นิวรณ์ คือ สิ่งปิดกั้นมิให้เข้าถึงคุณธรรม มี ๕ ประการ กล่าวคือ
-
กามฉันทะ - ความพอใจในกามคุณ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
-
พยาบาท - ความคิดร้าย แค้นเคือง ขึ้งเครียดต่อผู้อื่น
-
ถีนมิทธะ - ความง่วงเหงา หาวนอน เซื่องซึม หดหู่
-
อุทธัจจกุกกุจจะ - ความฟุ้งซ่าน รำคาญ กระวนกระวาย ร้อนอกร้อนใจ
-
วิจิกิจฉา - ความโลเล ลังเล สงสัย
อ่านเจอในพระไตรปิฏกว่าพระพุทธเจ้าทรงมีอุปมาหรือข้อเปรียบเทียบกับนิวรณ์เหล่านี้ไว้ เห็นว่าน่าสนใจจึงนำมาเล่าต่อ โดยคัดมาจาก มหาสีหนาทสูตร (คลิกที่นี้ ) ว่า
- ดูกรกัสสป เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงกู้หนี้ไปประกอบการงาน การงานของเขาจะพึงสำเร็จผล เขาจะพึงใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้น และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเขาจะพึงมีเหลืออยู่สำหรับเลี้ยงภริยา เขาพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรากู้หนี้ไปประกอบการงาน บัดนี้การงานของเราสำเร็จผลแล้ว เราได้ใช้หนี้ที่เป็นต้นทุนเดิมให้หมดสิ้นแล้ว และทรัพย์ที่เป็นกำไรของเรายังมีเหลืออยู่ สำหรับเลี้ยงภริยา ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความโสมนัสมีความไม่มีหนี้นั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
- ดูกรกัสสป เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงเป็นผู้มีอาพาธถึงความลำบาก เจ็บหนัก บริโภคอาหารไม่ได้ และไม่มีกำลังกาย สมัยต่อมา เขาจะพึงหายจากอาพาธนั้น บริโภคอาหารได้และมีกำลังกาย เขาจะพึงคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นผู้มีอาพาธ ถึงความลำบากเจ็บหนักบริโภคอาหารไม่ได้ และไม่มีกำลังกาย บัดนี้ เราหายจากอาพาธนั้นแล้ว บริโภคอาหารได้และมีกำลังกายเป็นปกติ ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความโสมนัส มีความไม่มีโรคนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
- ดูกรกัสสป เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงถูกจำ อยู่ในเรือนจำ สมัยต่อมา เขาพึงพ้นจากเรือนจำนั้นโดยสวัสดีไม่มีภัย ไม่ต้องเสียทรัพย์อะไรๆ เลย เขาจะพึงคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราถูกจำอยู่ในเรือนจำ บัดนี้ เราพ้นจากเรือนจำนั้นโดยสวัสดีไม่มีภัยแล้ว และเราไม่ต้องเสียทรัพย์อะไรๆ เลย ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความโสมนัส มีการพ้นจากเรือนจำนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
- ดูกรกัสสป เปรียบเหมือนบุรุษจะพึงเป็นทาส ไม่ได้พึ่งตัวเอง พึ่งผู้อื่น ไปไหนตามความพอใจไม่ได้ สมัยต่อมา เขาพึงพ้นจากความเป็นทาสนั้น พึ่งตัวเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่นเป็นไทแก่ตัว ไปไหนได้ตามความพอใจ เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเราเป็นทาสพึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องพึ่งผู้อื่น ไปไหนตามความพอใจไม่ได้ บัดนี้ เราพ้นจากความเป็นทาสนั้นแล้ว พึ่งตัวเอง ไม่ต้องพึ่งผู้อื่นเป็นไทแก่ตัว ไปไหนได้ตามความพอใจ ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความโสมนัส มีความเป็นไทแก่ตัวนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
- ดูกรกัสสป เปรียบเหมือนบุรุษมีทรัพย์ มีโภคสมบัติพึงเดินทางไกลกันดาร หาอาหารได้ยาก มีภัยเฉพาะหน้า สมัยต่อมา เขาพึงข้ามพ้นทางกันดารนั้นได้ บรรลุถึงหมู่บ้านอันเกษมปลอดภัยโดยสวัสดี เขาจะพึงมีความคิดเห็นอย่างนี้ว่า เมื่อก่อนเรามีทรัพย์ มีโภคสมบัติ เดินทางไกลกันดาร หาอาหารได้ยาก มีภัยเฉพาะหน้า บัดนี้ เราข้ามพ้นทางกันดารนั้น บรรลุถึงหมู่บ้านอันเกษม ปลอดภัยโดยสวัสดีแล้ว ดังนี้ เขาจะพึงได้ความปราโมทย์ถึงความโสมนัสมีภูมิสถานอันเกษมนั้นเป็นเหตุ ฉันใด.
- ดูกรกัสสป ภิกษุพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการเหล่านี้ที่ยังละไม่ได้ในตน เหมือนหนี้เหมือนโรค เหมือนเรือนจำ เหมือนความเป็นทาส เหมือนทางไกลกันดาร และเธอพิจารณาเห็นนิวรณ์ ๕ ประการที่ละได้แล้วในตน เหมือนความไม่มีหนี้ เหมือนความไม่มีโรค เหมือนการพ้นจากเรือนจำ เหมือนความเป็นไทแก่ตน เหมือนภูมิสถานอันเกษม ฉันนั้นแล.
(นอกจากมหาสีหนาทสูตรนี้แล้ว ข้ออุปมานี้ยังมีปรากฎอยู่ในพระสูตรอื่นๆ อีกด้วย) ซึ่งอาจสรุปข้ออุปมานี้ได้ว่า...
- กามฉันทะ - หนี้
- พยาบาท - โรค
- ถีนมิทธะ - คุก
- อุทธัจจกุกกุจจะ - ทาส
- วิจิกิจฉา - ทางทุรกันดาร
ในการใช้ชีวิตประจำวันนั้น คราใดที่รู้สึกชอบเสื้อผ้าหรือรองเท้าคู่ใหม่ หรือเพลิดเพลินกับเสียงดนตรี เป็นต้น... ลองถามใจตนเองดูว่า เรากำลังใช้หนี้อยู่ในขณะนั้น ใช่หรือไม่ ?
เมื่อกำลังคิดขุ่นเคืองถึงใครบางคน หรือเหตุการณ์บางอย่าง เป็นต้น... ลองถามใจตนเองดูว่า เรากำลังป่วยเพราะมีโรคบางอย่างกำลังกัดกินใจของเรา ใช่หรือไม่ ?
ยามบ่ายหลังจากทานมากเกินไปแล้วรู้สึกง่วง หาวนอน ไม่อยากทำงาน เป็นต้น... ลองถามใจตนเองดูว่าเรากำลังติดคุก ใช่หรือไม่ ?
เมื่อฟุ้งซ่าน หงุดหงิด จับต้นชนปลายไม่ถูก เป็นต้น... ลองถามใจตนเองดูว่า เรากำลังเป็นทาส ใช่หรือไม่ ? (นั่นแหละ ทาสอารมณ์)
และเมื่อลังเล สงสัย ไม่กล้าตัดสินใจ เป็นต้น... ลองถามใจตนเองดูว่า ตอนนี้ เราคล้ายๆ กับกำลังเดินทางไกลที่ทุรกันดาร ยากยิ่งนักที่จะถึงจุดหมาย ใช่หรือไม่ ?
- ถ้าพิจารณาใจตนเองทำนองนี้บ่อยๆ สิ่งปิดกั้นคือนิวรณ์น่าจะมีกำลังอ่อนลงได้บ้าง...