ภาคบ่ายเป็นการเสวนาในบรรยากาศของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบสบายๆ ของตัวแทนจากเครือข่ายโรงเรียนไทยไท และผู้ทรงคุณวุฒิ คือพระไพศาล วิสาโล ศาสตราจารย์ ดร.เอกวิทย์ ณ ถลาง และ อาจารย์สมบัติ สมพร นักการศึกษาผู้เป็นอาคันตุกะจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
หลังจากที่ได้รู้จักกับเครื่องมือ AAR กันไปเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่จะได้มาลองปฏิบัติกันดูบ้าง
การเสวนากัลยาณมิตรวงนี้จึงเปิดด้วยประเด็นของผู้ที่มีอายุน้อยที่สุด และเรียงกันไปจนครบทุกคน
อาจารย์ศีลวัต - ในการจัดเรียนการสอน เมื่อก่อนนี้เราเริ่มที่การสอนของครู และคำถามว่าจะสอนอะไร สอนอย่างไร สอนทำไม ปัจจุบันนี้เริ่มมีคำถามว่าจะสอนให้เข้าไปถึงจิตใจได้อย่างไร และ ใคร หรือตนชนิดไหนที่พร้อมจะเรียน พร้อมจะอยู่กับผู้อื่น
จากที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันมาหลายครั้ง พบว่าเรื่องที่อยู่ในความสนใจของทุกโรงเรียนคือทุกคนมีบรรทัดสุดท้ายอย่างเดียวกัน เราเชื่ออย่างนี้ และเราจะช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนเกื้อกูลกัน เดินไปด้วยกัน พูดกับสังคมเป็นคณะ
อาจารย์กรองทอง – ขอบคุณผู้จัดงานระพีเสวนา เพราะรู้สึกมีความสุขกับการได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน การได้มาพูดคุยกันนี้ทำให้ทุกคนเริ่มมีคำถามกับประสบการณ์การทำโรงเรียนของเรา และได้กลับไปตอบคำถามให้ชัด
อารมณ์แรกที่มาทำโรงเรียนก็เพราะอยากบอกอะไรกับคนอื่น แต่ยิ่งทำเราก็ยิ่งรู้ว่าเราเป็นผู้เรียนรู้ ผลัดกันเป็นครู ผลัดกันเป็นเด็ก เห็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์
อาจารย์วัฒนา – ผมเรียนจบครูมา ที่จบมาได้เพราะจำชื่อนักวิชาการตะวันตกได้ครบ จากการเป็นครูพบว่าการไปทำให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงได้ต้องใช้ตัวเอง ต้องเอาตัวเราเข้าไปแตะสัมผัสกับผู้เรียน คนทุกคนต้องมีความเห็นข้างในที่ชัดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เมื่อชัดแล้ว เราแต่ละคนก็จะไปทำให้เรื่องทางกายภาพปรากฏออกมา ไม่ว่าจะเป็นสีที่เลือกใช้ ต้นไม้ที่เลือกมาจัดวาง วิธีที่เราจัดการเรียนรู้ และอื่นๆ ที่เราเป็นผู้ลงมือกระทำจะค่อยๆ ออกมาเอง แล้วการมองเข้าไปข้างในตัวเด็กก็จะค่อยๆ เกิดขึ้น
อาจารย์ผกามาลย์ - อาจารย์ผู้ใหญ่ที่กรุณามาร่วมเสวนาตั้งแต่เช้าจุดประกายให้เราเกิดความกระตือรือร้น
พระไพศาล – ความเป็นเรามีหลายระดับ ในระดับลึกคือพุทธภาวะที่เติบโตได้ ถ้ามีปัจจัยเกื้อหนุน การศึกษาที่ผ่านมาทำให้โพธิจิตถูกละเลยไป แต่ไปเสริมในด้านอัตตาตัวตน
ทุกอย่างทุกคนเป็นอุปกรณ์ของการเรียนรู้ได้ทั้งนั้น การสร้างเครือข่ายจะช่วยให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ขึ้นได้
คำถามที่อยากจะถามคือ “แค่ไหน” หรือ “เพียงใด” ในการจัดการศึกษาความยากลำบากอยู่ที่การสร้างดุลยภาพ ระหว่างวิชากับชีวิตจะเอาอะไรแค่ไหน ระหว่างความสุขของครูกับความสุขของนักเรียนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องมาทบทวนกัน ถ้าครูไม่มีความสุขก็จะไม่ยั่งยืน จะเอาแค่ไหนระหว่างอุดมคติกับความเป็นจริง ระหว่างเป้าหมายระยะยาวกับเป้าหมายระยะสั้น เพราะชีวิตเป็นเป้าหมายระยะยาว แค่ไหนถึงจะพอดีกับความต้องการของนักเรียน ครอบครัว สังคม ประเทศ โลก แค่ไหนถึงจะพอดี แค่ไหนถึงจะพอเหมาะ
ไม่มีความเห็น