การแก้ไวรัสคอมพิวเตอร์


แนะนำโปรแกรมแก้ไวรัสคอมพิวเตอร์, วิธีทดสอบโปรแกรมแอนตี้ไวรัสและสาระที่น่าสนใจ

สืบเนื่องจากบันทึก Blog ก่อนหน้าเคยมีอาจารย์ท่านหนึ่ง ถามเรื่องการแก้ไวรัส ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ จริงๆ เรื่องการแก้ไวรัสนั้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมานั้น การแก้ไวรัสคอมพิวเตอร์  บางทีสามารถแก้ได้แบบ 100% และบางทีก็ไม่สามารถแก้ได้ 100%

ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับเครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้แก้ไวรัส (Antivirus) ด้วยว่ามีคุณสมบัติเพียงพอหรือมีการ Update ฐานข้อมูลอยู่อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ เพราะว่าไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นมีการพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ อยู่ตลอด หากเจ้า Antivirus ไม่รู้จักเพราะในฐานข้อมูลยังไม่มี มันก็แก้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ๆ ไม่ได้

การแก้ไวรัสแบบปกติทั่วไปคือการแก้ด้วยการลงโปรแกรม Antivirus ตามแต่ท่านจะนิยมหรือสะดวกใช้ ที่ดังๆ ได้แก่ Mcafee Antivirus, Norton Antivirus, Trend Micro Antivirus, Trend Officescan Antivirus (หน่วยงานองค์กรภาครัฐขนาดใหญ่บางแห่งเขาก็ใช้ตัวนี้), Panda Antivirus, Symantec Antivirus (เจ้านี้รวมกับ Norton แล้ว), Kaspersky Antivirus, Avast Antivirus, Avg Antivirus ฯลฯ

แต่เจ้า Antivirus บางตัวนั้นไม่ใช่ Freeware คือต้องเสียตังค์และก็มีแบบที่เป็น Freeware

ทิปนี้จะแนะนำแต่ตัวที่เป็นฟรีแวร์ที่น่าใช้กัน

Free Antivirus

  • Avira AntiVir ตัวนี้เป็นฟรีแวร์ (สัญลักษณ์ร่มสีแดง) ที่ผู้คนนิยมใช้กัน อาจารย์หลายๆ ท่านที่สอนคอมพิวเตอร์ทางสถาบันสอนคอมฯ เขาใช้ตัวนี้กันครับและร้านเนทบางร้านก็ใช้ตัวนี้


หากท่านต้องการ Scan ไวรัส ผ่านทางระบบออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมอะไร (นอกจากพวก Active x เท่านั้น) ก็ใช้บริการสะแกนออนไลน์ได้จากแหล่งบริการฟรีด้านล่างนี้

Free Online Virus Scanner



สำหรับวิธีการตรวจสอบว่าตัวโปรแกรม Antivirus นั้นทำงานปกติดีไหม? สามารถทดสอบได้โดย

หาอ่านทดสอบได้จากเวบ Test Antivirus ครับ (นายเม้งทำไว้ให้แล้ว)


สำหรับแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับไวรัสชนิดต่างๆ และติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับไวรัสคอมพิวเตอร์

  1. Thaicert Nectec เวบนี้เป็นของ Nectec ประเทศไทยเรานี่เอง ที่ช่างคอมฯ เมืองไทยส่วนใหญ่มักจะติดตามไวรัสใหม่ๆ และวิธีการแก้ไขไวรัสคอมพิวเตอร์จากเวบนี้

  2. Trendmicro  ต้อง Search ชื่อไวรัสกันเอาเองนะครับ


หมายเหตุ 1: การแก้ไวรัสคอมพิวเตอร์อีกวิธีหนึ่งที่ระดับมืออาชีพทำกันก็คือการแก้ทีละขั้น เช่น การไปแก้ที่ regedit, msconfig ฯลฯ

หมายเหตุ 2: การป้องกันไวรัสอีกทางหนึ่งคือไม่ดาวส์โหลดโปรแกรมแปลกๆ ที่ไม่มั่นใจ, ไม่เปิด share network drive หรือ Folder แม้จะทำเป็น Hidden แชร์ไดร์ ก็ัยังมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดไวรัส  ฯลฯ



หมายเลขบันทึก: 223618เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2008 18:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 23:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ด้วยความยินดีครับ ที่เข้ามาเยี่ยมชม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท