ผงชูรสผลิตจากแป้งมันสำปะหลังโดยขบวนการทางเคมี ซึ่งมีทั้งกระบวนการหมักและต้องใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟูริค กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริก ยูเรีย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในปัสสาวะของคน นอกจากนี้ยังต้องใช้โซดาไฟอีกด้วย
ผงชูรสไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับกรดกลูตามิค ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ไม่มีความจำเป็น เพราะร่างกายผลิตเองได้ จึงไม่มีคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใดทั้งสิ้น อนึ่ง ผงชูรสเป็นสารเคมีคนละตัวกับกรดกลูตามิคที่มีอยู่ในธรรมชาติและในอาหารประเภทโปรตีน โดยที่ผงชูรสเป็นเกลือโซเดียมเช่นเดียวกับเกลือแกง เป็นคนละตัวกับกรดเกลือที่หลั่งอยู่ในกระเพาะอาหารเวลาหิว
ผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือแม้กระทั่งอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลาย คงจะเคยเกิดอาการชา หรือร้อนวูบวาบที่ปาก ลิ้น หลังรับประทานอาหารมาบ้างแล้ว อาการที่เกิดขึ้นนี้ คืออาการแพ้ ผงชูรส ครับ และเพราะอาการที่เกิดขึ้นเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลาย ๆ คนจึงไม่ใส่ใจเท่าที่ควร แต่ทราบหรือไม่ว่าพิษภัยจากผงชูรสนั้นมีมากมาย และไม่ได้เพียงแต่ทำให้ปากหรือลิ้นชาเท่านั้น ในรายที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง จะรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก และอาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัวได้
นอกจากอาการแพ้อย่างเฉียบพลันตามอาการที่เกิดขึ้นข้างต้นแล้ว ถ้าคุณยังคงรับประทานอาหารที่มีปริมาณผงชูรสผสมอยู่เป็นจำนวนมาก ๆ และบ่อยครั้ง ก็ย่อมเกิดอันตรายต่อสุขภาพของตัวคุณได้ ดังนี้
การปรุงอาหารรับประทานกันเองที่บ้านนอกจากจะช่วยสร้างกิจกรรมภายในครอบครัวแล้ว ยังสามารถควบคุมคุณภาพอาหารได้อีกด้วย แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารนอกบ้านเป็นประจำแล้วล่ะก็ ทางออกที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้คือ การระบุไม่ให้แม่ครัวใส่ผงชูรสลงไปในอาหาร และหลีกเลี่ยงน้ำซุปที่ให้บริการคู่กันมา เพราะเป็นแหล่งรวมผงชูรสที่มากที่สุดแหล่ง
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก
โดย :หนูมะลิ (ทีมงาน TeeNee.Com) โพสเมื่อ [ วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน 2551
ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากกินอาหารนอกบ้าน
เวลาจะกินส้มตำก็บอกเขาว่าไม่ใส่ผงชูรส
ถ้าเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง