ทุกวันนี้อาจกล่าวได้ว่าวิทยาการด้านต่าง ๆ รวมทั้งด้านการแพทย์ล้วนเจริญก้าวหน้าอย่างยิ่งยวด ไม่น่าเชื่อว่าหลายสิ่งหลายอย่างเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ การผ่าตัดสมอง การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ การคิดค้นวัคซินและยาใหม่นานาชนิดเพื่อพิชิตโรคร้าย การตรวจร่างกายด้วยเครื่องมือที่เห็นอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกายแบบ 3 มิติ ทำให้มองเห็นการทำงานและการผิดปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเสมือนมีตาทิพย์ แม้แต่การสร้างมนุษย์ขึ้นมาใหม่โดยการ “โคลนนิ่ง” หรือสร้างอะไหล่มนุษย์โดย “สเต็มเซลล์” ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้แล้วในโลกยุคนี้ ต่อไปมนุษย์เราคงมีอายุยืนยาวเกินร้อยปีกันแทบทุกคน ต่อไปมนุษย์เราคงไม่เจ็บป่วยล้มตายด้วยโรคร้ายอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ ?
ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ อุบัติการณ์ของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บโดยรวมของมนุษยชาติไม่ได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างไร โดยรวมแล้วมนุษย์ยังคงเจ็บป่วยล้มตายจากโรคร้ายต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และนับวันมีแต่จะรุนแรงและแพร่กระจายไปมากยิ่งขึ้น โรคเก่า ๆ มักย้อนกลับมาใหม่ร้ายกว่าเดิม โรคใหม่ ๆ พัฒนาขึ้นตลอดเวลา ทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อโรคและที่ไม่ใช่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น !!!
มีผู้รู้หลายท่านเคยกล่าวไว้ “คนเรายิ่งเรียนมาก ยิ่งคิดแคบ ยิ่งคิดว่าตนเองเก่ง ยิ่งไม่พัฒนา” ศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพของมนุษย์มิใช่เพิ่งมีขึ้นพร้อมเข็มฉีดยาของแพทย์ปัจจุบัน ความจริงแล้วองค์ความรู้ของการดูแลสุขภาพ ทั้งในเชิงป้องกันและรักษาชีวิตมนุษย์ให้รอดพ้นจากความเจ็บป่วยมีมาหลายพันปีตั้งแต่มนุษย์อุบัติขึ้นบนโลก มิเช่นนั้นแล้วมนุษย์คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ นั้นล้วนมีมาก่อนมนุษย์ทั้งสิ้น แต่สาเหตุของการไล่ล่าหาวิธีรักษาการเจ็บป่วยไม่มีทางสิ้นสุด เพราะคนเราละเลยองค์ความรู้ดั้งเดิม เมื่อรู้สิ่งใหม่ก็ดูแคลนความรู้เก่า ละเลยละทิ้งภูมิปัญญาที่ได้สั่งสมมานับแต่บรรพบุรุษ การบูรณาการองค์ความรู้เก่า-ใหม่ ตะวันออก-ตะวันตก จึงไม่เกิดขึ้นในยุคก่อน ๆ จนกระทั้งเมื่อไม่นานมานี้ การรู้สึกตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาโบราณ เห็นความสำคัญของภูมิปัญญาแพทย์ทางเลือกได้รับการยอมรับมากขึ้น หลายเรื่องกลายเป็นทางออกให้กับการดูแลสุขภาพที่ได้ผลดีเยี่ยม ไร้ผลเสียข้างเคียง และหลายกรณีการดูแลสุขภาพแบบผสมผสานระหว่างแนวทางหลักโดยการแพทย์แผนปัจจุบัน กับแพทย์ทางเลือกกลายเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการรักษาคนไข้ มิใช่เพียงแค่การรักษาโรคโดยที่คนไข้อาจไม่อยู่ในสภาพของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกต่อไป ที่เรียกว่าโรคหายแต่คนไข้อาจรอดได้อีกไม่นาน ที่เรามักพบเห็นกันมากในปัจจุบัน
ในการแสวงหาความรู้ความเข้าใจเพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีนั้น เราควรให้ความสนใจเกี่ยวกับพัฒนาการของโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากยุคก่อน ๆ เชื้อโรคมีการพัฒนาตนเองเพื่อต่อสู้กับยาต่าง ๆ ที่มนุษย์ใช้ในการทำลายล้างเชื้อโรค เราเรียกว่า “เชื้อดื้อยา” แต่เชื้อโรคอาจเรียกเรื่องนี้ว่า “มนุษย์โง่” เพราะเราอาจไม่เข้าใจธรรมชาติว่า ไม่มีทางที่เราจะพัฒนายาเพื่อเอาชนะเชื้อโรคได้ตลอดไป ทุกวันนี้คนกับเชื้อโรคกำลังแข่งขันกันว่า ระหว่างการพัฒนาตนเองของเชื้อโรคเพื่อต่อต้านยา และการพัฒนายาใหม่เพื่อใช้กับเชื้อโรคดื้อยาสูตรเดิม ใครจะใช้ระยะเวลาน้อยกว่ากัน ทุกวันนี้ฝีมืออาจสูสีกันอยู่ แต่ถ้าในไม่อีกกี่ปีข้างหน้า ถ้าเกิดเชื้อโรคสามารถพัฒนาตนเองให้ดื้อยาทุกชนิดที่มีอยู่ โดยที่มนุษย์ไม่สามารถพัฒนายาใหม่ได้ทัน วันนั้นจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่มียาที่จะทำลายเชื้อโรคในช่วงเวลานั้นได้
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลความจริง ทุกวันนี้ลำพังเชื้อไวรัสเรายังไม่มียาที่ทำลายเชื้อได้โดยตรง หากเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ฯลฯ ที่เป็นสาเหตุของโรคร้ายต่าง ๆ อยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ในปีนี้ปีหน้าเราจะทำอย่างไร นี้ยังไม่รวมถึงโรคร้ายอีกหลายชนิดที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากเชื้อโรค แต่เป็นความผิดปกติที่เกิดจากร่างกายของมนุษย์เอง เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ และการใช้ชีวิตที่ผิดสุขลักษณะ ทั้งโรคจากภายในและโรคจากภายนอก คงพัฒนาก้าวหน้าไปกว่าความรู้ของมนุษย์ ฤๅว่ามนุษย์ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
คงไม่ใช่เช่นนั้น มนุษย์มีสิ่งที่มหัศจรรย์และมีศักยภาพในการต่อกรกับโรคร้ายต่าง ๆ ทั้งที่เกิดจากเชื้อโรคและโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคได้อย่างสบาย นั้นก็คือ “ร่างกายของเรา” ซึ่งมีกลไกที่แสนฉลาด รู้จักวิธีต่อกรกับสิ่งอันตรายต่าง ๆ และรู้วิธีเยียวยารักษาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ขอเพียงรู้จักดูแลส่งเสริมสุขภาพและใช้ร่างกายให้เป็น อย่าไปลดทอนศักยภาพของร่างกายตนเองก็เพียงพอแล้ว ยุคนี้จึงเป็นยุคของการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยเน้นศึกษาและสร้างความเข้าใจกับร่างกายมนุษย์ เพื่อกำหนดแนวทางพฤติกรรมเพื่อสุขภาพ และการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมถึงการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับเชื้อโรคต่าง ๆ ด้วย ก่อนทำอะไรโง่ ๆ ควรตั้งใจฟังร่างกายตนเองให้ดีเสียก่อน.
ยาทำให้คนอ่อนแอจริง ๆ
นั่นนะซิ ทำไมคนเดี๋ยวนี้ตายง่ายจัง ติดเชื้อนิดหน่อยก็อาการหนักแล้ว
แน่นอนที่สุด ยาไม่มีทางสู้กับโรคได้ ร่างกายที่แข็งแรง คือ สิ่งที่ต่อสู้กับโรคทุกชนิดได้ดีที่สุด
มิน่า คุณพ่อจึงไม่ค่อยให้หนูกินยา ให้หนูออกกำลังกายแทน
ขอบคุณ คุณคนเบื่อยา คุณน้องอ้วน คุณมนุษย์ตึก และคุณน้องลูกหว้า555 ที่เข้ามาแวะเวียนแลกเปลี่ยนความเห็น กรณีน้องลูกหว้า555 คุณพ่อต้องเป็นคนที่มีความรู้จริงและใจแข็งจริง ๆ ถึงจะกล้าคิดกล้าทำอย่างนั้นได้
มนุษย์ผิดตั้งแต่อยากมีชีวิตอมตะแล้ว..คิดค้นยาเพื่อตัวเองจะอยู่ตลอดไป..ไม่ได้คิดค้นเพื่อตัวเองจะให้อะไรกับธรรมชาติ..เฮ้อ..ธรรมชาติก็เอาคืนอะสิ..แพทย์ทางเลือก ทางร่วม ทางรอด..จะทางไหน..อยากจะบอกว่าล้วนแล้วต้อง..คำนึงถึงผู้ป่วยเป็นสำคัญว่าร่วมแล้ว เลือกแล้ว ผสมแล้วหรือ ตะวันออกหรือตะวันตก ต้องให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเสมอ มิใช่ยึดหลักใดหลักหนึ่งที่คิดว่าเจ๋งกว่าหรือมีหลักการน่าเชื่อถือกว่า...คุณบดินทร์ว่าอย่างไรคะ
ขอบคุณ คุณRose ที่เข้ามาเยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มนุษย์แสวงหายาหรือวิธีการที่จะเป็นอมตะ แต่สิ่งที่ใส่เข้าสู่ร่างกายส่วนใหญ่จะทำให้ชีวิตสั้นลงเสียเป็นส่วนใหญ่ แท้ที่จริงแล้ว มนุษย์มีความเป็นอมตะในตนเองทุกผู้ทุกนาม สิ่งนั้นคือ "จิต" ซึ่งไม่เคยดับสูญจากโลกนี้ ที่ดับสูญไปคือกายหยาบซึ่งเป็นองค์ประกอบของธาตุทั้ง 4 ซึ่งประกอบมาเป็นร่างกายมนุษย์เพียงชั่วคราว มาจากพื้นดินก็กลับคืนสู่พื้นดินเป็นวัฎจักร ระหว่างที่จิตกับกายอยู่ร่วมกันเป็นผู้เป็นคนทำมาหากินได้ สิ่งที่ต้องทำในแง่ของสุขภาพก็คือ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี นอนก็หลับ ตื่นก็สดชื่น ทำงานก็มีความสุข มีคนที่รักเราและคนที่เรารัก มีทุกข์มีสุขเป็นเรื่องธรรมดา แต่ชีวิตต้องมีคุณค่าเสมอ ทำชีวิตให้มีคุณค่าทั้งกับตนเองและผู้อื่น นั่นคือความดีที่จะทำให้ "จิต" มีพลังขับเคลื่อนต่อไป "กายดับ" "จิต" ก็ไปเกิดใหม่ใน "กายใหม่" ที่จะสร้างคุณค่าได้ต่อ ๆ ไป นั่นคือชีวิตที่อมตะแท้จริง... คุณค่าหรือบุญ คือสิ่งเดียวที่จะสร้างความเป็นอมตะให้กับมนุษย์ได้อย่างแท้จริง หาใช่สิ่งอื่นใดไม่.
ตอบได้สุดยอดมาก..คุณบดินทร์.
คนเรา ไม่มีใครอยากป่วย แต่บางที ก็เลือกไม่ได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างมาเกี่ยวข้องค่ะ