18.ศาสนาพุทธที่มุสลิมพึงเข้าใจ และอิสลามที่พุทธพึงรู้จัก 4


ศาสดาทั้งสองต่างก็ล้มล้างความเชื่อที่งมงายเหมือนกัน

เราอาจจะกล่าวได้ว่าแม้วิธีการอธิบาย สัจธรรม และพิธีกรรม มีความแตกต่างกัน แต่ในส่วนของศีลธรรมหรือจริยธรรมนั้น จะมีลักษณะสอดคล้องกันและใกล้เคียงกันมาก

ศาสนาแห่งการกระทำและการอ้อนวอน

แม้พุทธศาสนาจะได้รับการกล่าวถึงว่า เป็นศาสนาแห่งการกระทำ(กรรมวาทหรือกริยาวาท)และเป็นศาสนา แห่งการเพียรพยายาม(กริยาวาท) ไม่ใช่ศาสนาแห่งการอ้อนวอน แต่ก็มีคำสอนและการประพฤติมากมายเกี่ยวกับการสวดมนต์ แม้การสวดมนต์จะมิใช่เพื่อการอ้อนวอน แต่ความมุ่งหวังของการสวดมนต์ก็เพื่อมุ่งให้คนมุ่งไปสู่การประพฤติและละเว้นความชั่ว การสวดมนต์จึงเป็นแต่เพียงนำคนไปสู่ไปสู่ความดีเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน แม้ศาสนาอิสลามจะมีคำสอนแห่งการสวดอ้อนวอนและการสรรเสริญพระเจ้า ถึงแม้ว่าการสวดอ้อนวอนดังกล่าวจะมีคุณค่าในแง่ของความดีอยู่ แต่จุดมุ่งหมายหลัก ของการสวดอ้อนวอน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำในแนวของการละหมาดหรือการดุอาอฺ(การขอพร)นั้น ก็เพื่อโน้มน้าวคนห่างไกลจากความชั่วและหันมาประพฤติแต่ความดี(อัล-กุรอ่าน 29 : 45 ) และในความเป็นจริงแล้ว ศาสนาอิสลาม อาจจะถือว่าเป็นศาสนาแห่งกรรมวาทและกริยาวาท โดยแท้ เพราะคำสอนของศาสนาอิสลามเน้นไปสู่การปฏิบัติ และเป็นการปฏิบัติที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และหากผู้ใดละเลย หรือละเว้น ศาสนาก็จะมีคำอธิบายในพฤติกรรมดังกล่าวในเชิงตำหนิ หรือถือว่าเป็นบาป

ทั้งสองศาสนามีชีวทัศน์ต่อการดำเนินชีวิตในโลกนี้ใกล้เคียงกัน อิสลามมองว่าชีวิตในโลกนี้ เป็นชีวิตที่ไม่ยั่งยืน เป็นโลกที่มนุษย์มาอยู่เพียงชั่วคราว แต่ชีวิตในโลกหน้ายั่งยืน ชีวิตในโลกนี้เป็นชีวิตกับการเพาะปลูก ส่วนชีวิตในโลกหน้าเป็นชีวิตแห่งการเก็บเกี่ยว(อัล-กุรอ่าน 18: 46,104, 40 : 39)

ส่วนพุทธศาสนานั้น แม้จะมีคำสอนเรื่องการเวียนวายตายเกิด ว่าทุกคนเป็นไปตามกฎแห่งกรรม และมีเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ไตปิฏกมากมายที่กล่าวถึงชีวิตของคนที่ต้องเกิดและตาย แต่โดยหลักการแล้วพุทธศาสนามีความเห็นว่า หากคนเรามีความห่วงใยในชีวิตหลังจากโลกนี้ ก็ควรจะทำชีวิตให้ดีงามจนมั่นใจตนเองว่าจะต้องไปโดยไม่ต้องกังวลและหวาดหวั่นต่อโลกหน้า (ส.ม.19/1572/487) ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ จึงจะเห็นได้ว่าทั้งสองศาสนาแม้จะเน้นหรือไม่เน้นชีวิตในโลกหน้าก็ตาม แต่ทั้งสองศาสนาก็เน้นให้ปฏิบัติดีที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เหมือนกัน ความดีของศาสนาจึงอยู่ในโลกนี้เหมือนกัน ความดีของศาสนาจึงอยู่ที่ว่า ความสามารถในการโน้มน้าวให้ศาสนิกของตนยึดมั่นอยู่ในการกระทำความดีในขณะที่อยู่ในโลกนี้มากน้อยแค่ไหนมากกว่า การมองศาสนาหนึ่งว่าเป็นศาสนาแห่งการสวดอ้อนวอนไม่ใช่ศาสนาแห่งปัญญานั้นมิน่าจะนำมาเป็นประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญน่าจะอยู่ที่ว่า การสวดอ้อนวอนนั้น สามารถโน้มน้าวผู้เชื่อนั้นห่างไกลจากการกระทำความชั่วและหันมาประพฤติในความดีมากกว่า หากเรานำเอาจริยวัตรของศาสดาทั้งสองมาพิจารณา เราจะเห็นว่า ศาสดาทั้งสองมีจริยวัตรที่คล้ายคลึงกันอยู่ เช่น การพยายามล้มล้างความเชื่อถืองมงายต่างๆ แม้พระพุทธเจ้า จะเน้นถึงความไร้ผลของพิธีกรรมเหล่านั้น โดยเฉพาะพิธีบูชายัญต่างๆและมิได้มุ่งหวังจากปัจจัยภายนอก ท่านศาสดามุฮัมมัดเองก็ชี้ให้ชาวอาหรับเห็นถึงความงมงายในการบูชารูปเคารพต่างๆในคาบสมุทรอารเบีย.......(ติดตามตอน 5 ต่อไป) ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์

ภาพการประชุมศาสนาโลกครั้งแรกจัดที่ประเทศไทย

หมายเลขบันทึก: 226250เขียนเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2008 20:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

สวัสดีค่ะ

  • พี่สาวมาแล้วค่ะ..
  • มาอ่าน..เรื่องที่ไม่เคยทราบมาก่อนเลยนะคะ
  • อ่านหลายเที่ยวค่ะ

ทั้งสองศาสนามีชีวทัศน์ต่อการดำเนินชีวิตในโลกนี้ใกล้เคียงกัน อิสลามมองว่าชีวิตในโลกนี้ เป็นชีวิตที่ไม่ยั่งยืน เป็นโลกที่มนุษย์มาอยู่เพียงชั่วคราว แต่ชีวิตในโลกหน้ายั่งยืน ชีวิตในโลกนี้เป็นชีวิตกับการเพาะปลูก ส่วนชีวิตในโลกหน้าเป็นชีวิตแห่งการเก็บเกี่ยว

ดีใจ พี่ครูคิมช่วยตอบแทนแล้ว

คิดเหมือนกันเดี๋ยะ

เลยสบาย เข้ามานั่งยิ้ม ๆ เฉย ๆ  (^__^)

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่มีประโยชน์เช่นนี้นะคะ

สวัสดีเจ้าค่ะ น้าเบดูอิน

วันนี้สบายดีไหมค่ะ หลานแวะมาเยี่ยม หนูวาดรูปเสร็จแล้วแวะไปดูหน่อยนะค่ะว่าหนูจะโดนเด้งมาอีกหรือเปล่า อิอิ รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ คิดถึง+ห่วงใย อิอิ..หนูจิ

เจริญพร โยมเบดูอิน

แม้จะมีความรู้มากสักเพียงใดก็ตาม

ถ้าหากไม่มีความศรัทธาในศาสนาเป็นหลักแล้ว

ก็จะพบกับความหลงผิดในที่สุด

 

เจริญพร

สวัสดีครับพี่สาว มาเร็วจัง ขอให้สุขภาพแข็งแรงและโชคดี

สวัสดีครับพี่ปู (ขอเป็นน้องชายได้ไหมครับ)ขอบคุณครับขอให้พี่ปูโชคดีครับ

สวัสดีหลานจิ เดียวจะไปดู ขอบคุณมากที่เป็นห่วง แหม้..พวกเราน่ารักจัง

เรียนท่านพระปลัด ความเห็นถูกที่สุดท่าน ความจริงผมอยากสนทนาธรรมกับท่านมาก

ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ

ขอบคุณที่ให้เกียรตินี้นะคะ น้องเบดูอิน

(^_____^)

 

 

ขอบคุณที่ให้ความรู้ดีๆ จะคอยติดตามนะคะ

-พี่ปูผมตามไปรับเกียรติจากพี่แล้วครับ

-สวัสดีครับคุณจำปา แหม้..กลิ่นหอมมาทีเดียว ขอบคุณมาก

ได้อ่านเรื่องที่มีประโยชน์กับทั้งสองศาสนา

สวัสดีค่ะ ตั้งใจเข้าอ่านทุกตอนแต่ไม่เคยแสดงความเห็น

น้าจ๋าจ๋า ไม่มีอะไรค่ะ แวะมาด้วยความคิดถึงเด้อจ้า รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ...หนูจิ

☺สวัสดีค่ะ

☺แวะมาเยี่ยมและแวะมาอ่านค่ะ

☺ขอให้มีความสุขค่ะ

-สวัสดีคุณวิษณุและคุณประคอง ขอบคุณมาก ขออภัยอินเตอร์เน็ท ผมมีปัญหาเลยเข้ามาช้า

-หนูจิจ๋าจะ (ขอเป็นเด็กสักวัน) แวะมาเยี่ยมน้าก็ดีใจมากอากาศหนาวรักษาสุขภาพด้วย

สวัสดีหนูรี ดีใจมากที่แวะมาเยี่ยม ผมแวะไปอ่านบันทึกของหนูแล้ว ขอให้มีความสุขเช่นกัน

  • ตามมาดู
  • เชื่อว่าศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี
  • สบายดีไหมครับ
  • อากาศทางอีสานเป็นอย่างไรบ้างครับ

สวัสดีเจ้าค่ะ น้าเบดูอิน

หนูแวะมาบอกน้าว่า สุพรรณหนาวอ่ะ แงๆๆๆ อิอิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ...หนูจิ

สวัสดีท่านขจิต ผมอยู่กรุงเทพฯครับอากาศร้อนมาก(ฮ้าๆ)ขอบคุณมากๆครับ

อ้าว..หลานจิไปทำอะไรที่สุพรรณ ว่างๆก็เอาบทกลอนมาฝากบ้างเน้อ

น้าจ๋าน้าหลานนี้มีถิ่นฐาน

อยู่ตำบลศรีสำราญแสนหรรษา

สองพี่น้องคืออำเภอที่โตมา

ส่วนสุพรรณนี้หนาภูมิลำเนา

หลานนี้เกิดจังหวัดกาญจนบุรี

เสียงหลานนี้เลยเหน่อเหล่อไม่เหมือนเขา

เรียนบางลี่วิทยาโรงเรียนเก่า

แล้วเอนท์เข้าศิลปากรอักษรศาสตร์

ปล. คิดถึงๆๆๆๆ อิอิ...หนูจิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท