หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ส่งการบ้านครูบา(เจ้าเป็นมาอย่างไร๑๗)


เมื่อมีเรื่องที่เป็นอุปสรรคและมีผลกระทบเป็นปมปัญหาในใจ คนที่คลายปมเพื่อเยียวยาใจได้มีแต่ตนเองเท่านั้น หาใช่ใครคนอื่นไม่

ถึงแม้รอบข้างตัวเธอจะมีคนที่เข้าใจเธออยู่ก็ตาม เมฆหมอกที่ผ่านเข้ามาในชีวิตติดๆกันเป็นเวลาสองปีมีผลต่อวิถีของสาวน้อยเช่นกัน  จากการเป็นคนที่ซอกแซกชอบลองชอบเล่นชอบสังเกตไปเรื่อยกลับกลายเป็นคนเศร้าๆไม่ยิ้มหัวกับใครจนกระทั่งมันติดเป็นนิสัยกลายเป็นสาวยิ้มยาก  บุคลิกที่คนมองเห็นจึงคล้ายเป็นสาวน้อยที่ไม่คบใครซะนี่ อารมณ์ที่อยู่ในช่วงนี้มันเศร้ามันซึมพิกล เธอบอกว่าจำได้ว่าเวลาดูหนังน้ำตามันไหลออกตาง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นเลยเชียว  อิทธิพลของอารมณ์ทำให้เธอไม่สนใจใคร เวลาที่เรียนอยู่ที่ใหม่เธอก็จับกลุ่มอยู่แต่กับเพื่อนๆที่ไปจากมหาลัยเก่า 2 คนเท่านั้นเอง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจำไม่ได้ว่ามีใครอยู่บ้างที่เรียนร่วมรุ่นกันมา

 

หลังจากเรียนอยู่ที่มหาลัยใหม่ครบสองปี มหาลัยได้ให้แจ้งคณะที่ขอเรียนต่อเธอขอเข้าเรียนคณะแพทย์ซึ่งมีให้เลือกเรียนได้สองแห่งที่นี่ หนึ่งคือรามาธิบดีที่เป็นคณะแพทย์ใหม่อยู่ หนึ่งคือศิริราชฯซึ่งเป็นคณะแพทย์ที่เก่าแก่มานานแล้ว  การคัดเลือกเขาให้เข้าสอบสัมภาษณ์ซึ่งไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าจะเจอคำถามอะไรแล้วควรตอบอย่างไรล่วงหน้ากันเลยแหละน่า ทีมสัมภาษณ์มีอาจารย์หมอมานั่งอยู่เต็มโต๊ะยาว ถ้าเธอจำไม่ผิดนั่งเป็นสิบเห็นจะได้ใครเข้าไปแล้วประหม่าเลยเชียวหละ สิ่งที่สัมภาษณ์นั้นเป็นเรื่องชวนคุยทั่วๆไปเป็นเรื่องที่เธอแปลกใจคุยกันแค่เรื่องเหล่านี้ อาจารย์หมอสามารถประเมินทัศนคติและความคิดความตระหนักในตัวนักศึกษาได้

 

เธอไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่เธอคุยให้ฟังแล้วทำให้อาจารย์หมอตัดสินให้เธอผ่านสอบสัมภาษณ์เข้าคณะแพทย์ต่อได้  เธอข้ามฟากไปเรียนฝั่งธนได้ตามใจปรารถนา เธอได้แต่เดาไปว่าเพราะอาจารย์เห็นว่าเธอมีจิตใจที่เป็นมนุษย์กระมัง อีกทั้งคงมองเห็นว่าเธอมั่นคงเพียงพอที่จะจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ เหตุที่เดาอย่างนี้เพราะว่าเธอร้องไห้ให้อาจารย์ได้เห็นเมื่ออาจารย์ถามว่าทำไมอยากเป็นหมอนะเอง เรื่องที่เธอทำให้เธอร้องไห้ออกมาเป็นเรื่องการเล่าถึงการเจ็บป่วยของแม่ เธอบอกความตั้งใจว่าเธอแค่เสนอตัวมาให้อาจารย์เลือกและยินดีหากว่าความสามารถที่มีสามารถนำไปใช้ช่วยคนอื่นได้ ถ้าหากว่าความสามารถไม่พอแล้วไม่ได้รับเลือกเข้าเรียนหมอก็ไม่เป็นไรหรอกหนา

 

เมื่อแม่เสียชีวิตไปแล้วพ่อเธอใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ข่าวที่เธอได้ยินผ่านหูคือทุกคืนก่อนตาหลับลงพ่อมีชีวิตอยู่แต่นอกบ้านเท่านั้น วนเวียนอยู่แต่ในหมู่เพื่อนฝูงคึกคักกับการเต้นรำและดื่มเหล้าไปตามประสาจนเมาแล้วจึงกลับบ้าน มันเป็นสิ่งที่พ่อไม่เคยทำมาก่อนหน้าแต่เริ่มทำเมื่อแม่จากไปแล้วนี่แหละ  พ่อยังไม่มีอาชีพที่สร้างรายได้เข้ามาอยู่นานเชียวและพ่อไม่เคยส่งข่าวให้รู้ว่าพ่อกินอยู่อย่างไร เธอมารู้เรื่องทั้งหลายเมื่อเรียนจบมาแล้วว่าแรกๆนะพ่อใช้เงินกู้จากธนาคารใช้จ่ายต่อมาจึงได้เงินมาสำรองใช้จากการไปขอเงินลุงมา แล้วก็มีเงินค่าเช่าบ้าน 2 หลังที่ทำให้มีอยู่มีกิน พ่อให้เธอรับรู้แต่ว่าเงินที่ส่งมาให้ใช้จ่ายนั้นส่งผ่านธนาคารมาให้เธอเป็นรายเดือน ซึ่งเธอเพิ่งรู้ทีหลังว่ามันเป็นเงินกู้จากธนาคารแห่งหนึ่งที่พ่อนำเอาที่ดินผืนหนึ่งไปค้ำประกันมันไว้ นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นที่พ่อได้สอนให้เธอวางแผนให้เป็น ทุกๆเดือนมีเงินโอนมาให้จำนวนและเวลาส่งมาถึงมือแน่นอน  ใช้พอหรือไม่พออย่างไรจึงขึ้นกับฝีมือวางแผนใช้จ่ายของตัวเอง

 

ปีแรกที่เรียนที่ศิริราช เธอต้องปรับตัวอีกครั้งกับที่อยู่ใหม่และเพื่อนรอบข้าง ชีวิตของหอที่นี่สอนเธอหลายอย่างทีเดียว การเรียน การเล่น และการดูแลตัวเองที่นี่ทำให้เธอมีประสบการณ์ใหม่อีกแล้ว นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว สาวน้อยบอกว่าแปลกดี ประสบการณ์ที่ว่านั้นคือการต้องสอบซ่อมเป็นครั้งแรกในชีวิต เรียกว่าชะตากำหนดก็เป็นได้วิชาความรู้ที่ต้องไปซ่อมครั้งนั้นมันเป็นเรื่องในหน้าที่ปัจจุบันที่เธอรับผิดชอบอยู่ค่ะ

 

บทเรียนจากชีวิตจริง

 

เมื่อวัยรุ่นมีปมปัญหาในใจ เขาไม่ได้ต้องการคำปลอบใจหรอก หากแต่เขาต้องการการรับฟังอย่างเงียบๆ เพื่อให้เขามีโอกาสเข้าใจตัวเอง

 

เมื่อวัยรุ่นมีปมปัญหาในใจ ผู้ใหญ่ควรแสดงออกให้เขารู้ว่า รับรู้และยอมรับในปัญหาของเขา พร้อมที่จะให้เวลาเขาเยียวยาตัวเอง และช่วยเยียวยาในสิ่งที่เขาร้องขอ แค่นี้วัยรุ่นก็จะผ่านปมยากๆในใจไปได้ด้วยดี

 

แม้ชีวิตจะมีอุปสรรค ก็ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป เลวร้ายหรือไม่เลวร้าย อยู่ที่ตัวเองเท่านั้นให้ค่า

 

การที่วัยรุ่นมีอะไรที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องของตัวเองซะบ้าง ทำให้เขาได้ฝึกตนและเรียนรู้ เป็นการสอนที่มีตัวเขาเป็นครู และได้ทักษะการวิเคราะห์ติดตัวโดยไม่ต้องเอ่ยสอน

 

 

Keywords :

 

เมื่อมีเรื่องที่เป็นอุปสรรคและมีผลกระทบเป็นปมปัญหาในใจ คนที่คลายปมเพื่อเยียวยาใจได้มีแต่ตนเองเท่านั้น หาใช่ใครคนอื่นไม่

 

การสอบตกหรือสอบซ่อมของผู้เรียนมิใช่ความผิดพลาด แต่เป็นการเรียนรู้ และได้ความคิดวิเคราะห์คืนมาทั้งของผู้สอนและผู้เรียน

หมายเลขบันทึก: 238413เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2009 18:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 04:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

ใยมดไม่เคยเรียนสอบตกเลยค่ะ

จำได้ว่า ตั้งแต่เรียนมา

จะต้องติดอันดับหนึ่งในสามตลอดมาเลย

ตอนจบปริญญาก็ได้ที่สองค่ะ

แต่เดี๋ยวนี้ใยมดเจอเพื่อนเก่า ๆ

เพื่อนที่เค้าเคยลอกการบ้านใยมดทุกวัน

เรียนเกรดเฉลี่ยได้ 2 กว่าเอง

บางคนก็ได้เป็นนางพยาบาล บางคนก็เป็นครู ส่วนใหญ่ก็เป็นดี ๆ กันทั้งนั้น

คนที่ลอกการบ้านใยมด คนที่เค้าบอกว่าเค้าเรียนไม่รู้เรื่องเลย

แสดงว่าไม่ได้เจอกันนาน พอเราต่างแยกย้ายกันไป

เพื่อน ๆ ต่างมีการพัฒนาตนเองกันทั้งนั้น

เรียนจนได้มีอาชีพที่ดี ๆ แสดงว่าเค้ามีความตั้งใจที่จะต้องทำให้ตัวเองเก่งขึ้นมาให้ได้

ส่วนใยมด การเรียนใยมดไม่ค่อยอ่านหนังสือค่ะ อาศัยจำเอาในห้องเรียน และเข้าใจ

พอถึงเวลาสอบก็เลยไม่ต้องอ่านมาก แล้วมันก็เป็นแบบนั้นมาเรื่อย ๆ

ใยมดเจอเพื่อนเก่า เค้าลือกันว่าใยมดเรียนหมอแล้ว

ทุกคนต่างคิดว่าใยมดเก่ง ก็เลยไม่รู้ว่าลือกันได้ยังไง

แต่จริง ๆ แล้ว ใยมดกลับเป็นแค่ลูกจ้างของศูนย์พัฒฯเท่านั้นเอง ไม่ได้เรียนหมอ.ตามที่เค้าลือกัน

แต่ถามว่า ความรู้สึกเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้มีความสุขมากกว่า ตอนที่ได้ทำงานเงินเดือนเยอะ ๆ แต่งตัวสวย ๆ เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยได้รู้จักรักตัวเองเลยค่ะ คงอาจจะเป็นเพราะเรียนอย่างเดียว ไม่ค่อยจะสนใจชีวิตของคนอื่น ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวมั้งค่ะ ชีวิตสุขสบายตลอดเลย มาวันนี้ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างจากคนรอบข้าง อ๋อ...คนเราต้องรักตัวเอง ต้องทำให้ตัวเองดีก่อน เราถึงจะหยิบยื่นความดีให้กับคนอื่นได้บ้าง

ตอนนี้ใยมดรักตัวเอง และไม่ได้แค่เรียนหนังสือไปวัน ๆ เหมือนเมื่อก่อนแล้วน่ะค่ะ ใยมดรู้จักคิดแล้วค่ะ

ขอบคุณพี่หมอเจ๊ และเพื่อน ๆ ทุกคน

ขอให้พี่หมอเจ๊ มีความสุขค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่หมอเจ๊

พอจะมีความรู้เรื่องกระจกมั้ยค่ะ

ช่วยอ่านบันทึกใยมดและแนะนำหน่อยน่ะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่หมอเจ๊

อิอิ พรุ่งนี้วันเสาร์

เราคิดถึงกัน

วันอาทิตย์อย่าลืมฉัน

กินมันติดเหงือกกินเผือกติดฟัน

กินทั้งมันกินทั้งเผือกติดทั้งเหงือกติดทั้งฟัน

ถ้าเป็นแบบนั้น

แสดงว่าฉันติดเธอแล้ว อิอิ

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

ใยมดหาคำตอบได้แล้วน่ะค่ะ

ใยมดรู้แล้วว่าใยมดกลัวอะไร

ใยมดกลัวความจริงค่ะ

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

กอน่ะค่ะ

กอฝากบอกครูคิม ด้วยน่ะค่ะ

ว่ากอรู้แล้วว่ากอกลัวอะไร

กอคงวิ่งหนีมันไม่ได้แล้ว

ยิ่งหนีกอก็จะต้องยิ่งเหนื่อยน่ะค่ะ

พรุ่งนี้กอต้องเริ่มเผชิญความจริงแล้วน่ะค่ะ

คงจะไม่ได้เจอกันสักพัก

แต่รับรองว่า หลังจากที่กอกลับมา

กอคงจะมีเรื่องเล่าให้พี่หมอเจ๊ฟังเยอะแยะเลยค่ะ

ขอบคุณน่ะค่ะ

  • สวัสดีค่ะ พี่หมอเจ๊
  • ทุกสิ่งอย่างอยู่ที่ตัวเราเองจริงๆนะคะ

สวัสดีครับอาจารย์

มีจดหมาย(Emai) มาหาท่านครับ

อยากปรึกษาเรื่องการดูงานครับ

รบกวนด้วยนะครับ ^_^

สวัสดีค่ะ..หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ

  • พี่อมร ไกรเทพเป็นชาวตรังค่ะ
  • ยินดีที่ได้รู้จัก..นะคะ
  • ตอนเด็กๆพี่อมรลำบากมากๆค่ะ
  • ต้องช่วยแม่ขายของตั้งแต่..เรียนป.1
  • ตอนเรียนอนุปริญญา..สอบได้..ไปเรียนยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่ง
  • อุปสรรคสอนคนให้อดทนค่ะ
  • ใยมดฮ่ะ..เย้ๆๆๆๆๆ
  • น้องใยมดเรียนเก่งเนอะ
  • ความเก่งทำให้น้องใยมดคิดเร็วใช่เปล่า
  • ลองฝืนเป็นไม่เก่งดูหน่อยซิค่ะ ลองฝืนเพื่อให้คิดช้าดูหน่อยซิค่ะ สนุกกว่านะค่ะ ไม่ทำให้กลัวความจริงด้วย
  • ..............
  • ขอเวลาหน่อยนะน้อง แล้วจะตามไปอ่านเรื่องกระจกที่เขียนไว้นะค่ะ.....พี่ยุ่งหน่อยค่ะตอนนี้
  • ก้านกอคลับ
  • เหนื่อยละก็นั่งพักนะค่ะ
  • จะได้หยุดไงค่ะ
  • คุยไปทางอีเมล์ได้นะค่ะน้อง
  • pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ]
  • หายไปเลยนะค่ะ
  • เอาไว้เรียนจบแล้วค่อยว่ากันก็ได้ค่ะ
  • เก็บเกี่ยวความรู้เอาไว้ก่อนดีแล้วค่ะ
  • เหนื่อยๆก็หนีไปหากันได้นะค่ะ
  • kmsabai น้องรัก
  • รอ รอ รอ เธอหล่อเธอน่ารักจึงรอนะค่ะ
  • โปรดใช้บริการ โทร โทร โทร ไม่ห้ามโทร
  • อย่าลืมนะค่ะ มีสาวน้อยๆกำลังรอค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท