หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เมื่อเด็กเป็นครูเรื่องครอบครัว


หรือว่าตอนนี้ ในใจของเขา มีแต่ความกลัวอยู่นะ โกรธจนกลัวนะรู้จักรึไม่ โกรธใครนะรึ โกรธตัวเองนะสิ ที่ทำให้พ่อแม่เชื่อถือไม่ได้

เมื่อสี่ห้าวันก่อนมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งแวะมาหาที่บ้านด้วยแม่ของเขาบอกว่าฉันมีธุระจะคุยด้วย เราได้นั่งคุยกันเรื่องที่ฉันจะไว้วานให้เขาช่วย เขาขอรับเรื่องไปตัดสินใจก่อนแล้วจะบอกกลับมา

 

ระหว่างคุยกันอยู่ ฉันได้ถามไถ่ความเป็นอยู่ของเขาในเรื่องข่าวที่เขาไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองหน่วยหนึ่ง เขาเล่าให้ฟังว่าเหตุที่ไปเกี่ยวข้องมันเป็นเรื่องบังเอิญ

 

ในระหว่างที่เล่าเรื่องราวให้ฉันฟัง สีหน้าของเขาเศร้าสร้อย เรื่องราวถูกเล่าออกมาอย่างช้าๆ แต่ละคำพูดมันกลั่นออกมาจากใจ มันบอกให้รู้ว่า เขาใคร่ครวญกับตัวเองอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันนะ เขาจึงได้เจอกับเรื่องราวที่ทำให้เขากลัวอยู่อย่างนี้

 

การที่ตัวเขาไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองวันนั้น เขาเจออะไรบ้างนะ มันชวนให้อยากรู้ แต่แล้วเขาก็ไม่ได้เล่ามันออกมา เขาเล่าแต่ว่าใช่มีแต่ตัวเขาที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราว หากแต่มีเด็กหนุ่มคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนะ และเด็กหนุ่มนั้นถูกทำร้ายร่างกายให้เห็นกับตาด้วย

 

เขาเล่ามาว่า พ่อเขาถูกฝ่ายปกครองตามตัวไปพบซะด้วย แต่ว่าไปถึงพ่อไม่ได้คุยกับเขาสักคำ เดินเข้าห้องไปคุยกับฝ่ายปกครองที่ตามตัว พูดคุยกันแล้วออกมาก็ถามเขาว่า ทำลงไปทำไม เขาบอกฉันว่า พ่อไม่ถามเขาสักคำให้เขามีโอกาสเล่าเรื่องราวให้ฟังก่อนหน้านั้น คำพูดที่พ่อทักถามมันบอกเขาว่าพ่อเชื่อคำที่ฝ่ายปกครองบอกพ่อมา เขารับรู้ว่าพ่อเชื่อว่าเขาผิดจึงถูกนำตัวมาเกี่ยวข้อง

 

หลังจากกล่าวคำจบลงแล้ว พ่อก็ทิ้งเขาไว้ที่หน่วยราชการแห่งนั้น ไม่ได้รับเขากลับไปด้วย ซึ่งมันทำให้เขาต้องค้างอยู่ที่นั่นตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ของวันหนึ่งไปจนถึงเย็นของวันรุ่งขึ้น โดยที่เขาไม่รู้ว่าจะตอบตัวเองยังไงระหว่างพ่อมาช่วยเขาหรือซ้ำเติม

 

เมื่อได้กลับบ้านมาแล้ว เขาเล่าพ่อแม่ว่าเกิดอะไรกับเขาและเพื่อนอีกบ้างหลังจากพ่อจากมา พ่อได้ฟังแล้วตกใจ แต่มีประโยชน์อะไรในเมื่อเขาผ่านเรื่องราวร้ายๆนั้นมาแล้ว มันช่วยไม่ได้แล้วนะพ่อที่มันเกิดขึ้น นี่คือเรื่องราวที่เขาบอกพ่อไปในวันนั้น

 

เขาเล่าฉันต่อว่า เมื่อเขาอยู่ที่บ้าน เมื่อเขาพูดอะไรไม่เคยมีใครเชื่อเขา ทั้งๆที่เขาไม่เคยโกหกเลย แม้แต่ครั้งนี้เมื่อเขากลับไปบ้านแล้ว พ่อและแม่เขาแสดงออกมาว่า เชื่อว่าเขาทำความผิด จึงไปเกี่ยวข้องกับฝ่ายปกครองเข้าได้

 

ฉันฟังเขาแล้ว สะท้อนใจกับคำเล่าของเด็กหนุ่ม ใจนึกถึงลูกสองคนที่ฉันเลี้ยงดูมา ฉันไม่เคยเลยที่จะไม่เชื่อถือลูก เพียงแต่บางครั้งที่ฉันพูดจาให้ลูกฟังเป็นความตั้งใจสอนเพิ่ม จนเมื่อรู้ว่าลูกนะต้องการความเชื่อใจที่ฉันมีให้  ฉันจึงเปลี่ยนใช้ความไว้ใจเขามาแทนการพูดจาสอนสั่งทั้งหลาย เวลาลูกอยากทำอะไร อยากบอกอะไร เขาจึงไว้ใจตัวเขา แล้วบอกออกมาให้ได้คุยกันจนฉันเข้าใจสิ่งที่เขาคาดหวังกับตัวเองและยอมให้เขาได้ลองทำ  

ความเข้าใจที่ได้จากลูกทำให้ฉันตอบเด็กหนุ่มว่า ฉันฟังแล้วฉันเชื่อเขานะว่าที่เขาเล่าฉันนะเป็นเรื่องจริง ตอนบอกออกไปใจรับรู้ว่าใจเขานั้นสะอื้นตอบรับ รับรู้คลื่นในใจเขาแล้วใจฉันอึ้ง ช่างกระไรกันหนอที่พระในบ้านปล่อยให้เด็กน้อยเขามีทุกข์ซะจนขนาดนี้ ก็ที่รับรู้นะเด็กหนุ่มเขาเศร้าจนทำให้ชีวิตของเขาพังลงไปเกือบค่อนชีวิตแล้วนะนี่ พ่อแม่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวนี้ของลูกเขา

 

จะช่วยอย่างไร ฉันนึกไม่ออกเลยหนา โอ้ว่า อนิจจา ใจหนุ่มน้อยเป็นอย่างไร โดดเดี่ยว ไร้ความหวัง หมดพลังชีวิตที่จะสู้ต่อไปหรือไร  จะทำอย่างไรดีที่จะทำให้เขาไม่ปล่อยชีวิตไปวันๆ ไม่ทำอะไรทำลายตัวเองด้วยการทำให้สิ่งที่ทำเกิดความไม่ก้าวหน้าในสายตาผู้ใหญ่ แล้วที่ยังมีผู้ใหญ่คอยซ้ำเติมดับไฟพลังด้วยคำพูดที่ตำหนิ ต่อว่า พร้อมวาจาที่เอ่ยปากที่มีกิริยาแสดงออกบ่งให้รู้ว่าไม่เชื่อถือออกมานี่เล่า จะช่วยแก้อย่างไรให้เขาได้บ้างหนอ

 

หนุ่มน้อยเขาบอกว่า ทุกคืนเขานอนไม่หลับจนค่อนรุ่งเสมอ แล้วก็มาหลับในเวลากลางวัน คืนไหนที่เขาได้หลับสบายๆแต่หัวค่ำ ในค่ำคืนนั้นเขาไม่สบายใจ ฉันถามเขาว่าในเมื่อนอนหลับสบายๆ ทำไมจึงไม่ชอบละ จะได้พักผ่อนเต็มที่ ปรากฎว่าเขาเงียบไปนานทีเดียว แล้วก็ตอบมาว่า "ผมไม่รู้เหมือนกัน"

หรือว่าตอนนี้ ในใจของเขา มีแต่ความกลัวอยู่นะ โกรธจนกลัวนะรู้จักรึไม่  โกรธใครนะรึ โกรธตัวเองนะสิ ที่ทำให้พ่อแม่เชื่อถือไม่ได้

 

วังวนอย่างนี้ มีใครบ้างสามารถช่วยให้เขารู้จักวิธีเยียวยาตัวเองได้  ด้วยว่ามันเป็นความลับในตัวคน เป็นเรื่องตัวใครตัวมัน มันเป็นเรื่องของครอบครัวที่จะช่วยกัน คนอื่นจะช่วยได้แค่สะท้อนคำถามให้ได้ไตร่ตรองใคร่ครวญเท่านั้น หรือว่าพ่อแม่จะช่วยเขาได้ความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา

 

เออ! ใช่แล้วละ พ่อแม่นะช่วยได้นะ ในเมื่อปัญหาเกิดจากการไม่เชื่อถือลูกตัวเอง แล้วปล่อยให้เขาหมดพลังใจ พ่อแม่สามารถช่วยเพิ่มพลังใจให้ด้วยการทำให้ลูกรู้ว่าเชื่อถือเขาแท้จริง แสดงออกให้เขารู้ว่า การกระทำที่ทำให้นั้นไหนคือเรื่องความห่วงตามประสาพ่อแม่ ไหนคือเรื่องจริงของความไว้ใจที่มีต่อลูก ให้เวลาที่จะได้จับเข่าพูดคุยกับลูกเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันอย่างจริงใจ

 

ให้โอกาสลูกพูดแล้วพ่อแม่ “ฟัง” จากปากเขาเอง วิเคราะห์เรื่องราวจากเรื่องที่เขาเล่า แลกเปลี่ยนจนเข้าใจแล้วจึงตัดสินเขา มิใช่นำเรื่องที่คนอื่นมาบอกมาแล้วตัดสินเขา นี่กระมังคือทางออกที่ควรเริ่มช่วยเด็กหนุ่มคนนี้

 

บทเรียนบทนี้ที่เด็กหนุ่มมาสอน จะให้ชื่อได้ไหมว่า “พ่อแม่รังแกฉัน”

18 ม.ค. 2552

หมายเลขบันทึก: 235986เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2009 23:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (31)

สวัสดีค่ะคุณครู

บางทีอาจมีอะไรที่ลึกๆในครอบครัวที่เราเองอาจยังไม่รู้ชัด กับการที่พ่อรีบเร่งเข้าไปคุยกับฝ่ายปกครอง เป็นเกราะป้องกันให้ลูกได้วิธีหนึ่ง (ลองคิดดูดีๆค่ะ)ครูแป๋มเคยเป็นครูที่ปรึกษาห้องที่ทุกคนมองว่าเรียนอ่อน เคยสอนนักเรียนห้องที่ทุกคนมองพฤติกรรมว่าแย่ แต่หากเราได้พูดคุยรับฟังเขา เป็นที่พึ่งให้กับพวกเขา (ยามไม่มีใคร)

คุณอาจประหลาดใจ ที่ได้พบเห็นความสามารถที่ซ่อนอยู่ของพวกเขา ที่สังคมรอบข้างไม่เคย "ให้โอกาส" กับเขาเหล่านั้นเลย...ลองแวะไปเยี่ยมครูแป๋ม แล้วลองอ่านเรื่องราวของ "เด็กห้องท้าย" สิคะ อาจมีแรงบันดาลใจบางอย่างสำหรับคุณครูและผู้ปกครอง โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ที่มีลูกๆวัยรุ่นอยู่ ร่วมให้กำลังใจเด็กเหล่านั้นที่ครูแป๋มคิดว่ายังมีมากมายในประเทศไทยเรา ที่รอผู้ที่จะให้โอกาสเขาบ้าง..ดีไหมคะ

ขอร่วมเป็นกำลังใจด้วยค่ะ

ครูแป๋ม

มาอ่านบทเรียนของคุณหมอคะ

คงจะต้องเชื่อใจลุกเพิ่มขึ้นอีกคะ

  • พี่ไม่ใช่ครูค่ะครู pam ขา
  • เรื่องราวของเด็กคนนี้ ตรงกับที่ครูอนุมาณไว้
  • ตรงเรื่องของ "อาจมีอะไรที่ลึกๆในครอบครัวที่เราเองอาจยังไม่รู้ชัดค่ะ"
  • ..............
  • ในความเป็นหมอเด็ก พี่กลับคิดว่า ตรงนี้พ่อไม่ควรทำลงไป "การที่รีบเร่งเข้าไปคุยกับฝ่ายปกครอง เป้นเกราะป้องกันให้ลูก"
  • ด้วยว่าจิตใจของเด็กนะเขาละเอียดอ่อนยิ่งนัก
  • แค่พ่อมาถึงแล้วไม่คุยกับเขา เขาก็ตัดสินตัวเองแล้ว ทั้งๆที่ความจริงเขาไม่มีอะไรที่ได้ทำผิดลงไปเลย
  • ..............
  • คำตัดสินนั้นก็คือ "เขาไม่เชื่อใจเราอีกแล้ว"
  • ..............
  • เห็นด้วยกับครูว่า "ครูและผู้ปกครองโดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ ที่มีลูกๆวัยรุ่นอยู่ ควรร่วมกันให้กำลังใจเด็กของตน"
  • ขอบคุณค่ะครูที่เข้ามาแลกเปลี่ยน
  • น้อง ประกาย~natachoei ที่~natadee ค่ะ
  • ความเป็นห่วง ทำให้พ่อแม่ "พูด" มากกว่า "ฟัง"
  • ทำยังไงให้ลูกรู้ว่าเชื่อใจเขา
  • เป็นเรื่องควรทำมากกว่า "พูด" ซะอีกค่ะ
  • ปล่อยเขาอิสระยังไง...
  • ที่จะทำให้เขาเข้าใจว่า...
  • ที่ปล่อยให้อิสระนั้นนะ
  • เป็นเพราะเชื่อใจเขานะ
  • เมื่อพ่อแม่เชื่อใจลูก
  • ก็จะได้ลูกทำที่มีความมั่นใจในตัวเองแลกคืนมา
  • มีความเก่งแถมมา...ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งด้วยค่ะ

สวัสดีครับคุณหมอ เจ๊แซ่เฮคนงาม

เรื่องของเด็กวัยนี้ ต้องมีศาสตร และศิลป์ สำคัญคือ การพูดคุยกับเด็กถ้าพ่อแม่ผลักไส แล้วเด็กจะพึ่งใครได้ อันตรายที่มองเห็นอยู่ มีคำกล่าวว่า"การล่มสลายของสถาบันครอบครัว ที่สถาบันศาสนามิอาจเยียวยา ฤาว่าถึงมาแล้ววันี้

อ่านบันทึกนี้ของพี่หมอเจ๊แล้ว คิดเหมือนที่เคยคิดมาเสมอๆค่ะว่า เราน่าจะมีโรงเรียนพ่อแม่ ชักชวนกันแลกเปลี่ยนเทคนิคที่จะช่วยให้พื้นฐานที่สำคัญของชีวิตคนทุกคนมีความมั่นคงอบอุ่น เพราะเท่าที่เคยฟัง เคยเห็นและจากการที่เราเรียนรู้การเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง พบว่าความเข้าใจ การรับฟังนี่แหละค่ะสำคัญที่สุด และถ้าทำได้แล้ว ไม่ว่าครอบครัวไหนๆก็คงจะได้ประโยชน์กันทั้งพ่อแม่และลูกๆ

สะท้อนใจแทนหนุ่มคนนี้ ดีใจที่เขาได้พูดคุยกับพี่หมอเจ๊ ที่ทำให้เขารับรู้ว่ามีคนเข้าใจ

ดีใจด้วยอีกอย่างตรงที่ได้ทราบว่า มีครูแบบครูแป๋มที่จะช่วยให้เด็กอีกจำนวนหนึ่ง ได้มีที่พึ่ง มีคนเข้าใจ เพื่อที่เขาจะได้เป็นพลังของสังคม แทนที่จะเป็นภาระ  เพียงเพราะเราผู้ใหญ่ไม่ได้ให้โอกาสพวกเขา

ขอบคุณค่ะ พี่หมอเจ๊

  • บังหีม--ผู้เฒ่าnatachoei-- ค่ะ
  • ...........
  • วิถีของเด็กคนนี้ เติบโตมาในครอบครัวที่ใช่จะยากจนซะเมื่อไร
  • ...........
  • เท่าที่ได้รู้ เวลาได้คุยกันระหว่างพ่อแม่ลูกแทบไม่มี
  • ...........
  • ทุกครั้งที่ได้คุย เป็นเรื่องราวที่บ่งบอกว่า
  • ...........
  • พ่อแม่ไม่ไว้ใจเขาเอาซะเลย
  • ...........
  • บางครั้งก็มีคำรุนแรงต่อว่าออกมาจากปากพ่อ
  • ...........
  • บางครั้งกิริยาแม่ก็ตรงข้ามกับคำพูดที่บอกว่าเชื่อเขา
  • ...........
  • มันสร้างความสับสน และดูเหมือนว่า
  • ...........
  • เขาถูกสะกดจิตให้เข้าใจว่า "ตัวเขาไร้น้ำยา" อยู่ตลอดเวลาจากคนรอบข้าง ทั้งที่เขาหัวดี แต่กลับมาล้มเหลว
  • ...........
  • จะโทษใครดีละที่ทำให้เขามีจิตใจไม่มั่นคงอ่ะค่ะ
  • น้อง โอ๋-อโณ จ๋า
  • ดีใจขนาดที่น้องโอ๋มาเยี่ยมเยียน
  • ในช่วงหลังๆ พี่ไม่ว่างเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะที่อนุทินเลยค่ะ
  • ........
  • พี่ใคร่ครวญแล้วตั้งแต่เจอพ่อแม่
  • ว่าสมควรที่เขาจะต้องไปเข้าโรงเรียนพ่อแม่ค่ะน้อง
  • ........
  • พยายามหลายรอบที่จะชวนพ่อแม่ไปเข้าให้ได้
  • แต่ยังไม่สำเร็จ
  • หรือว่าเป็นเพราะทั้งคู่ห่วงตัวเองและกลัวด้วย
  • เลยยิ่งสับสนในการตัดสินใจ
  • แล้วทำให้ดูเหมือนเขาห่วงงานซะมากกว่าลูก
  • ........
  • ดูเหมือนหนุ่มน้อยเขาไม่ไว้ใจผู้ใหญ่ไปวะแล้ว
  • จึงทำให้เขาไม่ใคร่ยอมมาบ้านพี่หากไม่บอกว่ามีธุระจะไหว้วาน
  • ........
  • แต่ว่าอย่างน้อยที่ได้คุยด้วยนั้น
  • เขาก็รับรู้แล้วว่าพี่เข้าใจตัวเขา
  • ........
  • การกระทำบางอย่างที่เกิดขึ้นต่อมา
  • บอกกับตัวพี่ว่าหนุ่มน้อยยังกลัวที่จะเผชิญคำตัดสินที่เกิดจากผู้ใหญ่ค่ะน้องโอ๋

สวัสดีค่ะ

* เด็กๆ กลัวคำตัดสินจากผู้ใหญ่

* เด็กๆ จึงสร้างเครื่องป้องกัน

* การเป็นเพื่อนกับเด็กๆ อาจช่วยได้ในบางครั้ง

* สุขกายสุขใจนะคะ

        

ขออนุญาตเข้ามาเรียนรู้อีกเช่นเคยครับอาจารย์หมอ พอมีประสบการณ์บ้าง ผมมีลูก 2 คนตอนนี้อายุก็ 28 และ 27 ปี ในบันทึกเห็นด้วยครับมเองก็เคยเป็นแบบนี้ "พ่อแม่รังแกฉัน"

  • ครู นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง) ค่ะ
  • เด็กๆนะเขากลัวคำตัดสินของผู้ใหญ่
  • ก็เพราะว่าเขากลัวว่าเขาจะตัดสินตัวเองไปด้วย
  • ................
  • การที่เขาตัดสินตัวเองทำให้เขานั้นขาดอิสระที่มีค่ะ
  • ................
  • ความกลัวสิ่งนี้ตะหากที่ทำให้เขาสร้างเกราะป้องกันตัว
  • แม้ว่าการกระทำบางอย่างที่เขาทำลงไป
  • จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเขา....เขาก็ไม่แคร์
  • ตราบใดเจ้าสิ่งที่ทำยังทำให้เขา
  • ยังมีความรู้สึกดีกับตัวเขาเองได้
  • ...............
  • ครูค่ะเมื่อหมอเจ๊เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ มากขึ้นๆ
  • ตัวเองรู้สึกเลยว่า ความสุขของคนก็เป็นเรื่องที่พึงระวังค่ะ

น่าสงสารหนุ่มน้อยนะคะ

การเปิดใจคุยกันในครอบครัว

ด้วยพ่อแม่ ให้เวลาใกล้ชิด

จะมีส่วนแก้ไขได้ไหมคะพี่หมอ

....

ยังระลึกถึงพี่หมอเจ๊ค่ะ

สวัสดีครับ คุณ หมอเจ็คนสวย ครับ แวะเข้ามาอ่านแล้ว ใจยังสนับสนุนคุณพ่อของเด็กหนุ่ม เหตุนั้นอยากให้เด็กหนุ่มได้ประสบการณ์ชีวิตทั้งแง่ บวก และลบ

สวัสดีค่ะพี่

ชอบมาอ่านเรื่องราวที่พี่เล่าค่ะ...

คนไม่มีรากอยู่ในครอบครัวที่ "ยอมรับ" ลูก ๆ

ตอนเด็ก ๆ คนไม่มีรากเคยเป็นเด็กติดอ่างค่ะ แถมไม่ยอมไปโรงเรียน เพราะไม่เหมือนคนอื่น เขียนหนังสือทั้งสองมือ .... ฯลฯ ล้วนแต่ที่เขาบอกว่า.... "แปลก"

พ่อแม่ซึ่งเป็นคนจีน ทำมาหากิน และไม่มีความรู้แม้ภาษาไทย ... ก็พยายามเข้าใจ หาข้อมูลเพื่อช่วยลูกสาว จนได้รับการดูแล และ ผ่าน ความแปลกนั้นมาค่ะ....

นี่เป็นตัวอย่างเลยว่า...ครอบครัวสำคัญมาก ในการโอบอุ้มให้เด็กผ่านอุปสรรค ในชีวิตมาได้

ขอบคุณพี่ค่ะ

(^__^)

 

สวัสดีค่ะ

  • วันนี้ท่านพ่อครูบา คุณหมอ คุณราณีและพระคุณเจ้าหลวงพี่ติ๊กได้ไปเยี่ยมที่โรงเรียนค่ะ
  • ไปแบบไม่..บอกให้ทราบค่ะ ตอนแรกได้โทรไปหาท่านพ่อครูบาถามไถ่ว่ามีรายการจะไปที่ใดบ้าง  ท่านบอกไปหลายแห่ง
  • ไม่นานก็ถึงโรงเรียนเลยค่ะ อยู่ที่โรงเรียนเกือบสองชั่วโมง ได้รับการบ้านทั้งครูและเด็กค่ะ
  • ซาบซึ้งใจมากค่ะ ท่านพ่อครูบาและคณะได้ให้กำลังใจ ทำให้มองเห็นอะไร ๆ อยู่ข้างหน้าอีกมากมาย แต่..มีจุดหมายค่ะ
  • คงจะได้เล่าผ่านบันทึกต่อไปค่ะ
  • น้อง หนุ่ม กร~natadee ค่ะ
  • ดีใจแทนเด็กหนุ่มที่มีคนเข้าใจค่ะ
  • เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบ้าน
  • มีพี่ชายอีกสองคนที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการเรียน
  • ..........
  • การที่เขากลายเป็นอย่างนี้เพราะเขาขาดน้ำหล่อเลี้ยงใจ
  • มีแต่ได้วัตถุที่เรียกร้อง...จนไม่รู้ว่าในใจต้องการอะไรกันแน่
  • ความสับสนทำให้เขาเป็นอย่างนี้
  • ความสับสนของพ่อแม่ยิ่งซ้ำเติมเขาค่ะ
  • สับสนที่อ่านลูกไม่ออกว่าเขาต้องการอะไร

สวัสดีคะพี่หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ

  • มาร่วมให้กำลังใจหนุ่มน้อยนะคะ
  • สำคัญเลยคือความรักความเข้าใจของคนในครอบครัวนะคะ
  • มีความสุข ฝันดีนะคะพี่หมอ
  • ด้วยยังระลึกถึง
  • ขอบคุณพี่หมอเจ้ สำหรับคำแนะนะดีๆ เรื่องพ่อด้วยะคะ
  • ฝันดีคะ

สวัสดีค่ะ พี่หมอเจ๊

ใยมดเพิ่งได้เห็นบันทึกใหม่พี่หมอเจ๊วันนี้เองค่ะ

เด็กหนุ่ม คำว่าเด็กหนุ่ม อายุเท่าไหร่แล้วค่ะ

แถวบ้านใยมดก็มีอยู่คนนึง  เวลาใยมดเห็นต้อม อายุ 21 ปีแล้ว

ต้อมไม่เรียนหนังสือ ต้อมไม่ทำงาน

ต้อมมีแฟน และต้อมก็ทะเลาะกับแม่ของต้อมอยู่บ่อยๆ

ใยมดได้แต่ดูต้อม แล้วก็ดูตัวเอง ทำไมใยมดทำงานตั้งแต่อายุ 19 และก็ไม่มีใครบังคับ แต่อยากจะทำงาน

ทั้ง ๆที่ใครๆ ก็บอกว่าใยมดไม่ต้องทำงาน ใยมดก็มีเงินกินไปทั้งชาติแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็ได้ แต่ใยมดก็ชอบที่จะทำงานค่ะ

ส่วนต้อม ไม่มีงานทำ ขืนอยู่อย่างนี้ต่อไป อนาคตมีแต่จะแย่ เพราะพ่อแม่ก็ไม่มีสมบัติจะให้ แต่ต้อมก็ไม่เคยคิดที่จะทำงานเลย ได้แต่ไปเรื่อย ๆ ตามเพื่อนขอกันไปวัน ๆ ขอแม่บ้าง ขอเพื่อนบ้าง

แม่ของต้อม ได้แต่พูดว่า เมื่อไหร่ต้อมมันจะคิดได้ส่ะที หนักใจจริง ๆ แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม่ก็เลี้ยงต้อมมาได้เท่านี้แหละ ถึงแม้ว่าแม่จะไม่มีเงินเหมือนคนอื่น แต่พี่ ๆ คนอื่น เค้าก็ขวนขวายหางานทำกัน ก่อสร้าง ค้าขาย แต่ต้อมไม่เอาอะไรเลย

แม่ของต้อมพูดว่า ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะทำยังไงต้อมก็ไม่เชื่อฟังใครเลย

ใยมดอ่านบันทึกนี้แล้วนึกถึงต้อมค่ะ ไม่มีใครที่จะช่วยต้อมได้ นอกจากตัวต้อมเอง ที่จะคิดว่าชีวิตต้อมจะเป็นยังไง

ในเมื่อตอนนี้ ต้อมเค้าอาจจะคิดว่า ชีวิตของเค้าที่เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้ว เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ไม่ทำงาน ในขณะที่คนอื่น ๆ มองว่า มันไม่ถูกน่ะ โตแล้วก็ต้องทำงาน

และเด็กหนุ่มคนนี้ที่พี่หมอเจ๊พูดถึง ใยมดก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่เค้าไม่พูดว่าเค้าได้เจออะไรมา นอกจากสิ่งที่เค้าเป็นอยู่คือ การไม่ได้รับความเชื่อใจจากพ่อแม่ เด็กหนุ่มคนนี้ น่าจะมีความมั่นใจและเชื่อใจตัวเองให้ได้สักครึ่งหนึ่งของต้อมน่ะค่ะ ดูต้อมสิ คนอื่นว่าผิดน่ะ ที่ไม่ยอมทำงาน แต่ต้อมก็ไม่รู้สึกอะไร ไม่คิดว่ามันผิดน่ะ ต้อมยังอยู่กับตัวเองโดยไม่คิดที่จะทำงาน

ส่วนเด็กหนุ่มคนนี้ ก็น่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับตนเอง มากกว่าการได้รับความไว้ใจจากพ่อแม่ พ่อแม่บางคนไว้ใจลูกเกือบตาย ลูกผิดก็บอกว่าไม่ผิด ทัง ๆ ที่มันผิด หากเป็นใยมด ใยมดไม่ต้องการความไว้ใจจากใครค่ะ แต่อยากได้คำสั่งสอนจากผู้ใหญ่มากกว่า ใครก็ได้ที่ตั้งใจจริง และปรารถนาจะให้เราได้เรียนรู้ว่าอันไหนดีน่ะ อันไหนชั่วน่ะ

ส่วนความไว้ใจที่จะได้รับกลับมา มันจะเกิดขึ้นเองในภายหลัง เพราะเราไม่สามารถไปสร้างความไว้ใจให้ใครมีให้เราได้ ว่ามันจะมากน้อยขนาดไหน มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ว่าเราทำอะไรน่ะค่ะ

อิอิ คิดถึงพี่หมอเจ๊ค่ะ แต่ช่วงนี้ใยมดไม่ได้เขียนบันทึกเรื่องราวส่วนตัวเลย เอาแต่ FW:Mail มาลงบันทึก เพราะช่วงนี้งานเยอะ และต้องเตรียมตัว อารธนาธรรมแล้วค่ะ ใยมดตื่นเต้นมาก ๆ เลยน่ะค่ะ

ขอให้พี่หมอเจ๊มีความสุขสุขภาพแข็งแรงค่ะ

 

  • คุณน้อง เหรียญชัย เหรียญชัย มาวงษ์ ค่ะ
  • พี่เห็นว่า การดูแลลูกให้เป็นคนที่มั่นคง ไม่สับสนใจ
  • จนเกิดมีความภูมิใจในตัวเองนะ คุณพ่อมีความสำคัญต่อเรื่องนี้สูงมาก
  • ..............
  • เห็นด้วยว่า คุณพ่อควรจะให้โอกาสลูกที่จะมีบทเรียนทั้งแง่บวกและแง่ลบ
  • แต่เด็กที่จะสามารถผ่านพ้นบทเรียนทั้งแง่ลบและบวก เขาต้องการกำลังใจจากความภูมิใจในตัวเองของเขาด้วยค่ะ เขาจึงสามารถจะได้ประโยชน์จากบทเรียนทั้งสองมุมที่ทำให้เขาเติบโตอย่างไม่มีปัญหาในอารมณ์สะสม
  • ..............
  • แต่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ เขาขาดความภาคภูมิใจในตัวเขาค่ะ
  • ..............
  • ความหมายของหมอเจ๊ที่เขียนไปว่า
  • พ่อแม่ซ้ำเติมเขานั้น
  • เพราะว่า.....มันไปทำให้เขาสมใจอยาก
  • อีตรงที่เขามักเลือกบทที่ให้ผลในด้านลบกับตัวเองซะบ่อยๆ
  • เขาไม่รู้ตัวว่าเขาทำลงไปเพื่อที่จะสนองความภูมิใจของเขา
  • ...............
  • เพราะทุกครั้งที่เขาทำ
  • มันสามารถทำให้พ่อแม่หรือใครๆหันมาสนใจเขาทันทีค่ะ
  • ...............
  • เราผู้ใหญ่ไม่ใคร่รู้ว่ามีกลไกอย่างนี้ในตัวของเด็กๆนะค่ะ
  • ...............
  • มันคล้ายๆกับเรื่องความรู้สึกของผู้ชาย ที่เลือกจะกินเหล้าในเวลาเสียใจเพื่อเรียกร้องให้ผู้หญิงที่ตนรัก หันกลับมาใส่ใจนะแหละค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่..คุณหมอ

  • น้องโก๊ะ คนไม่มีราก ค่ะ
  • ...........
  • แท้จริงแล้วครอบครัวคือหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคมค่ะ
  • ..................
  • เปรียบเทียบแล้วคล้ายๆกับเซลล์กับอวัยวะแหละค่ะน้อง
  • เซลล์คือหน่วยที่เล็กที่สุดของอวัยวะ
  • แต่ในเซลล์ก็ยังมีอะไรอยู่อีกมากมายซึ่งจะมองเห็นและรู้จักได้ต้องใช้เทคโนโลยีนาโน
  • ..................
  • อวัยวะที่เป็นมะเร็งเกิดจากมีเซลล์ร้ายๆที่ก่อตัวขึ้นที่ละเซลล์
  • .................
  • สังคมก็เช่นกัน สังคมที่อบอุ่นก็ก่อตัวขึ้นมาจากครอบครัวที่อบอุ่นหลายๆครอบครัว
  • .................
  • หากครอบครัวล่มสลาย สังคมก็ล่มไปด้วย
  • สังคมล่ม ชาติก็ล่มด้วยค่ะน้อง
  • .................
  • ครอบครัวจึงเป็นหน่วยสำคัญที่คนในชาติทุกบทบาทควรใส่ใจทำให้มันเป็นครอบครัวที่อบอุ่นค่ะน้อง
  • .................
  • ใครที่เคยพบว่า ความไม่อบอุ่นในครอบครัวเป็นเช่นไร จะเข้าใจดีว่า มันได้ทำให้คนในครอบครัวบาดเจ็บทางใจมากแค่ไหนค่ะ
  • ................
  • ใครที่เคยพบกับความอบอุ่นในใจจากครอบครัวมาแล้วเท่านั้น ที่จะบอกได้ว่า ทำไมจึงโหยหาที่จะให้มันอยู่ด้วยตลอดไป
  • ................
  • ในฐานะน้องเป็นครู ฝากน้องช่วยเด็กๆให้ผจญและผ่านอุปสรรคในการเรียนรู้จากครอบครัว ทั้งจากพ่อแม่พี่น้องญาติ และครอบครัวใหญ่อย่างในโรงเรียนด้วยนะค่ะ
  • ...............
  • นี่คือการลงมือทำทันที บนทางที่ปูไว้ให้แล้วทางหนึ่งค่ะน้องขา
  • ซึ่งเป็นการลงมือที่พี่เชื่อว่าองค์พ่อหลวงทรงปรารถนาจะเห็นผลของมันในทางที่ดีขึ้นๆ
  • ขอบคุณค่ะ
  • ครูคิม ค่ะ
  • พี่ไปแวะเยี่ยมเจ้าลิงน้อยของครูทั้งห้าคนแล้วนะค่ะครูขา
  • แต่ก็เอะใจกับแววตาของเด็กคนนี้ค่ะhttp://gotoknow.org/blog/cake35/226929
  • มันบอกเหมือนว่าเขามีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจลึกๆนะค่ะครู
  • หรือว่าตัวพี่รู้สึกไปเองนะนี่

สวัสดีค่ะ

  • มีส่วนค่ะคุณพี่
  • อยู่ระหว่างตัดสินนะคะ
  • ว่าจะพาน้องคนนี้ไปด้วยค่ะ
  • ย้ายมาจากโรงเรียนในเมืองค่ะ
  • น้องฟ้า น้องเจิน ไปแน่นอนค่ะ
  • น้องฟ้าและน้องบราวน์ หนึ่งใน สิบสองค่ะ
  • น้อง ใยมดฮ่ะ..เย้ๆๆๆๆๆ ค่ะ
  • สาเหตุที่ต้อมไม่ทำงานมาจากเรื่องนี้ค่ะน้อง
  • ต้อมก็ทะเลาะกับแม่ของต้อมอยู่บ่อยๆ
  • เพราะมันทำให้ต้อมไม่กล้าภูมิใจในตัวเองค่ะ
  • ..............
  • แล้วทำให้เขาคิดไปอย่างน้องว่าค่ะ
  • ต้อมเค้าอาจจะคิดว่า ชีวิตของเค้าที่เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้ว เค้าไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ไม่ทำงาน ในขณะที่คนอื่น ๆ มองว่า มันไม่ถูกน่ะ โตแล้วก็ต้องทำงาน
  • การคิดอย่างนี้ ไม่มีผิดมีแต่ถูก เพราะว่าถูกทั้งคู่ ขึ้นกับว่าใครคนคิด คนนั้นตัดสินค่ะน้อง
  • ...............
  • ถูก ผิด จึงไม่ใช่มีความหมายตายตัว แต่ว่ามันขึ้นกับการให้ค่าโดยใครค่ะน้องขา
  • ...............
  • เด็กหนุ่มคนนี้ น่าจะมีความมั่นใจและเชื่อใจตัวเอง
  • เขามีในส่วนที่เขามั่นใจว่า เขาทำให้พ่อแม่ไม่สบายใจได้แน่นอน 
  • แต่เขาไม่เชื่อใจว่า สิ่งที่เขาทำนั้น เขาตัดสินให้ค่าว่า "ถูก" นี่คือความสับสนที่พี่ว่าอยู่ในใจเขาค่ะ
  • ...............
  • พี่ขออนุโมทนากับสิ่งที่กำลังจะทำนะค่ะ
  • ครูคิม ค่ะ
  • อยากรู้เรื่องพ่อแม่ของลูกสาวคนนี้ค่ะครูhttp://gotoknow.org/blog/pharah/236895
  • ...................
  • ส่วนลูกชายคนนี้ ดูเหมือนครูได้ช่วยให้เกิดสติขึ้นมาแล้ว
  • ต้นไม้ปัญญาของเขากำลังมีการเติบโตขึ้นภายใน
  • หล่อเลี้ยงเขาดีๆนะค่ะครูคิมเจ้าขา
  • ทำง่ายๆแค่การสะท้อนให้เขาได้คิดวิเคราะห์ตัวเองทุกเมื่อ
  • พี่ว่าพอค่ะครู
  • http://gotoknow.org/blog/bowawo/236903
  • ระวังอยู่ก็แต่การสะท้อนที่เผลอไปกดดันเขานะค่ะ นะค่ะ
  • ................... 
  • การไปสวนป่าของลูกสาวคนนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งที่จะมาใช้กับตัวเองและใช้ช่วยเพื่อนๆด้วยกัน
  • พี่ว่าในบรรดาเด็กทั้งหมดที่ครูเอามาเล่า คนที่เครียดและกังวลมากที่สุดคือลูกสาวคนนี้ค่ะครู
  • http://gotoknow.org/blog/jernapa/236888
  • เสียดายที่ครั้งนี้โก๊ะจิจังไม่ได้ไปด้วย
  • ถ้าหากได้ไปด้วยจะช่วยเธอได้มากค่ะครู
  • ..................
  • ดีใจที่ได้พบตัวเป็นๆของกันและกันค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่

  • ทั้งหมดเป็นเด็กบ้านแตกค่ะ
  • น้องจะให้เขาเล่าเองนะคะ
  • ในบันทึกของเขาค่ะ
  • เพราะเขาเคยเขียนถึงน้องค่ะ
  • น้องฟ้าเขียนถึงน้องเล่าความสาหัสทุกข์ยากของตนเองตั้งแต่อยู่ ป.5 ค่ะ
  • น้องเจิน..เล่าบ่อย ๆทั้งเขียนและคุยกันค่ะ
  • น้องบราวน์มีพ่อแม่เพียงแต่อยู่กับตาค่ะ

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ้ คนสวย

  • พี่หมอเจ้ กับคุณครูป้าคิม 
  • วิเคราะห์ได้ละเอียดีจังเลยค่ะ
  • เทียนน้อยขอเรียนรู้ด้วยนะคะ
  • ดีใจจังเลยค่ะ
  • ดีใจกับเด็กๆ
  • ขอเรียนรู้วิธีการไปกับแม่ครูทั้งสองนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ

 

หมอกับครูพบกันมักจะมีเรื่องดีๆมานำเสนอ

สวัสดีค่ะ

* เข้ามาขอบคุณค่ะ

  • แม้ว่าการกระทำบางอย่างที่เขาทำลงไป
  • จะเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเขา....เขาก็ไม่แคร์
  • ตราบใดเจ้าสิ่งที่ทำยังทำให้เขา
  • ยังมีความรู้สึกดีกับตัวเขาเองได้
  • ...............
  • ครูค่ะเมื่อหมอเจ๊เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ มากขึ้นๆ
  • ตัวเองรู้สึกเลยว่า ความสุขของคนก็เป็นเรื่องที่พึงระวังค่ะ
  •       Sdc18171

    • อาจารย์ นาง พรรณา ผิวเผือก (ไม่มีชื่อกลาง) ค่ะ
    • .............
    • เด็กหนุ่มคนนี้ คือ ผู้ที่กระตุกให้หมอเจ๊ทำความเข้าใจกับคำว่า "ความสุข" ค่ะ
    • .............
    • เมื่อไม่กี่วันก่อน หมอเจ๊ได้มีโอกาสคุยกับแม่ของเขา
    • เธอเล่าหมอเจ๊ว่า เมื่อลูกอยากได้อะไร
    • เธอจะรีบหามาให้ทันที
    • เดี๋ยวนี้ เมื่อเธอให้อะไรไม่ทันใจลูกคนนี้
    • ลูกจะแสดงอารมณ์โกรธออกมาให้เห็น
    • เมื่อลูกแสดงอารมณ์โกรธออกมาแล้ว
    • เธอก็รีบให้เพื่อให้จบเรื่องราว
    • ..............
    • หมอเจ๊ถามต่อไปว่า
    • ได้คุยกันก่อนให้รึเปล่า
    • เธอบอกว่าไม่ได้คุยหรอก
    • เพราะลูกมาขอตอนที่เธอทำงานอยู่
    • เธอกำลังอยู่กับลูกค้า
    • .............
    • หมอเจ๊ถามว่างั้นทั้งพ่อแม่ก็ไม่ได้คุยกับลูกซีนะ
    • เธอบอกว่าได้คุยนะแหละ
    • เวลาคุยก็บอกดีๆว่า อย่าทำอย่างนั้น อย่าทำอย่างนี้เลย
    • .............
    • ครูรู้สึกอย่างไรต่อตัวเองบ้างค่ะ ถ้าคำพูดอย่างนี้มีคนพูดเขากำลังบอกตัวครูเอง
    • ............
    • หมอเจ๊ว่าเด็กหนุ่มเขาก็คงรู้สึกอย่างที่ครูรู้สึกกับตัวเองค่ะ
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท