของกายหรือใจอยู่เสมอ
๘.จงอย่ากล่าวคำที่ก่อให้เกิดความบาดหมาง
๙.จงอย่าพูดมากจนเกินไป
๑o.จงประกอบอาชีพการงานไปในทางที่จะช่วยให้ขยายความเมตตาออกสู่หมู่ชน
๑๑.จงอย่าครอบครองวัตถุที่ควรเป็นสิทธิ์ของผู้อื่น
๑๒.การแสดงออกทางเพศ จงเป็นไปบนพื้นฐานแห่งศีลธรรม
(โอวาทธรรมของท่าน ติช นัท ฮันห์ " ด้วยปัญญาและความรัก ")
 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท