ฤาไทยจะเสียเอกราชกันคราวนี้


ถ้ากล้าขายได้กระทั่งจิตวิญญาณตัวเอง ก็ไม่มีอะไรที่จะขายไม่ได้อีกแล้ว

 

นโยบายที่ไร้คุณธรรม พริก ขิงข่า ตะไคร้ วัตถุอันตราย

ใช้สมองส่วนไหนคิด???

 

จากกรณีคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ประกาศให้ผลิตภัณฑ์จากชิ้นส่วนพืชซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี 13 ชนิด ด้แก่ 1.สะเดา  2.ตะไคร้หอม  3.ขมิ้นชัน 4.ขิง 5.ข่า  6.ดาวเรือง 7.สาบเสือ 8.กากเมล็ดชา  9. พริก  10. ขึ้นฉ่าย  11.ชุมเห็ดเทศ 12.ดองดึง  และ 13.หนอนตายอยาก เป็นวัตถุอันตราย ชนิดที่1 บัญชีข. และมีผลที่บังคับใช้แล้วนั้น

 

เมื่อวันที่ 10 ก.พ. น.พ.ประพจน์  เภตรากาศ  รองอธิบดีกรมพัฒนาแผนไทย และการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การบังคับใช้ประกาศฉบับดังกล่าว ที่ควบคุมให้พืชทั้ง 13 ชนิดเป็นวัตถุอันตรายนั้น  ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมหาศาลแน่นอน เพราะพืชทั้ง 13 ชนิด เป็นพืชสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่เป็นวิถีชีวิตของคนไทยมานาน ทั้งการปลูกเป็นพืชผักสวนครัว การปรุงอาหาร เป็นทั้งอาหารและยา รวมถึงใช้ในภาคการเกษตรด้วย มีการจำหน่าย และการผลิตในระดับอุตสาหกรรมทั้งอุตสาหกรรมในครัวเรือน และ อุตสาหกรรมส่งออก

 

น.พ.ประพจน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดของประกาศฉบับดังกล่าว ว่ามีข้อกำหนดในการควบคุมอย่างไรบ้าง แต่หากมีการกำหนดเป็นวัตถุอันตรายแล้ว หากมีครอบครอง หรือครอบครองไว้เพื่อจำหน่ายจะต้องมีการจดแจ้งหรือขออนุญาตให้ถูกต้องอย่างแน่นอน ซึ่งส่วนนี้จะมีผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะชาวบ้านที่ปลูกหรือขายพืชเหล่านี้ตามตลาดสดต่างๆ เพราะชาวบ้านจะไม่รู้กฎหมายอาจเกิดความสับสนหรือกลัวขึ้นมาได้  หรือแม้แต่ในอุตสาหกรรมขนาดย่อม เช่น วิสาหกิจชุมชน ที่นำพืชสมุนไพรไทยมาดัดแปลงทำเป็นยาสมุนไพรต่างๆ ก็ต้องเกิดผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน

 

ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมไม่เคยแจ้งมาก่อนว่าจะออกประกาศควบคุมพืชสมุนไพรเหล่านี้  ไม่มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานราชการ ภาคเกษตร หรือประชาชน ที่มีบทบาทเกี่ยวกับการส่งเสริมการใช้พืชทั้ง 13 ชนิดเลย เพิ่งจะมาทราบเรื่องหลังจากที่ออกประกาศมาแล้ว เรื่องนี้สร้างความสงสัยอย่างมากว่ามีเหตุผลอะไร ที่ต้องควบคุมพืชสมุนไพรไทย และควบคุมไปเพื่ออะไร หรือมีนัยแอบแฝงอะไรหรือไม่ เพราะยังไม่เห็นประโยชน์ของการควบคุมเรื่องนี้เลย มีแต่จะส่งผลเสียมากกว่า น.พ.ประพจน์กล่าว

 

 

 

 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552  ฉบับที่ 6649 หน้า 16

 

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 241179เขียนเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2009 10:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2012 17:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • อึ้งไปเลย
  • สมุนไพร
  • บ้านเราทั้งนั้น
  •  1.สะเดา  2.ตะไคร้หอม  3.ขมิ้นชัน 4.ขิง 5.ข่า  6.ดาวเรือง 7.สาบเสือ 8.กากเมล็ดชา 9.พริก 10. ขึ้นฉ่าย  11.ชุมเห็ด 12.ดองดึง  และ 13.หนอนตายอยาก
  • อยากอ่านเรื่องการอบรม
  • ชุดที่ผ่านมาครับ

โอยอะไรกันเนี่ย

ดิฉันใช้ประโยชน์จากผลิตผลเหล่านี้ค่ะ

อันตรายตรงไหนนะ

โอ้แล้วก้อยขม ผักกะเดาข้อย แจ่วบอง เมี่ยงข่าละพี่น้อง ขี้หมิ่นทาไก่ตี สาบเสือฮองฮังไก่อีก บักพริกใส่ตำส้ม ตำป่น ใส่กับข้าวสู่อย่างสู่แนวเบิ๊ดกันมีไว้กินกะสิได้ขอนุยาดมีไว้ขายสิถืกพู้นบ่พี่น้องเอ๊ย เบื้องหลังคนคิดคนออกกฏหมายมันคือใคร??? มันทำเพื่อใคร ต้องรู้ทันมันนะครับพี่น้อง

จากคนศรีเกษขอสู้ตายแต่บ่ยอมเซากิน

  • อันตรายจริง ๆ นะนี่
  • ถ้าพริกเข้าตาละก็..สุดแสบสันต์..
  • แต่นี่สงสัย..ใบสีม่วงเข้าตา..บังตา..ซะละมากกว่า...

ในฐานะที่เราอดอยากปากแห้งมานาน และกลุ่มเสื้อแดงก็แข็งแกร่งขึ้นทุกวัน แค่ขิงข่าตะไคร้ปรุงอาหารมาก็ชุมนุมได้หลายวัน อีกอย่างสมุนไพรพวกนี้เป็นส่วนผลมของยาฆ่าเชื้อและยาฆ่าแมลง ใช้ในปศุสัตว์ พืชไร่ และไม้ผล ซึ่งบางกลุ่มได้เอาไปทำป็น โอทอฟ

มีรายได้ดี จนเสี่ยงต่อการสนับสนุนเสื้อแดง สบายเกินไป อีกตำรวจก็ไม่ใช่พวกโง่กอพ

อย่างเรา ถ้าออกมาตรการให้ ให้มันทะเลาะกีนสักพัก เราเหล่าโง่กอพจะได้มีเวลาเจรากับเอเย่นป๋ยและยาฆ่าแมลง เพราะถ้านิเวศของธรรมชาติกลับมาเมื่อไร พวกปุ๋ยและยา ก็ฉิบหาย เหล่าโง่กอพของเราก็จะอยู่ไม่ได้ และเราเหล่าโง่กอพยินดีให้คำสัตว์สาบานว่า จะรับประทานแต่ผักและผลไม้ทุกชนิดที่ใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ้าแมลง ขอให้กลุ่มเกษตรกรทั้งหลายอย่าริอ่านมากัดกะเราเป็นอันขาด เพราะพวกเรามีหมัดเยอะนะจะบอกให้

อีกอย่างเรากำล้งจะให้ราชบัณฑิตบัญญัตศัพท์ใหม่คำหนึ่ง คำนั้นคือคำว่า"หน้าด้านเกินกว่าศิลา" ชนิดพลิกได้หลายด้าน ไม่มีคำไหนเหมาะสมเท่า ชื่อพรรคของเราครับ

ถ้าราชบัณฑิตอนุมัตฺเมื่อไร ก็ให้ใช้ได้โดยทั่วไป

โง่กอพ ตัวจริง

ข้อความที่ลงวันก่อน หากใครได้อ่านแล้ว อยากรู้จักชื่อเต็มของเรา อยากบอกให้หายสงสัยว่า ชื่อเต็มคือ โง่กอพเวินเม้นดอทคอม หรือเขียนเท่ห์ๆเป็นภาษา อังกฤษว่า FoolGovernment.com

โง่กอพ

อึ้ง...ต้องต่อสู้กันอีก เคมี-อินทรีย์..สร้งภาพหรือของจริง..ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน..ถ้าชาวนาหรือเกษตรกรพึ่งตนเองได้เมื่อไหร่มันจะปกครองได้ยากทำมาหาแดกได้ยากจังไลจริงๆพวกนี้ให้ตายสิ..สารเคมีอันตรายในนิคมมาบตาพุดมันคงไม่เท่าสะเดาละมังเฮ้อประเทศไทย

ผมเห็นในกลุ่มของ NGO ด้วยกัน

เราอาจจะได้ความเห็นด้านเดียวก็ได้นะครับ

ขอเอาความเห็นจากกลุ่มอื่นๆที่ไม่ใช่ NGO ด้วยกันมาให้ดู

ลองพิจารณาการอธิบายของคุณหมอแมวนะครับ

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7516742/X7516742.html

ก่อนเราจะแสดงความเห็นกันอย่างสุดโต่ง

ด้วยความเคารพครับ

เรียนคุณเอกวีร์

ลองไปทำความเข้าใจกับประกาศของกระทรวงถึงวัตถุมีพิษ ชนิดที่1กับชนิดที่ 2 ว่ามีความแตกต่างกันในรายละเอียดอย่างไร ไม่ต้องเชื่อทั้งสองฝ่ายก็ได้ ถ้าไม่เข้าใจในข้อกฎหมายก็สามารถไปถามจากผู้รู้ได้ จะได้เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มากยิ่งขึ้น

ประกาศให้ผลิตภัณฑ์จาก"ชิ้นส่วนพืชซึ่งไม่ผ่านกรรมวิธีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี13ชนิด" ลองอ่านและทำความเข้าใจประโยคนี้ให้ดี ว่าในความหมายของคุณเอกวีร์นั้นมันหมายความว่ายังไง

ถ้าหากเข้าใจยังไงแล้ว ก็ลองย้อนกลับไปอ่านคำอธิบายของหมอแมวดูอีกทีก็ได้ค่ะ

ด้วยความเคารพ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท