เป็นมะเร็ง จะทำอะไรได้?เกริ่นนำ


เรื่องนี้เกิดก่อน วันที่ 10 เมษายน 2543

แกะรอยมะ...เร็ง โดย ธันย์ โสภาคย์

          เรื่องที่ท่านกำลังจะอ่าน 7-8 บันทึกต่อเนื่องต่อไปนี้ เป็นเรื่องบันทึกเกี่ยวกับมะเร็ง ที่ถูกค้นพบในโฟลเดอร์หนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์ เข้าใจว่ารอเวลาที่เหมาะสมเผยแพร่ แต่ผู้เขียนมีอันจากโลกนี้ไปเสียก่อน พวกเราลูกหลาน (จอมรื้อค้น) ได้แกะรอยจนเจอ แม้ว่าเรื่องราวจะไม่จบสมบรูณ์แต่ สี่บท ก็ได้รับฉันทานุมัติให้พิมพ์เผยแพร่ในหนังสืออนุสรณ์งานศพของท่าน รวมได้ 11 หน้ากระดาษเอ สี่ แต่ยอดพิมพ์หนังสืออนุสรณ์มีจำนวนเพียง 1,500 เล่ม และหมด (โดยมิได้จำหน่าย) ในช่วงเวลาไม่นานนัก

          แม้วัน เวลาจะผ่านไปนานพอสมควร หนังสือ เมื่อหมอเป็นมะเร็ง ได้รับการพิมพ์ปรับปรุง เกินกว่า 16 ครั้ง ส่วนเรื่องที่พิมพ์เผยแพร่ครั้งเดียวนี้ น่าที่จะนำมาเผยแพร่ใหม่อีกครั้ง แม้จะครั้งเดียว...

          ฉันจึงขออนุญาต แม่ ผู้เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ นำเรื่องนี้มาพิมพ์ เผยแพร่โดยมิได้จำหน่ายอีกครั้งค่ะ

 

         ธันย์ โสภาคย์ เปิดไฟล์แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2543 หลังจากนั้นท่านละทิ้งฐานทัพคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ และจำจากจรไปพำนักในถิ่นฐานเดิมที่เกิดเติบโต ไปพร้อมกองบัญชาการเคลื่อนที่ (Notebook) จากนั้นไม่ได้กลับมาคืนถิ่นฐานแห่งนี้อีกเลย จนกระทั่งหลังวันที่ 28 สิงหาคม 2543

          ดิฉันและพี่น้องลงความเห็นว่า ถึงเรื่องนี้ไม่จบสมบูรณ์ แต่เนื้อหาแต่ละบทแต่ละตอน เรียบเรียงเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ที่จะเป็นกำลังใจผู้ที่ไม่สบายและผู้ใกล้ชิด เราจึงลงมติว่า น่าจะเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่เผชิญชะตารักกับเพื่อนที่ชื่อ มะเร็ง ได้  เรื่องนี้จึงได้พิมพ์เผยแพร่ มีหลักมีฐานขึ้นมา

 

          และในพื้นที่ G2K นี้ มีหลายท่านมีเพื่อนชื่อ มะเร็ง มากเหลือเกิน

มาอ่านสารบัญเรื่องก่อนนะคะ

  • บทนำ  เป็นมะเร็ง จะทำอะไรได้?
  • บทที่หนึ่ง หลังชนกำแพง
  • บทที่สอง เกิดอะไรขึ้นเมื่อหมอบอกว่าท่านเป็นมะเร็ง
  • บทที่สาม ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ความสิ้นหวัง

และจะขออนุญาตต่อด้วยเรื่องราวบางบทบางตอนจากท่านผู้เป็นคุณหมอ ผู้มีประสบการณ์การดูแลสุขภาพองค์รวม นักเขียน  ผู้ที่ร่วมบันทึกเรื่องราวที่จะเป็นประโยชน์ต่อเนื่องในเนื้อหาดังกล่าว ซึ่งจะทำให้เรื่องราวที่ ธันย์ โสภาคย์ เรียบเรียง เกิดประโยชน์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

หมายเลขบันทึก: 240723เขียนเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2009 10:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:16 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)
  • โรคมะเร็งเป็นโรคที่น่ากลัวจริง ๆ
  • ขออย่าให้เกิดกับใครเลย
  • จะแวะมาติดตามตอนต่อ ๆ ไป นะคะ
  • ขอบคุณค่ะ
  • แวะมาชวนไปเวียนเทียน

สวัสดีค่ะ  พี่ดาวลูกไก่

 

.....น่าจะเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่เผชิญชะตารักกับเพื่อนที่ชื่อ “มะเร็ง” ได้.....

น้อง Venus&Jupiter ขอชื่นชมน้ำใจมากมาย ของพี่ดาว คุณแม่ และ ครอบครัว   และ ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วย  ขอบคุณค่ะ 

 รูปดอกไม้นี้ก็ชอบค่ะ   ดูบอบบาง แต่เข้มแข็ง และ แข็งแรงนะคะ.....

 Moon smiles on Venus&Jupiter
http://www.imeem.com/people/lLRVfwt/music/bSld9xgM/charas_butterfly/

รออ่านด้วยหัวใจฟองโต ขออนุโมทนาในเจตนาบุญของน้องดาว และครอบครัวที่มอบบันทึกนี้ให้กับพี่ครูต้อย และทุกๆคนได้อ่าน ขอให้กุศลผลบุญนี้ ส่งผลให้ท่านและครอบครัวมีความสุข ความเจริญทั้งทางโลก และทางธรรม สาธุ

 

  • สวัสดีค่ะคุณดาวลูกไก่ พี่จ๊ะของน้องจ๊ะ
  •  มาติดตามอ่านเรื่องราวของมะเร็ง
  • เรียนรู้เพื่อป้องกัน ขอให้อิ่มบุญกับบันทึกนี้ค่ะ

ดิฉันและพี่น้องลงความเห็นว่า ถึงเรื่องนี้ไม่จบสมบูรณ์ แต่เนื้อหาแต่ละบทแต่ละตอน เรียบเรียงเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ที่จะเป็นกำลังใจผู้ที่ไม่สบายและผู้ใกล้ชิด เราจึงลงมติว่า น่าจะเป็นกำลังใจให้แก่ผู้ที่เผชิญชะตารักกับเพื่อนที่ชื่อ มะเร็ง ได้  เรื่องนี้จึงได้พิมพ์เผยแพร่ มีหลักมีฐานขึ้นมา

....

เรื่องเหล่านี้..เป็นเรื่องดีๆ ในมุม "บวก"  ที่น่าสนใจมากครับ

 

  • สวัสดีค่ะ หลานดาว
  • บันทึกนี้จะเป็นประโยชน์มากๆเลยค่ะ
  • จะติดตามไปเรื่อยๆค่ะ
  • คนใกล้หมอแต่เหมือนไกลค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

 

 

ปล. ขอบคุณสำหรับมื้อเที่ยงด้วยค่ะ กินไปเยอะเล่นเอาง่วงเลยค่ะ

มะเร็ง เป็นสิ่งที่ทุกครกลัว แต่เมื่อ"พ่อเป็นมะเร็ง" พอหมอบอกว่า พ่อเป็นมะเร็งระยะที่3 ที่กระเพาะ ถ้าไม่ผ่าตัด พ่อจะอยู่ได้ประมาณถ้าผ่าจะอยู่ได้ 2 ปี ถ้าไม่ผ่า จะอยู่ได้ 6 เดือน หมอที่สถาบันมะเร็งนะบอก ในฐานะเป็นลูกเหมือนโลกเหวี่ยงเรากระเด็นตุบที่แห้งแล้ง น่ากลัว มันทรมาณ แอบร้องไห้ไห้ห่อเห็น รู้ไม๊ตัวพ่อเองก็เดินกลับรถไม่ได้เลย ต้องพยุง หลังจากนั้นพ่อก็ไม่ยอมเดินอีกเลย นอนอย่างเดียว ก่อนเข้ารับการรักษาที่สถาบันมะเร็ง พ่อแข็งแรง อยู่กับต้นไม้ตลอด ไม่เคยป่วยเลยเกือบตลอดชีวิต ใจพ่อคงตก และไม่สู้ พ่อกลัวเป็นมะเร็งมากเพราะปู่ก็เป็นมะเร็ง จะบอกพ่อเสมอว่า มะเร็งมาอยู่กับเรา ให้อยู่อย่างผู้อาศัยนะ มันไม่ชอบผัก มันชอบเนื้อสัตว์ เรากินผักเยอะๆ มันก็อยู่ไม่ได้เองนะแหละ พ่อนอนรักษาตัวอยู่สถานบันฯ 24 วัน ก็เสียชีวิต

พ่อได้กำลังใจจากคนรอบข้างทุกคนเป็นอย่างดี แต่พ่อไม่มีความสุขเลย เมื่อรู้ว่าเป็นมะเร็ง พ่อหงุดหงิดตลอดเวลาไม่มีใครเข้าหน้าติดเลย ทั้งที่ปกติพ่อเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน หัวเราะเก่ง ทุกคนจะชอบอยู่ใกล้พ่อเพราะเป็นคนคุยสนุก

ผู้ป่วยต้องสู้ด้วย จึงจะชนะมะเร็งได้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ

การอบรมในวันนี้  วิทยากรได้หยิบยกเรื่อง "มะเร็ง"  มาคุยด้วยนะครับ

ดดยอิงไปสู่แนวคิดว่า  ความเครียด เป็นความเสี่ยงอันสำคัญของการเกิดมะเร็ง  ดังนั้น  การมองโลกในแง่ดี..แง่บวก  จึงเป็นการช่วยป้องกันตัวเองจากการเกิดโรคมะเร็ง

แวะมาอีกรอบ..ครับ

เรียน ท่านดาวลูกไก่น้องพี่สีชมพู ขอบพระคุณครับ

  • หนังสือเล่มนี้ได้รับเป็นของที่ระลึกจากครอบครัวดาวลูกไก่พร้อมสมุดบันทึกเล็กด้วยครับ

สวัสดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ ขอบคุณประสบการณ์ใกล้ชิดของคุณ งูเขียวหางไหม้ ด้วยค่ะ

ขออนุญาตนำบางส่วนมาเล่าเพิ่มนะคะ

บางส่วนของเรา(ในฐานะลูกๆ)

          “…เมื่อพ่อเริ่มป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่อเดือนกันยายน 2541 นำความตกใจและสะเทือนขวัญมาสู่ครอบครัวเราอย่างสุง พ่อพูดกับพวกเราว่า พ่อขอโทษที่พ่อประมาทไป ลูกบอกพ่อว่า ไม่มีใครโกรธหรือโทษว่าเป็นความผิดของพ่อเลย เรื่องเจ็บป่วย ใครๆ ก็เป็นได้ เมื่อพ่อทราบว่ามะเร็งที่พ่อเป็นนั้นลุกลามมากแล้ว พ่อเอ่ยปากขอสิ่งหนึ่งกับลูกว่า ขอให้พ่อมีชีวิตอยู่อย่างคนปกติ ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ภายในเวลาอีกแค่สองปี นับจากนี้ได้ไหม แทนที่จะให้พ่อมีชีวิตอยู่อีกห้าปี แต่ต้องเทียวเข้าออกระหว่างบ้านกับโรงพยาบาลเพื่อรับยาเคมีบำบัดทุกอาทิตย์โดยที่พ่ออาจมีผลข้างเคียงจากยามากมาย จนไม่อาจสัมผัสกับแสงแดด อากาศ และกิจกรรมนอกบ้านที่พ่อรักได้ แล้วพ่อก็ร้องไห้โฮใหญเป็นน้ำตาของพ่อที่ลูกไม่เคยเห็นมาเลยตลอดชีวิต...(หนังสืออนุสรณ์ หน้า 56)

          พ่ออยู่ได้เกือบสองปี ขาดอีกเพียง 79 วัน ซึ่งในระหว่างนั้น พ่อมีความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา พ่อสละร่างกายของพ่อให้เป็น อาจารย์ใหญ่ที่ยังมีลมหายใจ

          ขณะเดียวกันพ่อก็สนุกกับการเรียนรู้เพิ่มเติม โดยเป็นหนูทดลองยาเคมีชนิดใหม่ๆ ซึ่งพ่อเคยบอกเองว่า พ่อจะไม่ยอมให้มันเข้ามาในชีวิตเพื่อพ่อจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า คุณประโยชน์ครบเต็มที่สองปี ค่ะ

 

          พ่อบอกว่า

          ผมเป็นหนี้บุญคุณมะเร็ง

          ผมจะรอดหรือไม่ ไม่ถือเป็นความผิดหรือถูกของใคร และไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเลย เพราะผมได้เรียนรู้อะไรมากมายจาการเป็นมะเร็ง ชีวิตผมเปลี่ยนไปหมดทั้งด้านสุขภาพ ครอบครัวและสังคม ผมเป็นหนี้บุญคุณมะเร็ง (สัมภาษณ์สุดท้าย 12 วันก่อนจากลาของธันย์ โสภาคย์)

 

          ระหว่างพิมพ์เรื่องราวนี้ ดิฉันเริ่มลังเลว่าตัดสินใจถูกหรือไม่ที่รื้อฟื้นเรื่องราวของพ่อซึ่งไปไม่ถึงธงเป้าหมายที่ปักวางไว้ แต่เรื่องที่ค้นพบเป็นเรื่องกำลังใจ และความรู้สึกคิดดีคิดเชิงบวกล้วน ๆ  ที่จะดีกว่าเก็บเรื่องราวทิ้งไว้ในหนังสือ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท