ขอมอบภาพนี้เป็น ส.ค.ส.ค่ะ
Life is not so long.
Open our mind to see everything with real love.
Anything is alive, isn’t it?
Even though the stars are blind.
We can find the real life inside.
ช่วงนี้เป็นช่วงเข้าใกล้ปีใหม่ สาวน้อยรำลึกขึ้นมาได้ว่า ในช่วงของการเรียนอยู่ม.ปลายที่พ่อแม่ปล่อยเธอและพี่ชายให้อยู่ด้วยกันตามลำพังนั้น เป็นปีใหม่ที่ทำให้เธอได้พบประสบการณ์อีกเรื่องหนึ่งที่ได้ฝึกตนในเรื่องความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า มันทำให้เธอมองย้อนไปไกลถึงตอนเธอเรียนอยู่ชั้นประถมที่พ่อแม่รับเธอกลับจากบ้านป้า
ในช่วงวัยเรียนประถม ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เด็กน้อยกับพี่ชาย บอกแม่ว่า หนูอยากลองขายขนมจังแม่ แม่ทำขนมให้หนูกับพี่ไปขายหน่อยนะ แม่เธอก็ไม่รอช้า ทำขนมหวานให้เธอและพี่เดินเร่ขายไปตามละแวกบ้านทั่วถึงทีเดียว การได้ไปเดินขายของตามใจอยากทำให้เธอสนุกมากทีเดียว ทุกที่ที่เธอเดินไปผู้ใหญ่ให้การต้อนรับ ชวนคุยชวนถามว่าลูกใคร บ้างก็ช่วยอุดหนุนขนม ถึงแม้จะขายไม่หมดแต่เธอและพี่ก็สนุกซะไม่มี
เธอว่า เออ! แปลกนะ ตอนนั้นนะเธอไม่รู้สึกว่าน่าอายและเป็นงานหนักเลยที่ไปเดินขายขนมอยู่อย่างนั้น เธอไม่เห็นว่าเป็นปมด้อยที่แม่ให้เธอไปขายของอย่างนี้ ส่วนพี่ชายเธอนั้น จะรู้สึกอย่างไรเธอไม่รู้ จำไม่ได้ซะด้วยว่า มีการคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันหรือไม่ เธอบอกว่าที่เธอไม่คิดว่ามันเป็นปมด้อยเป็นเพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นงานสุจริตที่เกิดขึ้นโดยน้ำมือของเธอเองนั่นแหละ
การมีประสบการณ์สนุกกับการขายของของเธอ ยังมีอีกนะกับการไปออกร้านโรงเรียน สนุกกับการได้เล่นกับเพื่อนและได้ลอง แต่ความสนุกก็ไม่เท่ากับการที่ได้ไปขายขนมให้แม่หรอก ความต่างอยู่ตรงที่การไปช่วยโรงเรียนออกร้านนะถูกบังคับ และการเข้ามาในร้านของผู้ใหญ่ไม่ประทับใจเด็กเท่าไรเลย คงจะเป็นเพราะไม่รู้สึกว่าผู้ใหญ่เข้ามาอุดหนุนด้วยความเมตตากระมัง
มีเรื่องสนุกอีกเรื่องที่เกี่ยวกับการขายของ คือการที่กิ๊กและเธอแหกกฎของที่บ้าน แอบนัดไปเจอกันในงานปีใหม่โดยใช้ข้ออ้างว่าโรงเรียนเขาให้ไปช่วยงานออกร้าน แต่ความจริงนั้นเธอไปช่วยเพื่อนทำผัดไทยขาย เป็นเพื่อนสนิทที่เธอไปอาศัยบ้านเขาอยู่ตอนจะสอบเอ็นนะแหละค่ะ
ทุกคืนเธอจะไปช่วยเพื่อนขายผัดไทย กลับบ้านตีหนึ่งตีสองด้วยจักรยานคู่ใจที่ขี่ไปโรงเรียนนะแหละ ช่วยทำทุกอย่างไปทั้งผัดทั้งล้างจานเสิร์ฟจัดโต๊ะ สนุกสนานตามแต่ใครจะว่างทำอะไรก็ช่วยกันทำ แล้วเมื่อกิ๊กเขามาพบก็แวบไปเดินเล่นคุยกัน ดูเหมือนโชคเข้าข้างที่ไม่เจอใครเห็นและเก็บไปฟ้องพ่อแม่ให้รู้จนโดนห้าม เธอบอกเธอจำได้ปีใหม่ปีนั้นอากาศหนาวเย็นประเภทที่เรียกว่าเย็นจนต้องใส่เสื้อหนาวสองชั้นทีเดียวเชียวหละ
หลังจากปีนั้นมาชีวิตที่เปลี่ยนไปเรียนมหาวิทยาลัยชักนำให้ไปพบประสบการณ์ใหม่ มีเรื่องหนึ่งที่จำได้คือเรื่องการมีเพื่อนใหม่ เป็นหญิงล้วนทั้งชุด มีทั้งคนที่ท่าทางแก่นเซี้ยวและเรียบร้อย คนหนึ่งในชุดนี้คือคนที่ทำให้เธอได้รู้จักและเห็นการเล่นดนตรีไทยที่เรียกว่าจะเข้เป็นครั้งแรก คนหนึ่งเซี้ยว แก่น จริงใจและโผงผาง คนหนึ่งเรียบร้อยน่ารัก ชีวิตที่ดูมีความสุข สนุกแบบใสๆ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อเธอเรียนผ่านไปได้เกือบครบเทอม
ระหว่างเรียนอยู่ในเทอมแรก พ่อก็พาแม่ขึ้นมากรุงเทพฯเพื่อพบหมอที่ร.พ.รามาธิบดี เธอได้ตามไปเป็นเพื่อนแม่ด้วย โดยเธอก็ไม่รู้ว่าโรคที่แม่เป็นนั้นคือโรคอะไร ด้วยว่าพ่อนั้นไม่ยอมบอก ตรวจแล้วพ่อก็พากลับบ้านที่ใต้ กลับไปแล้วแม่ก็นอนร.พ.ตลอดโดยพ่อปิดไม่ให้เธอรู้ จนกระทั่งช่วงวันปิดยาวที่มีโอกาสกลับบ้านเธอจึงรู้ เธอได้มีโอกาสไปอยู่เฝ้าแม่อยู่แค่เพียงอาทิตย์เดียวแล้วก็ลากลับมาเรียน และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอมีโอกาสได้เห็นหน้าแม่
วันหนึ่งระหว่างการสอบปลายภาคเหลืออยู่แค่หนึ่งวัน ก็มีข่าวส่งมาบอกว่า แม่เสียชีวิตแล้ว ยังไม่ต้องกลับบ้าน ให้รอสอบให้เสร็จก่อนแล้วจึงกลับไป ภาพสาวน้อยที่ฉันเห็นคือ เธอเดินกลับขึ้นไปบนห้องนอนโดยไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียวไหลออกมา ไม่พูดจากับเพื่อนคนใดในห้อง จนเมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นว่า มีอะไรหรือ มีข่าวอะไรมาจากบ้านหรือ เธอจึงกล่าวคำพูดเล่าออกว่า แม่เธอสิ้นเสียแล้ว พูดจบคำเล่าแล้วน้ำตาเธอก็ไหลพรั่งพรูออกมาให้เห็น วันนี้เมื่อเธอมาเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเธอบอกว่ามันอธิบายไม่ถูกว่าทำไมความรู้สึกตอนที่เธอได้ยินข่าวมันจึงช้าอย่างนั้น ทำไมเธอจึงมาร้องไห้เมื่อได้เล่าเรื่องออกมาให้เพื่อนฟังเล่า
หลังจากสอบเสร็จปลายภาค เธอก็เดินทางกลับบ้านทันที พ่อได้นำพาแม่ไปนอนรออยู่ที่วัดแล้วเรียบร้อย เธอเล่าให้ฟังว่าระหว่างการมีพิธีการทุกๆวัน เธอได้แต่เงียบและทำสิ่งต่างๆให้ตามแต่ผู้ใหญ่จะบอกให้ทำ ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดจนกระทั่งวันสุดท้ายก่อนย้ายแม่ไปยังเตาเผานั่นแหละเธอจึงร้องไห้ออกมาให้ใครๆเห็น
หลังจากที่แม่เสียชีวิตแล้ว ทุกอย่างในบ้านไม่มีคนดูแล ผ้านุ่งปาเต๊ะสวยๆพร้อมผ้าลูกไม้เป็นชิ้นๆที่แม่มีเต็มตู้ จานชามสวยๆและเครื่องครัวขนาดใหญ่ที่แม่หามาใช้อันตรธานหายไปโดยไม่รู้ว่าไปไหนบ้าง รูปสวยๆเก่าๆทั้งของเธอ ของพ่อและของแม่หายไปหมดสิ้น เมื่อเธอกลับไปบ้านอีกครั้ง บ้านเป็นเหมือนบ้านร้างที่ไม่มีคนดูแลเลย มันฟ้องว่าพ่อหมดกำลังใจจนไม่ดูแลอะไรในบ้านอีก ส่วนพี่ชายซึ่งยังเรียนอยู่มัธยมต้นด้วยมีปัญหาส่วนตัวของเขานั้นก็ย้ายตัวเองไปอยู่กับแม่ที่แท้จริงของเขา
ภาพที่ไปเห็นบ้านในตอนนั้นทำให้เธอต้องทำใจให้รับกับสิ่งที่เห็น มีเรื่องราวต่อมาที่ต้องตัดสินใจในเรื่องของทรัพย์สินที่แม่ทิ้งไว้ มีบัญชีเงินฝากของแม่อยู่จำนวนหนึ่งเป็นเลขหกหลักจำนวนต้นๆซึ่งมีญาติมาถามความเห็นว่า เธอจะแบ่งกับพี่ชายอย่างไรในฐานะที่มีสิทธิร่วมกัน และเมื่อก่อนตอนที่แม่อยู่ แม่จะให้อะไรกับพี่ชายเสมอ สาวน้อยทบทวนอยู่หลายตลบแล้วตัดสินใจตอบไปว่า เธอใช้ความรู้ที่พ่อแม่ให้เธอเรียนสร้างฐานะของเธอเองได้ เงินก้อนนี้หากต้องแบ่งกันเธอขอยกมันให้พี่ชายเอาไว้ดูแลตัวเองก็แล้วกัน หลังจากนั้นเธอไม่รู้ว่าใครเข้ามาจัดการบัญชีนี้ต่ออย่างไรบ้าง
บทเรียนจากชีวิตจริง
วัยรุ่นเขาจะเห็นว่าสิ่งที่เขาลองเป็นความสนุกชวนให้ลงมือทำก็ต่อเมื่อเขารู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่ได้ลงมือทำไปนั้น
ความรู้สึกดีๆที่ทำให้รู้สึกอยากทำอะไรดีๆนั้นมันสั่งสมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยต่างหากที่ทำให้วัยรุ่นตัดสินใจลองลงมือทำอะไรในเรื่องดีๆที่ผู้ใหญ่อยากให้เขาลงมือทำ
เมื่อวัยรุ่นลงมือทำอะไรลงไปแล้วในสิ่งที่เขาเชื่อว่าเขาทำสิ่งดีๆอยู่ ผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญที่ทำให้เขามีความรู้สึกดีหรือไม่ดีกับการทำสิ่งเหล่านั้นต่อไป
ผู้ใหญ่ควรมองสองมุมว่า แม้จะมีมุมลบที่ว่าการคบเพื่อนต่างเพศทำให้วัยรุ่นเสียหายออกนอกลู่นอกทางได้นั้น มันมีมุมบวกของการที่มีการถ่ายทอดนิสัยดีๆสู่กันด้วยนะ
เมื่อเด็กลงมือทำอะไรและผู้ใหญ่ไม่คาดคั้นความสำเร็จจากเขาตามเป้าที่ผู้ใหญ่ตั้งไว้ ปล่อยให้เขาทำอะไรเองไป เด็กจะกล้าลงมือทำและตั้งเป้าความสำเร็จของเขาเอง
ความสำเร็จที่เด็กใช้วัดตัวเองเมื่อลงมือทำอะไร ไม่ใช่ความสำเร็จเป็นตัวเลข หากแต่เป็นความภูมิใจกับการที่ผู้ใหญ่ให้ความไว้ใจและชื่นชมกับสิ่งที่เขาทำทั้งที่ทำสำเร็จและไม่สำเร็จ
ความสำเร็จที่เป็นตัวเลขหรือเงินทองเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ไม่ใช่เด็ก
Keywords :
ภายใต้ความเงียบของวัยรุ่น มันมีคลื่นอารมณ์ที่เขาเองไม่รู้แฝงอยู่นะ การปล่อยให้เขาเก็บอารมณ์เหล่านี้ไว้ภายใน ไม่ให้มีโอกาสปลดปล่อยให้เขาได้รับรู้ตัวเอง มีผลทำให้เขาขาดทักษะการปรับตัวเข้ากับคนอื่นๆในสังคมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ เขาจะไม่รู้จัก “ชีวิต” และปรับตัวไม่เป็นนะ
มาติดตามอ่านเรื่องราวของ "สาวน้อย" เหมือนเดิม ^^ อยากรู้ว่าเธอจะจัดการกับเรื่องราวต่อจากนี้ยังไง....
เอาใจช่วยค่ะ.. รอนานไหมคะ ตอนต่อไป อิอิ
แวะมาทักทายค่ะ
มีสิ่งดีๆเสมอๆนะคะ
สวัสดีค่ะ
แอบมาลอกการบ้านครับ
แวะมาทักทายค่ะ
มีสิ่งดีๆเสมอๆนะคะ
สวัสดีค่ะ
* ตามมาขอบคุณค่ะ
* ลองหัดแต่งเพลงตันหยงค่ะ
ตันหยงหมอเจ๊
ตันหยง ตันหยง หยงไรล่ะน้อง หยงดอกเลเต(สเลเต)
เมืองบี่มีหมอเจ๊คนสวยแซ่เฮ หมอของชาวเลมีผู้กล่าวขาน
หมอช่างน่ารัก ต่อสู้งานหนักได้อย่างอาจหาญ
หมอเจ๊มุ่งมั่นในอุดมการณ์ รักษาพยาบาลชาวบี่สุขใจ
พี่หมอเจ๊คะ
ตามมาอ่านค่ะ....เด็กหญิงคนนี้เข้มแข็งและรู้คิดมาตั้งแต่เด็กแล้วนะคะ....เธอถูกเร่งให้โตเป็น..ผู้ใหญ่เร็วจังเลย...
รออ่านต่อค่ะ..^__^..
อาจารย์เขียนblog ได้น่าอ่านจังค่ะ
สดชื่น รื่นเริง แจ่มใส สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
มายิ้ม...รอรับปีใหม่ค่ะ...(^___^)
สวัสดีค่ะคุณพี่หมอ
http://gotoknow.org/blog/krukim/233763