เมื่อวานผมได้เชิญหัวหน้ากลุ่มงานที่ผมรับผิดชอบอยู่เข้ามาปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องแนวทางในการพิจารณาความดีความชอบของบุคลากรในกลุ่มงาน
เนื่องจาก ผมมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับหัวหน้ากลุ่ม
งานนี้ ผมต้องทำการบ้านมาอย่างดี เพราะหัวหน้ากลุ่มเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เนื่องจากเป็นผู้มีอาวุโสกว่าผมมาก และ มีประสบการณ์ในการทำงานมายาวนาน
ผมเริ่มประเด็นการสนทนาว่าผมเชิญมาหารือเรื่องการพิจารณาความดีความชอบ โดยบอกว่าผมมีแนวทางในการพิจารณาอีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่ตรงกับหัวหน้ากลุ่ม แล้วผมก็เล่าแนวทางการพิจารณาของผมให้หัวหน้ากลุ่มฟัง
โดยสรุปปิดท้ายว่าแนวทางของผมเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง ซึ่งมันอาจจะเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องก็ได้ และในขณะเดียวกัน ผมก็บอกว่าผมก็ไม่คิดว่าแนวทางของหัวหน้ากลุ่มนั้นผิด จะต้องมาพิจารณาตามแนวทางที่ผมว่าไว้ เพียงแต่บอกว่าอยากให้หัวหน้ากลุ่มรับฟังแนวคิดของผม ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร ผมไม่ไปตีกรอบตรงนั้น
เมื่อผมพูดจบ แทบไม่น่าเชื่อเลยครับว่า หัวหน้ากลุ่มเห็นด้วยกับแนวทางของผม ผมนึกในใจว่าทำไมง่ายอย่างนี้
จากประเด็นดังกล่าว ผมวิเคราะห์ว่าที่หัวหน้ากลุ่มเห็นด้วยกับแนวทางของผมนั้น เพราะ
1. ผมพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ (ไม่มีอำนาจและผลประโยชน์แอบแฝง)
2. ผมไม่มีอคติในใจ (ผมไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ไม่กลัวใครเป็นการส่วนตัว)
3. ผมมีเป้าหมายเพื่อส่วนรวม( ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หรือ ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง)
ความขัดแย้งก็สลายไปได้ ด้วยการพูดคุยกันบนพื้นฐานของการทำเพื่อส่วนรวม
เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ทั่นสารวัตร
ขอบคุณครับ
เจริญพร
คุณครูธนิตย์ นอนดึก หรือ ตื่นเช้า ครับ
ประเด็นนี้ก็น่านำไปคิดต่อมากครับ
การปฏิบัติตนที่ผ่านมาของผู้พูดด้วยว่า ควรเชื่อง่ายๆหรือต้องพิจารณาก่อน
บอกตามตรงนะครับ ว่าผมเองก็ยังไม่เชื่อเสียทีเดียว
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลายครั้งก็ถูกหลอกครับ
ขอบคุณมากครับ
นมัสการครับ
เจอมุขนี้ของท่าน ผมก็ซึมไปเลยครับ
ขอบพระคุณมากครับ
ความบริสุทธิ์ใจ การมุ่งมั่นเพื่อส่วนรวม ย่อมได้รับการยอมรับจาดใคร ในไม่ช้าค่ะ
มีความสุขในการทำงาน นะคะ
สวัสดีค่ะ ท่าน ผอ.. small man~natadee
สวัสดีค่ะท่านรองฯที่เคารพ
สวัสดีครับ small man~natadee ท่านรอง สพท.ตราดที่นับถือ ขอชื่นชมท่านที่มีความมุ่งมั่น จริงใจ ด้วยจิตและวิญญาณของนักบริหารมืออาชีพ จากเรื่องราวของบันทึกนี้แสดงให้เห็นว่า ท่านมีพลังแห่งการเป็นนักบริหาร คือพูดแล้วเพื่อนร่วมงานฟัง ขอชื่นชม วันนี้มีของดีมากฝากได้มาจากการที่ผมไปเยี่ยมเยี่ยนเพื่อนผู้บริหารหลายคนเขาเขียนติดไว้ในห้องแอบคัดลอกเขามา ซึ่งก็ถามหาที่มาไม่มีใครทราบ มาเป็นทอดๆ ขอยกคุณงามความดีให้ผู้ประพันธ์ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับท่านในการบริหารในโอกาสต่อไป
สวัสดีครับ
มาทักทายเช้ววันใหม่คะท่าน มีความสุขกับการทำงานนะคะ
แวะแวะ...มาทักทายสวัสดียามเช้าท่านรองฯ...ผอประจักษ์ที่เคารพ..ผมขอลอกบทความที่ท่านลอกมาเอาไว้ใช้ในสถานศึกษา..ขอให้กำลังใจท่านรองฯ..
เข้ามาเยี่ยมค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์..
มาชม คุณ small man~natadee
อ่านแล้ว เห็น 3 ข้อน่าสนใจใฝ่รู้จริง ๆ นะครับผม
คุณบัวปริ่มน้ำครับ
ถ้าแต่ละคนได้พูด ได้คิด ได้ฟัง
ก็จะพอลดความขัดแย้งได้บ้างครับ
ผมว่าสำคัญที่สุดอยู่ที่การฟังแหละครับ
ขอบคุณมากครับ
คุณสายธารครับ
ความมุ่งมั่นทำเพื่อส่วนรวม ก็ทำให้ลดแรงต้านไปได้บ้างครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ ครูอ้อย
ทุกครั้งก่อนประชุม ผมจะเริ่มที่กระดุมเม็ดแรกก่อนครับว่า พยายามอย่าให้มีอคติ ถ้ามีอคติ อย่าเพิ่ง
ขอบคุณมากครับ
คุณคนพลัดถิ่นครับ
การขัดแย้ง เป็นเรื่องที่ดีครับ ถ้าเราสามารถจัดการกับความขัดแย้งให้ออกมาในทางสร้างสรรค์
จัดการกับความแตกต่าง โดยไม่ให้แตกแยก
สำคัญที่กระดุมเม็ดแรกของเราเองครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ คุณยอดฉัตร
ขอบคุณมากครับ สำหรับกำลังใจ
ท่าน ผอ.ประจักษ์ครับ เสื้อแดงของท่านสวยดีจังครับ
ขอขอบคุณครับสำหรับกำลังใจและข้อคิดดีๆ
ขออนุญาตจัดเก็บและนำไปใช้ครับ
สวัสดีครับ คุณข้ามสีทันดร
ครับ คุยแบบใช้ใจสัมผัสใจ ความขัดแย้งก็ลดลงได้บ้าง
ขอบคุณมากครับ
ขอบคูรคุณยอดฉัตรอีกครั้งครับ
สวัสดีครับ อาจารย์วุฒิศักดิ์
ขอขอบคุณมากครับที่เข้ามาเยี่ยม
ขอบคุณคุณสะตอดองมากครับ
ขอบคุณมากครับคุณหนุ่มกร ที่เข้ามาเยี่ยม
ขอบคุณท่านอาจารย์ UMI มากครับ
สวัสดีครับ กวิน มานำเสนอวิธีการ เกลือกระท้อนจิ้มเกลือ
ขอให้ถึงเพลงของ กระแซะเข้ามาซิ - พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่ร้องว่า
"ลูกกระท้อนหนา ถ้าจะให้หวาน ค่อย ๆ ทุบ รับทานหวานขึ้นมาได้ หากว่าชอบฉันหมั่นมาเอาใจจะไปไหนลูกไก่ในกำมือ"
ตาม ตรรกะนี้ คือ กระท้อน(เปลือกหนา) ยิ่งถูกทุบก็ยิ่งหวาน เสมือนคนที่ถูกโดนถูกทุบถูกซ้อม (ทางกาย ทางวาจา) ก็ย่อมที่จะทำให้เขามีความ หวาน ขึ้นมาได้บ้างกระมัง
คนที่ ปัญญา หนาทึบแน่น ย่อมมี Ego สูง ความ หนาทึบแน่น ของปัญญานั้น ย่อมหนากว่าเปลือกกระท้อน ฉะนั้นการใช้ ไม้คือคำพูดตี แสกหน้า อย่าง พระอาจารย์ รินไซ ทำ (พระอาจารย์รินไซ พระนิกายเซ็นท่านนิยมตีลูกศิษย์ด้วยไม้ ทำให้ผู้ที่ถูกตีรู้แจ้งเห็นจริง) ก็ย่อมที่จะมีคนเกลียด พระอาจารย์ รินไซ ไม่น้อย แต่ก็มีไม้น้อยที่ รู้จริงเห็นแจ้ง
เกลือในที่นี้คือ เกลือแห่งคำพูด เกลือนั้นมีคุณสมบัติที่ช่วยถนอมอาหารจำพวกเนื้อไม่ให้เน่า คำพูดที่เค็มๆ บางที่ก็ช่วย ไม่ให้บางอย่าง เน่าเฟะ ได้นะครับ
เปิดใจ รู้ใจกันไปเลย พี่น้อง เห็นด้วยค่ะ ขอบคุณที่เปิดอกพูด อิอิ
สวัสดีครับkrutoi
เปิดใจ รู้ใจ ด้วยการเปิดอกพูด เป็นเรื่องที่ดีนะครับ แต่คงต้องระวังการนำไปใช้ คงจะใช้ไม่ได้ทุกสถานการณ์
ขอบคุณมากครับ