“ จิตใจที่แจ่มใส……อยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์ ” การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษากับเด็กนักเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ให้มีประสบการณ์ที่จำเป็นต่อร่างกายและจิตใจ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตให้มีความปกติสุขเหมือนกับคนในสังคมทั่วไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษาหลักการ แนวทาง ในการนำนักเรียนให้รู้จักใช้ชีวิตอย่างมีความสุขภายใต้สังคมในยุคปัจจุบัน จึงได้ดำเนินการ สร้างวิสัยทัศน์ของกลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษาขึ้นมาดังนี้
“ จัดการเรียนรู้โดยใช้สังคมมิติเป็นฐาน ส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการคิด กระบวนการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบ และนำไปพัฒนาชีวิตเพื่อการอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข”
ที่สำคัญยิ่งกว่าวิสัยทัศน์ในการดำเนินงาน นักเรียนต้องผ่านกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อเป็นการฝึกทักษะให้เขาเหล่านั้นมีพื้นฐานในการนำความรู้และประสบการณ์ที่มีหรือที่ได้รับไปพัฒนาตนเองอย่างเป็นระบบ จนสามารถดูแล รักษา ร่างกาย และจิตใจ ของตนเองและสามารถขยายผลความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้โดยมีหลักในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้
1. ทำความรู้จักกับนักเรียน โดยค้นหาลีลาการเรียนรู้ ตามแบบประเมินพฤติกรรมลีลาการเรียนรู้ (Learning Style) เพื่อให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมตามความถนัดของตนเอง หรือตามสภาพของนักเรียน ซึ่งลีลาการเรียนรู้ได้แบ่งบุคลิกภาพของนักเรียนออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพึ่งตนเอง กลุ่มหลบหนี กลุ่มร่วมมือ กลุ่มพึ่งผู้อื่น กลุ่มแข่งขัน และกลุ่มมีส่วนร่วม ซึ่งเมื่อเราทำความรู้จักกับนักเรียนตามลีลาของเขาแล้ว เราสามารถเข้าใจธรรมชาติของนักเรียนแต่ละคน จะทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจในการให้นักเรียนได้ร่วมกิจกรรมของกลุ่ม
2. นักเรียนร่วมกิจกรรมอย่างหลากหลาย ซึ่งในด้านเนื้อหาในหลายๆเรื่องที่เป็นเนื้อหาที่ถูกต้องตามหลักวิชาการก็สามารถให้นักเรียนจดบันทึกไว้เพื่อให้ความรู้นั้นถูกต้อง เนื้อหาบางเรื่องนักเรียนสามารถค้นคว้าด้วยตนเองได้ ก็ให้นักเรียนได้แสวงหาด้วยตนเองโดยครูติดตามกำกับอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการสืบค้นข้อมูลทาง Internet ต้องระมัดระวังอย่างสูง เช่นในเรื่องของเพศศึกษา มีข้อมูลให้สืบค้นค่อนข้างมากและหาได้ง่ายแต่ผลที่เกิดมีทั้งด้านบวกและผลทางด้านลบ ตลอดจนนำผลของความรู้มาจัดทำโครงงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในชั้นเรียนได้
3. จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในเนื้อหาที่นักเรียนต้องรู้และรู้อย่างถูกต้อง โดยจัดทำเป็นเอกสารสนับสนุนและส่งเสริมการอ่าน เอกสารประกอบการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน เพื่อฝึกให้นักเรียนมีทักษะในการคิดอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จัดทำแผ่นพับความรู้เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ปกครองได้อ่าน
4. ครูและนักเรียนร่วมกันผลิตสื่อการเรียนการสอนไว้สำหรับใช้ศึกษาเพิ่มเติม และเรียนรู้ไปพร้อมๆกัน
ข้อสังเกต 1. วิชาสุขศึกษาและพลศึกษาเป็นวิชาที่มีจำนวนชั่วโมงเรียนค่อนข้างน้อยกว่าวิชาอื่นๆ (สัปดาห์หนึ่งเจอนักเรียนเพียง 1 ครั้ง) ถ้าให้งานมากๆหรือมีการบ้าน นักเรียนมักลืมเสมอๆดังนั้นวิธีป้องกันการลืม คือ ดำเนินการจัดทำแฟ้มพัฒนางานให้นักเรียนใช้ตลอดใน 1 ปีการศึกษาและเมื่อเรียนจบเรื่องนั้นๆแล้วให้นักเรียนได้ทำงานหรือสรุปความรู้ของตนเองที่ได้รับลงแฟ้มพัฒนางานในท้ายชั่วโมงเรียน เพื่อป้องกันการลืม และนักเรียนสามารถทบทวนความรู้ของตนเองได้จากแฟ้มสะสมงานได้อีก
2. ตอนพักกลางวันให้นักเรียนได้ออกกำลังกายทุกวัน ซึ่งต้องมีนักเรียนที่ไม่ชอบเล่นกีฬา ก็เปิดโอกาสให้นักเรียนได้เข้ามาช่วยในการเบิกจ่ายอุปกรณ์กีฬา ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมให้นักเรียนได้รักการกีฬาโดยไม่ต้องบังคับให้เล่น แต่ให้เป็นผู้ดูแล
3. ให้ความดูแลใกล้ชิด พูดคุยกับนักเรียนบ่อยๆ สอนด้วยอารมณ์และใบหน้าที่ยิ้มแย้ม (ต้องโหดร้ายบ้างในบางเวลาที่สมควร) เป็นกันเองเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถาม(บางทีชอบถามนอกเรื่องอยู่เสมอๆ) ควรตอบให้เป็นประโยชน์กับนักเรียนมากที่สุดเพราะสิ่งที่เขาถามคือสิ่งที่สงสัยและลองภูมิรู้ของครู โดยเฉพาะเรื่องราวของวัยรุ่นถ้าตอบได้ถูกใจ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะก็จะปรากฏขึ้นในชั้นเรียน
…รอยยิ้ม…
เป็นเพียงการทำงานของกล้ามเนื้อบนใบหน้า
…แต่……รอยยิ้ม…
สามารถทำให้หัวใจของใครต่อใครเบิกบาน
….ดังนั้น…รอยยิ้ม…บอกเราได้ว่า…..
เรากำลังมีความสุขทั้งทางร่างกายและจิตใจ
“ จิตใจที่แจ่มใส……อยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์ ”
โดย ทัศนีย์ ไชยเจริญ
ครูโรงเรียนวัดพวงนิมิต