- สวัสดีน้องสาวอารมณ์ดี..ปิดปีใหม่หลายวันยิ่งเบิกบานใหญ่นะ...
- เที่ยวให้สนุก..ระวังสุขภาพด้วยนะ...
ในงานที่ทำอยู่...น้อยครั้งนักที่จะเจอ..หมูวิ่งมาชนบังตอ...แต่มักจะ..เจอตอ....เสียเป็นส่วนใหญ่....วันนี้ก็เลยขอพูดเรื่องตอ..แต่เป็นตอซังข้าว...นั่นเอง..(เล่นง่าย ๆ แบบนี้ละนะ..)
ในแต่ละปีมีวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมากกว่า 29 ล้านตัน แยกเป็นตอซังและฟางข้าว 26.9 ล้านตัน ตอซังข้าวโพด 7.8 ล้านตัน ตอซังและเศษใบอ้อย 2 ล้านตัน และวัสดุพืชไร่ชนิดอื่น (ตระกูลถั่ว และข้าวฟ่าง) 2.4 ล้านตันต่อปี ถ้าคำนวณเป็นปริมาณปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม จะได้มากถึง 2.8, 0.7 และ 5.9 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 1,930.2, 741.4 และ 4,731.4 ล้านบาท ตามลำดับ รวมเป็นมูลค่า ของปุ๋ยทั้งสิ้น 7,043 ล้านบาท นับเป็นเรื่องหมู ๆ ของชาวนาที่มีปุ๋ยอยู่ในมือแล้ว เพียงแค่ไถกลบตอซังเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุกลับลงไปในดิน เพื่อแก้ปัญหาอินทรียวัตถุในดินค่อนข้างต่ำมาก (พื้นที่ส่วนใหญ่ 191 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่การเกษตร มีอินทรียวัตถุเพียง 1 เปอร์เซ็นต์...ในขณะที่ดินดี ต้องมีอินทรียวัตถุ 5 เปอร์เซ็นต์)
นา 1 ไร่ มีฟางข้าว 320 – 1,600 กิโลกรัม/ 1 ฤดูปลูก ขึ้นอยู่กับดิน น้ำ ปุ๋ย ฤดูปลูก อุณหภูมิ และพันธุ์ โดยฟางข้าว 1 ตัน จะมีไนโตรเจน 6 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส และกำมะถัน 1.4 กิโลกรัม โพแทสเชี่ยม 17 กิโลกรัม แคลเซียม 4 กิโลกรัม แมกนีเซียม 1 กิโลกรัม และซิคอน 50 กิโลกรัม
เรื่องหมู ๆ.....แค่ไถกลบตอซัง….
การไถกลบตอซังและฟางข้าวลงไปในนา เป็นการเติมอินทรียวัตถุที่มีประโยชน์กลับลงไปในดิน โดยจำแนกประโยชน์ของการไถกลบตอซังได้ ดังนี้
1. เพิ่มไนโตเจน ฟาง 1 ตัน มีไนโตเจน 6 กิโลกรัม จึงสามารถใช้ฟางข้าวทดแทนปุ๋ยไนโตรเจนได้บางส่วน
2. เพิ่มธาตุอาหารอื่น ๆ จะแสดงผลชัดเจนในปีที่สองของฤดูกาลทำนา โดยจะทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
3. ฟื้นฟูโครงสร้างดิน ปริมาณเนื้อดิน อินทรียวัตถุ น้ำ อากาศ ปรับค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินทำให้อยู่ในระดับที่เป็นกลางเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดความเป็นพิษจากเหล็ก แมงกานีส และความเค็มในดินได้
4. พลิกให้รากวัชพืชกลับขึ้นมาตากแดดแห้งตาย
5. พืชเจริญเติบโตหาอาหารได้ง่าย แตกกอดี ผลผลิตดี
6. พลิกให้ไข่แมลง เชื้อโรค ถูกทำลายด้วยแสงแดด
7. เพิ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน (ใช้สารอินทรีย์คาร์บอนเป็นแหล่งพลังงานมากขึ้น) เชื้อโรคบางชนิดในดินลดลง ได้แก่ Rhizoctonia solani , Macrophomena phaseolian, Sclerotium rlofsil, และ Aspergillusflavus ซึ่งลดประมาณ 14 เปอร์เซ็นต์
แต่บอกแล้วว่าหมูไม่วิ่งมาชนบังตอ....การไถกลบตอซังมักจะเจอตอ...ไปต่อไม่ค่อยได้.. เนื่องจาก
* ฟางข้าวเป็นอุปสรรคต่อการไถพรวน (ถ้าไถทันทีหลังเกี่ยวข้าวเสร็จ ตอซังข้าวยังกรอบไม่เหนียวจะไถง่าย หรือปล่อยทิ้งไว้ในนาจนฝนตกมา ใช้สารเร่ง พด 2 ช่วยเร่งการย่อยสลายก่อนไถ)
* ชาวนาเชื่อว่าหากไถกลบฟางข้าว จะทำให้ข้าวเมาฟางข้าวไม่งาม (ช่วงแรกของกระบวนการย่อยสลาย จุลินทรีย์จะดึงไนโตรเจนในดินไปใช้ในการย่อยฟาง และการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ฟางจะปลดปล่อย กรดอินทรีย์ ก๊าซต่าง ๆ และความร้อน แต่เมื่อการย่อยสลายเสร็จสิ้นแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่การเจริญเติบโตของพืชอย่างดี จึงควรทิ้งไว้ 20 วัน เพื่อให้วัสดุ ตอซังย่อยสลายเสียก่อน หรือหว่านปุ๋ยยูเรีย 16 กิโลกรัม/ไร่ ใส่ในช่วงไถกลบตอซังและฟางข้าว จะช่วยแก้ปัญหาข้าวเมาซังได้)
เพื่อแก้ปัญหาสองข้อดังกล่าว....เกษตรกรจึงนำฟางข้าวออกจำหน่ายให้ผู้เลี้ยงวัว หรือแย่ไปกว่านั้น คือ การ เผาทิ้ง ซึ่งนับเป็นการสูญเสียอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารในดินจำนวนมาก ....โดยไม่ค่อยคำนึงถึง ....
“ข้อเสียของการเผาตอซังและฟางข้าว”
1. ทำให้สูญเสียน้ำในดิน เนื่องจากการระเหย
2. ทำให้ดินจับตัวกันแน่นและแข็ง การชอนไชของรากพืชในดินเป็นไปได้ยาก
3. ทำให้สูญเสียธาตุอาหารที่อยู่ในฟางข้าว (เผาฟาง 5 ตันจะสูญเสียไนโตรเจน 30 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส 7 กิโลกรัม กำมะถัน 7 กิโลกรัม โพแทสซียม 85 กิโลกรัม )
4. ทำให้จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินถูกทำลาย
5. ทำให้โลกร้อนขึ้น การเผาทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect)
6. บดบังทัศนวิสัยการมองเห็นของผู้ขับขี่ยานพาหนะบนท้องถนน อาจลุกลามไหม้อาคารสิ่งก่อสร้าง บ้านพักอาศัย
และเพื่อความสบายใจ....จึงหาเหตุผลมาอ้าง..ว่าการเผาตอซังและฟางข้าวมีข้อดี คือ
1. ทำลายเชื้อโรคและแมลงที่อยู่ตามตอซัง
2. ยังนึกไม่ออก..แต่ใคร ๆ เขาก็เผากัน....หรือ..ไม่ได้เผา..ไฟมันลามมาเอง..อ้าว...เฮ้อ....
...ถ้าไม่ให้เผาตอซังทั้งทุ่ง..แล้วฟางข้าวจากการปั่นนวดข้าวกองใหญ่ ๆ จะให้ทำอย่างไร...เผาได้ไหม...????
จริง ๆ แล้วคำถามนี้ไม่น่าเกิดขึ้น...(แต่เป็นคำถามที่ได้รับฟังจากเกษตรกรจริง ๆ ....) เพราะความต้องการฟางข้าวเพื่อเป็นอาหารสัตว์มีจำนวนมาก (ฟางให้โปรตีนประมาณ 3 - 5 เปอร์เซ็นต์ เยื่อใย 25 - 35 เปอร์เซ็นต์ แม้เป็นอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพต่ำและย่อยได้ต่ำ ถ้าหากนำไปเติมปุ๋ยยูเรีย และหมักประมาณ 21 วัน จะเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารให้สูงขึ้น โดยเฉพาะโปรตีน เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์)
นอกจากนั้นฟางข้าวยังนำไปรองคอกสัตว์ เพื่อให้สัตว์ถ่ายมูลลงบนฟางกลายเป็นปุ๋ยคอก หรือ นำไปทำปุ๋ยหมัก ใช้คลุมดินในการปลูกพืช ใช้เป็นวัสดุสำหรับเพาะเห็ดฟาง หรือแม้แต่ใช้ในการก่อสร้าง โดยนำฟางข้าวมาผลิตแผ่นฟางซีเมนต์หรือให้ทำวัสดุมุงหลังคา
หากเผาตอซังและฟางข้าวทิ้งไปเหลือเป็นขี้เถ้านั้นไนโตรเจนจะถูกทำลายไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ฟอสฟอรัส 20 เปอร์เซ็นต์ และโพแทสเซียม 23 เปอร์เซ็นต์ ตอซังและฟางข้าวมีเป็นจำนวนมากคิดคร่าวๆจากสัดส่วนของการผลิตข้าวเปลือก 1 ส่วนจะเกิดตอซังและฟางข้าว 1.5 ส่วน ปัจจุบันประเทศไทยผลิตข้าวได้มากกว่า 20 ล้านตันข้าวเปลือก/ปี ดังนั้นจะมีตอซังและฟางข้าวกว่า 30 ล้านตัน/ปี คิดเป็นปริมาณไนโตรเจนเพียงตัวเดียวเป็นปุ๋ยยูเรียประมาณ 42,000 ตัน/ปี
แล้วทำไมเผาตอซังและฟางข้าวทิ้งกันอีก
ใครเผาตอซังและฟางข้าวทิ้งบ้าง
นาน้ำฝน มีเพียงส่วนน้อยที่เผาทิ้ง การไถกลบตอซังและฟางข้าวทำได้ไม่ยากเนื่องจากฟางสั้นและมีไม่มาก ปัญหาข้าวเมาฟางก็ไม่เกิดเนื่องจากมีปริมาณตอซังและฟางข้าวน้อยกว่า แต่ปัญหามักเกิดการเผาเพื่อล่าสัตว์ การจัดการคือช่วยรณรงค์ไม่ให้เกิดการเผาโดยไม่ตั่งใจ
นาน้ำลึก เผาทิ้งเกือบทั้งหมด เนื่องจากระดับน้ำลึก 50-200 เซนติเมตร ต้นข้าวในระยะเก็บเกี่ยวอาจยาวถึง 300 เซนติเมตร หลังเก็บเกี่ยวด้วยแรงงานคนตอซังที่เหลือมีมากคลุมหน้าดินไว้ทั้งหมด ตอซังที่ยาวมากกว่า 150 เซนติเมตร หรือฟางข้าวที่พ่นออกจากเครื่องเกี่ยวนวดก็มีปริมาณมาก 1.5-2 ตัน/ไร่ การไถพรวนดินด้วยชุดไถผาล 7 จึงทำไม่ได้เลย ชุดไถผาล 3 พลิกดินกลบตอซังได้ประมาณ 50 % เท่านั้น หลังไถกลบตอซังแล้วไถพรวนด้วยชุดไถผาล 7 อีกครั้งหนึ่งก็ยังมีตอซังและฟางข้าวอยู่บนผิวดินจำนวนมาก เป็นอุปสรรคต่อการงอกและเจริญเติบโตของข้าว (แก้ไขโดยใช้ชุดสับใบและกลบเศษซังอ้อย มาไถกลบตอซังข้าวในพื้นที่นาน้ำลึกได้ดี โดยกลบตอซังได้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ หรืออีกวิธีคือการปล่อยฟางทิ้งไว้ในนา ไม่ต้องเผา และไม่ต้องไถ ให้หว่านข้าวลงไปเลย พบว่าผลผลิตไม่แตกต่าง แต่ลดค่าใช้จ่ายในการเตรียมดินลงได้)
นาชลประทาน เผาทิ้งเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการทำนาต่อเนื่อง การไถกลบอาจทำได้ด้วยชุดผาลไถทั่วไปหรือใช้จอบหมุนแบบต่างๆ แต่ก็จะเกิดปัญหาข้าวเมาฟางในช่วงแรก ทั้งๆที่หลังจากพ้นระยะนี้ไปแล้วตอซังและฟางข้าวจะเริ่มสลายตัวให้อินทรียวัตถุและธาตุอาหารแก่ดินและข้าว (แก้โดยการทำนาแบบหว่านสวนตอ หรือการทำนาแบบล้มตอซัง หรือการใช้สาร พด. 2 ช่วยเร่งการย่อยสลายตอซังได้ภายใน 2 สัปดาห์)
เอกสารอ้างอิง คณาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2530. ปฐพีวิทยาเบื้องต้น. 673 หน้า. เจริญ ท้วมขำ. 2544. การปลูกข้าวล้มตอซังแบบประยุกต์. เอกสารประกอบการบรรยายการฝึกอบรมหลักสูตรเรื่อง วิชาเครื่องจักรกลเกษตรก่อนเก็บเกี่ยว. 33 หน้า. สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จ.ชัยนาท. ประเสริฐ สองเมือง. 2543. การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าว. 84 หน้า. กรมวิชาการเกษตร. สาคร ผ่องพันธ์ อาร์วิน อาร์ โมซิเออร์ เจนวิทย์ สุขทองสา. 2547. ผลของการใส่ฟางข้าวและขี้เถ้าที่มีต่อประสิทธิภาพของปุ๋ยยูเรียที่หว่นในนาข้าว. วารสารวิชาการเกษตร. ปีที่ 22 ฉบับที่ 1.หน้า 9-23. ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก. 2545. 40 ปี ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก. 114 หน้า. โรงพิมพ์ตระกูลไทย พิษณุโลก. Ponnamperuma F.N. 1984. Straw as a source of nutrients for wetland rice. Organic Matter and Rice. International Rice Research Institute. Los Banos Philippines page 117-136. |
สวัสดิ์ สมวรรณ นักวิชาการเกษตร 6 ว สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย เอกสารประกอบการให้ความรู้แก่เกษตรกร "โครงการรณรงค์ไม่เผาฟางและตอซังข้าว" ในพื้นที่ 16 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ของจังหวัดเชียงราย ระหว่างเดือน มกราคม - ธันวาคม 2545
พิสิฐ พรหมนารท นักวิชาการเกษตร 8ว ศูนย์วิจัยข้าวปราจีนบุรี กรมการข้าว เอกสารประกอบการบรรยายเรื่อง ไม่เผาตอซังและฟางข้าว แล้วจะปลูกข้าวได้อย่างไร
“....ปั้นดิน เป็นก้อน เผาร้อน เป็นอิฐมอญแกร่ง....
นวดดิน ทำนา ฟางหญ้า คลุมแปลง...
ถ้าเผา เป็นแท่ง ดินแกร่ง แบบก้อนดิน
ทำนาบนก้อนอิฐ คิดสักนิด ก่อนเผาฟาง...” 13/12/2551 เกษตร (อยู่) จังหวัด
ปล..เชิญชวนเขียนคำขวัญรณรงค์ไม่เผาตอซังด้วยกันครับ
สวัสดีค่ะพี่เกษตร
อิอิแวะมาทักทายค่ะสบายดีนะค่ะ
กล้วยแขก~natadee~natachoei♥.•°♥
สวัสดีค่ะพี่เกษตร
อิอิแวะมาทักทายค่ะสบายดีนะค่ะ
ปั้นดิน เป็นก้อน เผาร้อน เป็นอิฐมอญแกร่ง....
นวดดิน ทำนา ฟางหญ้า คลุมแปลง...
ถ้าเผา เป็นแท่ง ดินแกร่ง แบบก้อนดิน
ทำนาบนก้อนอิฐ คิดสักนิด ก่อนเผาฟาง...” 13/12/2551 เกษตร (อยู่) จังหวัด
แค่ตออย่างเดียว ยังมีประโยชน์ เสียดายที่บ้านเอามาให้วัวกินหมด ไร้ซึ่งตอ อิอิๆๆๆๆๆ
ขจิต ฝอยทอง
แค่ตออย่างเดียว ยังมีประโยชน์ เสียดายที่บ้านเอามาให้วัวกินหมด ไร้ซึ่งตอ อิอิๆๆๆๆๆ
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่าน ซังๆ ตอๆ ค่ะ อิอิ
สวัสดีค่ะ
แวะมาอ่านคะ
เสียดายตอซัง ทำปุ๋ยและเห็ดฟาง
มีความสุขปีใหม่นะคะ
♥.·° ♥paula ที่ปรึกษา~natadee·° ..✿
สวัสดีค่ะ แวะมาอ่าน ซังๆ ตอๆ ค่ะ อิอิ
ครูคิม
สวัสดีค่ะ มาติดตามอ่านเรื่องดี ๆอีกครั้ง
และมาส่งบันทึกใหม่ด้วย
http://gotoknow.org/blog/krukim/229825
ขอขอบคุณค่ะ
มาแจ้งข่าวว่าไม่ได้เจอตอค่ะ แต่เจอพี่ครูอึ่ง ตัวเป็น ๆ เจ้า (^_^)
ประกาย~natachoei
แวะมาอ่านคะ
เสียดายตอซัง ทำปุ๋ยและเห็ดฟาง
มีความสุขปีใหม่นะคะ
มาแจ้งข่าวว่าไม่ได้เจอตอค่ะ แต่เจอพี่ครูอึ่ง ตัวเป็น ๆ เจ้า (^_^)
สวัสดีค่ะ
* มาดูหมอชนปังตอ
* ตอไม่เหลือเลย
* เพราะถูกหมูชนปัง
* หฒุนะหมู ไม่น่าเลย
* เข้ากันไหมนั่น อิอิ
นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง)
สวัสดีค่ะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ
หากเราต้องการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำของชาวนาที่คุ้นเคยกับวิธีการเดิมๆ เป็นเรื่องยากยิ่ง แค่การบอกคงไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่กล้าทำสิ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ
นึกถึงมูลนิธิข้าวขวัญ ที่สุพรรณบุรีจังค่ะ
คุณนายดอกเตอร์
สวัสดีค่ะ ได้ความรู้มากเลยค่ะ
หากเราต้องการเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนการกระทำของชาวนาที่คุ้นเคยกับวิธีการเดิมๆ เป็นเรื่องยากยิ่ง แค่การบอกคงไร้ประโยชน์ เพราะเขาไม่กล้าทำสิ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ
นึกถึงมูลนิธิข้าวขวัญ ที่สุพรรณบุรีจังค่ะ
สวัสดีค่ะ
* มาส่งคำขวัญค่ะ
๑. ไถกลบตอซังประหยัดสตางค์ค่าปุ๋ย
๒. เผาตอซังเผาสตางค์ในกระเป๋า
๓ กลบฝังตอซังเก็บสตางค์ใส่กระเป๋า
* มาส่งความสุขปีใหม่ค่ะ
สวัสดีค่ะ
* ตามมาเก็บค่าลิขสิทธิ์คำขวัญ ๕๕๕๕
* ส.ค.ส. ไม่บอกไม่รู้นะนั่น หมายความว่า
๑ มีธรรม ๒. มีความรัก ๓. มีครอบครัว ๔. มีสุขภาพแข็งแรงอารมณ์แจ่มใสเบิกบาน ๕. มีการงานทำ ๖. มีเงินใช้จ่าย ๗. มีอายุยืนยาวอยู่จนแก่เฒ่าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลาน
* เป็นงายยยยยยยยย อึ้งละซิ
* ปีใหม่ว่าจะบินไปสกลสักหน่อย หนอยๆๆๆ ปีกหักอีกแล้ว
เมื่อหมู(และกุ้งสับ) วิ่งมาเจอกับแผ่นเกี๊ยวค่ะ (^_^)
เมื่อหมู(และกุ้งสับ) วิ่งมาเจอกับแผ่นเกี๊ยวค่ะ (^_^)
สวัสดีครับ/ค่ะ
พวกเรา ๓ คนเเวะมาเยี่ยมครับ/ค่ะ
ฟ้ามิกแม็ก
สวัสดีครับ/ค่ะ
พวกเรา ๓ คนเเวะมาเยี่ยมครับ/ค่ะ
กาแล็กซี่ผืนน้อย
สวัสดีค่ะ
ในเมื่อตามอาจารย์พรรณาแวะมาทักทาย
กวางก็ขอตามมาขอบคุณนะค่ะ
ปีใหม่ปีนี้ขอให้มีความสุขมาก ๆ นะค่ะ
สวัสดีค่ะ
สุขสันต์ บรรเจิด เลิศหรู
มาสู่ เกษตรอยู่จังหวัด
หวังใดได้เห็นเด่นชัด
ไตรรัตน์ คุ้มครอง ป้องภัย
ปรีดา รวีวรรณ พลันปลื้ม
ด่ำดื่ม โชคดี ปีใหม่
ส่งรัก จากใจ ถึงใจ
สดใส เลิศล้ำ ร่ำรวย
สวัสดี ปีใหม่ครับ อาปรีดา
สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ
มีความสุขในทุกๆวันนะคะ
โชคดี ตลอดปีและตลอดไป
J สุขภาพแข็งแรงค่ะ J
มนัญญา ~ natachoei ( หน้าตาเฉย)
โย่โย่งโก๊ะ แซ่เฮ~natadeeเหมือนพี่สาว
สวัสดีปีใหม่ 2552 ฮะ ครอบครัว เกษตร(อยู่)จังหวัด
ขอให้ มีความสุขมากมาย ทุกวินาที นะฮะ
มีความสุขมากๆนะค่ะ
seen
ขอให้ มีความสุขมากมาย ทุกวินาที นะฮะ
sarah
มีความสุขมากๆนะค่ะ
สวัสดีค่ะ
ครูคิม
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณกำลังใจดี ๆ จากพี่สาวแสนสวย..ขอให้สวย ๆ ยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ...
มีความสุขในการทำงาน..เบิกบานในการพักผ่อนครับ..
สิงห์ป่าสัก สวัสดีปีใหม่ครับท่านเกษตร(อยู่)จังหวัด
ฟันทิ้ง เอ้ยฟันธงใช่ไหมครับ...
สวัสดีครับ/ค่ะ พวกเรามาเยียมครับ/ค่ะ
`
อ่านแล้ว นี่เป็นแบบเกษตรธรรมชาติเลยนะคะ
คำว่า เ กษตรอินทรีย์กำลังฮิต จริงๆแ ล้ว แต่คิดว่า ก็ยังไม่ใ ช่เ รื่องง่ายๆนัก เกษตรกร ยังต้องมีศักยภาพในการจะเปลี่ยนรูปแบบจากเกษตรดั้งเดิมมาเป็นเกษตรอินทรีย์ด้วย
ต้วเอง เคยมีบริษัททำเกษตรธรรมชาติ ที่เมืองกาญจน์ และทำสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่งออก ตอนนี้ ก็ยังทำอยู่ แต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นชื่ออื่น
การทำการเกษตรแบบนี้ ก็มีหลายแนวคิด เ ช่น ไม่ไถพรวนดิน ไม่กำจัดวัชพืช บางคนก็บอกว่าได้ผลดี บางคนบอกว่า ไม่ได้ผล เช่น หากดินมีหญ้า จะปราบหญ้าอย่างไร จึงจะเกิด ประโยชน์ต่อดิน และพืชผัก มากที่สุด
วิธีที่คุณ เกษตร(อยู่)จังหวัด แนะนำดีมากเลยนะคะ
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก คือ เรื่องของการตลาด ถ้าปลูกได้ แต่ขายไม่ได้ ก็แย่ เหมือนกันนะคะ
อ่านแล้ว นี่เป็นแบบเกษตรธรรมชาติเลยนะคะ
คำว่า เ กษตรอินทรีย์กำลังฮิต จริงๆแ ล้ว แต่คิดว่า ก็ยังไม่ใ ช่เ รื่องง่ายๆนัก เกษตรกร ยังต้องมีศักยภาพในการจะเปลี่ยนรูปแบบจากเกษตรดั้งเดิมมาเป็นเกษตรอินทรีย์ด้วย
ต้วเอง เคยมีบริษัททำเกษตรธรรมชาติ ที่เมืองกาญจน์ และทำสินค้าเกษตรอินทรีย์ส่งออก ตอนนี้ ก็ยังทำอยู่ แต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นชื่ออื่น
การทำการเกษตรแบบนี้ ก็มีหลายแนวคิด เ ช่น ไม่ไถพรวนดิน ไม่กำจัดวัชพืช บางคนก็บอกว่าได้ผลดี บางคนบอกว่า ไม่ได้ผล เช่น หากดินมีหญ้า จะปราบหญ้าอย่างไร จึงจะเกิด ประโยชน์ต่อดิน และพืชผัก มากที่สุด
วิธีที่คุณ เกษตร(อยู่)จังหวัด แนะนำดีมากเลยนะคะ
อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก คือ เรื่องของการตลาด ถ้าปลูกได้ แต่ขายไม่ได้ ก็แย่ เหมือนกันนะคะ
เข้ามาแวะพักก่อนค่ะ
ไม่เอ่ย
เข้ามาแวะพักก่อนค่ะ