หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ส่งการบ้านครูบา(เจ้าเป็นมาอย่างไร๑๘)


การที่เด็กถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบตั้งแต่ยังเล็ก ไม่มีโอกาสฝึกฝนทักษะชีวิตการมีสังคมกับคนรอบข้างที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมันส่งผลต่อเนื่องจนถึงวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นสับสนในการเลือกเพื่อนที่จะอยู่ด้วยในสังคมโลกที่กว้างกว่าครอบครัวด้วยนะ

ปีแรกของการเรียนที่ศิริราช สาวน้อยมีกิจกรรมหลากหลายให้ได้เรียนรู้มากกว่าที่เรียนเก่า  แน่นอนที่ปีแรกนั้นนักเรียนแพทย์ทุกคนต้องได้พบอาจารย์ใหญ่ผู้นอนรอสอนวิชาสำคัญให้อยู่ เพียงแต่นักเรียนแพทย์มีความสุขกับการเรียนรู้ร่างกายท่าน ความรู้ที่ได้มาก็ช่วยคนได้มากแล้ว

 

การเรียนที่โรงเรียนแพทย์จัดไว้ให้มีชั่วโมงลงมือปฏิบัติอยู่หลายรูปแบบ บางวิชาต้องใช้จินตนาการผนวกความใจเย็นเมื่อลงมือเรียน นอกห้องเรียนสามารถเรียนรู้เพิ่มได้อีกตามสบายตามแต่นักเรียนแพทย์จะวางแผนการเรียนรู้ของตนเอง เวลาเข้าสอบครูหมอก็ยังฝึกให้เรียนไปด้วย   

 

รูปแบบของการเรียนนั้นมีส่วนที่คล้ายคลึงกับที่เรียนเดิมที่ผ่านมาและมีรูปแบบที่ต่างออกไปซึ่งต้องปรับตัวในการเรียนรู้อีกมากโข เธอยกตัวอย่างการเรียนกับอาจารย์ใหญ่ให้ฟังว่ามีเครื่องมือประกอบการเรียนให้แค่เพียงหนังสือภาพองคาพยพคนหนึ่งเล่มเท่านั้น ตำราเรียนใครไม่มีไม่บังคับว่าต้องมี สามารถไปอ่านจากห้องสมุดการแพทย์เอาเองได้ เวลาเรียนจากร่างกายอาจารย์ใหญ่ผู้ยิ่งใหญ่ในใจของนักเรียนแพทย์ทุกคนนั้น เธอและเพื่อนต้องใช้สติ ฝีมือและความละเอียดในการเรียนมากด้วยว่าความรู้ที่อาจารย์ใหญ่ท่านสอนนั้นมันซ่อนอยู่ในเนื้อตัวของอาจารย์ทั้งตัว

 

สาวน้อยนึกย้อนไปแล้วเห็นภาพเลยว่าครูหมอของเธอมีจิตวิทยาสูงมากทีเดียว เออหนอครูหมอคงรู้ว่านอกจากสอนเนื้อหาให้แล้ว ความเป็นวัยรุ่นของนักเรียนแพทย์คงไม่สามารถเกิดความละเมียดละไมเท่าไรนักต่อผู้ป่วย ท่านจึงแฝงการสอนที่สร้างนิสัยละเอียดไปพร้อมด้วยกัน วิธีที่ครูหมอฝึกวิชาสร้างนักเรียนเรื่องความละเอียด คือ มอบบทเรียนให้ลงมือทำด้วยตัวเองทุกเรื่อง ลงมือทำอะไรนะหรือ ลงมือรื้อหาบทเรียนที่อยู่บนเรือนร่างอาจารย์ใหญ่นะซิ ในการลงมือทำอย่างนี้ถ้าคนรื้อใจไม่เย็นและไม่ละเอียดพออาจารย์ใหญ่ที่นอนรอให้เรียนมีหวังเนื้อขาดป่นปี้ ไม่ถึงปีอาจารย์ก็คงโบกมือขึ้นมาขอบายการเป็นครูสอน

 

เธอเล่าว่าเวลาเรียนกับอาจารย์ใหญ่ครูหมอเขาไม่ให้เรียนแบบหนึ่งต่อหนึ่งหรอกนะ ครูเขาจัดให้เรียนร่วมด้วยกันทั้งหมดสี่คน หญิงชายนะหรือก็อยู่ในสี่คนนี้นะแหละแล้วแต่ใครโชคดีได้คละอย่างไร ฉันเห็นภาพที่เธอเล่าเลยว่าครูหมอเขาฝึกให้นักเรียนแพทย์ทำงานเหมือนการใช้ชีวิตทำงานจริงๆด้วยกันเลยตั้งแต่ปีแรกนะนี่ มันเป็นหลักสูตรที่นำมาใช้ละลายพฤติกรรมของเด็กที่ปิดกั้นการมีสัมพันธ์กับคนอื่นด้วยความกลัวให้เรียนรู้การเปลี่ยนตัวเองอย่างฉลาดล้ำด้วย นี่คือมุมดีๆของการที่มีข้อจำกัดแลกคืนมาให้ ข้อจำกัดอะไรนะหรือก็ข้อจำกัดที่มีอาจารย์ใหญ่อยู่น้อยกว่าจำนวนนักเรียนแพทย์ที่เรียนของโรงเรียนแพทย์นะซี

 

ฉันถามเธอว่า เอ๊ะ! แล้วอย่างนี้ เธอพบกับบทเรียนที่ไม่คาดหมายได้ยังไง เธอฟังแล้วก็งงฉันถามเรื่องไรรึนี่ เมื่อเธออ้อออกมาจึงเล่าให้ฟังต่อว่าในทีมของเธอ 4 คนนั้นเพื่อนในทีม 3 คนเขารู้จักกันมาก่อน เขาจึงมีกิจกรรมเรียนเล่นด้วยกันนับแต่เวลาเรียนไปจนถึงนอกเวลาเรียน เพื่อนๆคนอื่นส่วนใหญ่เขาล้วนมีเพื่อนฝูงจากโรงเรียนเดิมตามมาเรียนมาเล่นเป็นส่วนใหญ่ด้วยเช่นกัน ส่วนตัวเธอมีแต่เพื่อนที่เธอเคยอยู่ในกลุ่มเขาเมื่อเรียนอยู่ที่เก่า ตั้งแต่ได้ข้ามฟากมาเรียนที่ใหม่แล้วนั้นเธอแทบไม่ได้เขาทั้งสองคน ด้วยว่าทั้งสองกลับบ้านทุกวันหลังจากเลิกเรียน

 

ฉันฟังเธอแล้วยังงงว่า มันเกี่ยวอะไรด้วยเล่ากับเรื่องการเรียนของเธอ เธอเล่าต่อมาว่า บทเรียนที่ต้องเรียนมันมีมากมายจนอ่านไม่ทัน แล้วมีเรื่องที่แต่ละคนไม่ถนัดมาก่อนปนเปอยู่ การเรียนให้ทันนั้นจึงต้องอาศัยการช่วยกันอ่านช่วยกันเรียนและช่วยกันทำความเข้าใจเข้ามาด้วยด้วยเหตุว่ามันกว้างมีเรื่องที่เหมือนกับต้องรู้เต็มไปหมด  คนเดียวไม่ทันหรอกจะบอกให้

 

การเรียนปีแรกที่นี่เองที่เธอพบกับเรื่องสอบตก มันเป็นเรื่องของโลกกว้างที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย มันกว้างจนไม่รู้ว่าครูหมอที่เขาสอนเขาอยากให้เธอเรียนรู้อะไร อีกทั้งในวิถีที่เธอผ่านมานั้นโลกของเธอก็แคบจนไม่เคยรู้เรื่องราวของมัน ซึ่งมันทำให้เธอเชื่อมโยงบทเรียนไม่ถูกจนเป็นเหตุให้คั้นแก่นไม่เป็น ข้อสอบของวิชานี้เป็นอัตนัย ในเมื่อเชื่อมโยงเรื่องราวและคั้นแก่นไม่ได้ย่อมไม่เข้าใจว่าโจทย์นั้นถามเรื่องอะไรอยู่ มันเลยเขียนตอบไม่ตรงเรื่องราวที่ตั้งคำถามมาให้ตอบ เธอก็เลยตกม้าตายสอบตกเอาซะง่ายๆดังนั้นแล

 

เธอบอกฉันว่าเมื่อรู้ว่าสอบตก เธอไม่รู้สึกว่าตกใจกับมันเท่าไร เพียงแต่แปลกใจว่าอ้าวสอบตกเหรอ ที่ไม่ตกใจด้วยรู้มาก่อนว่าสอบซ่อมได้ การได้เรียนซ่อมจะทำให้เธอได้เข้าใจมันว่าครูหมอปรารถนาให้นักเรียนแพทย์เชื่อมโยงเรื่อง ราวที่ให้เรียนเพื่ออะไร ดีกว่าได้คะแนนดีๆแล้วเอาแต่จำซะอีก ปิดเทอมกลางของการเรียนปีแรกเธอจึงต้องอยู่ซ่อมวิชานั้น ในขณะที่เพื่อนส่วนใหญ่เขากลับบ้านหรือไปมีกิจกรรมร่วมกันที่อื่นๆกันแล้ว

 

เธอมักได้ยินผู้ใหญ่คุยกันบ่อยในเรื่องลูกคนนั้นหลานคนนี้เรียนดีเรียนเก่งแล้วพูดกันเรื่องเด็กเรียนไม่เก่งที่มีข้อสรุปลงเอยว่า เด็กคนที่เรียนไม่เก่งนั้นเป็นเพราะความเกเรและความเหลวไหล มันทำให้เธอเรียนรู้ว่าการที่ผู้ใหญ่แปลความหมายเรื่องสอบตกเชื่อมโยงไปที่ความเกเรและเหลวไหล ผู้ใหญ่นะไม่เชื่อใจว่าการสอบตกนั้นเกิดขึ้นได้ แม้ว่าเด็กคนนั้นไม่เกเรเหลวไหลเลย เมื่อเชื่อมโยงเรื่องที่ผู้ใหญ่คาดหวังจากเด็ก การสอบซ่อมนี้จึงถูกเก็บเป็นความลับเธอไม่บอกให้พ่อรู้ด้วยความกลัวว่าจะทำให้พ่อเสียใจและผิดหวังในตัวเธอ 

 

ตอนเรียนซ่อมเธอไปเจอครูหมอที่ใจดีมากๆและมีวิธีสอนที่ท้าทายเธอเชียวแหละ  ครูหมอสอนแบบไม่สอนอะไรทั้งสิ้น  ครูเขาแค่ทิ้งโจทย์ไว้ให้ที่เลขา ให้แจ้งเธอว่าให้ทำรายงานมาส่งตามโจทย์ พร้อมรายละเอียดว่าให้ส่งงานเมื่อไร และรอท่าอยู่ที่ไหนเพียงเท่านี้

 

เธอว่าเอาละซีทำยังไงต่อดี ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบเข้าใกล้ผู้ใหญ่ เธอจึงตัดสินใจทำงานไปภายใต้การตัดสินใจของตัวเธอ ไม่ไปปรึกษาครูหมอแม้สักนิด เธอใช้เวลาของปิดเทอมนั้นหนึ่งอาทิตย์นั่งอ่านนั่งค้นเรื่องราวเกี่ยวกับโจทย์จากห้องสมุดการแพทย์ เมื่อได้รับรู้เรื่องราวที่เกี่ยวข้องแล้ว เธอก็จัดการสรุปประเด็นของเรื่องราว แล้วนำมันมาเรียงร้อยจนเสร็จงาน

 

งานเธอเสร็จก่อนเวลาที่ครูหมอกำหนดให้จึงตัดสินใจส่งไปก่อนเผื่อว่ามีแก้เธอยังมีเวลาเหลือถมไปในการทำใหม่ถ้ายังไม่ตอบโจทย์ ครูหมอเอารายงานไปตรวจแล้วส่งคืนมาไม่มีคำตำหนิอะไรเธอแม้สักนิด ไม่มีคำตอบว่าทำผิด มีคำชมผ่านเพียงคะแนนที่ปรากฏบนปกรายงานที่ส่งคืนมา เธอบอกว่าเสียดายที่มันหายไปแล้วนับแต่รื้อบ้านของพ่อเพื่อสร้างบ้านใหม่ขึ้นมาแทนที่ อดีตที่รำลึกได้ในส่วนนี้ มันจึงเป็นแค่ความทรงจำดีๆที่มีต่อครูคนหนึ่งในชีวิตเธอ

 

บทเรียนจากชีวิตจริง :

 

การได้ลงมือทำด้วยตัวเองกับงานที่ต้องอาศัยความละเอียด นอกจากทำให้เด็กวัยรุ่นเพิ่มทักษะเรื่องฝีมือแล้ว ยังได้ฝึกสติด้วย ของแถมที่ได้คือความละเมียดของใจซึ่งจะเกิดเมื่อเขาเกิดความสุขจากความภูมิใจต่อความสำเร็จที่เกิดจากน้ำมือของเขาเอง

 

เด็กวัยรุ่นมีบทเรียนรู้การฝึกใจแฝงอยู่ในบทเรียนที่ผู้ใหญ่ให้งานในรูปแบบที่ลงมือทำด้วยตัวเอง ผู้ใหญ่ควรเสริมหนุนบทเรียนที่ชวนให้เขาได้เรียนรู้ความรู้สึกของตัวเองเพื่อให้ตัวเขาเกิดความเข้าใจความปรารถนาที่แท้ของใจเขาได้

 

คนเป็นเด็กนะไม่รู้ว่าทุกวินาทีที่เรียนไป ตัวเขานั้นได้ความรู้อะไร จวบจนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักกับความหมายของคำว่าทักษะชีวิตแล้ว เขาจึงรู้ว่าการเรียนรู้ที่แทรกอยู่ทุกเวลานับแต่วัยเด็กนั้นเป็นการฝึกทักษะชีวิตให้เด็กทั้งสิ้น

 

การที่เด็กได้ลงมือทำอะไรที่เป็นเรื่องต้องใช้ความละเอียด เด็กได้เรียนรู้การผสมผสานทักษะทางร่างกาย จินตนาการ และความคิดวิเคราะห์เข้าด้วยกัน

 

เป็นธรรมดามากที่ช่วงเริ่มต้นของการเรียนรู้อะไรในรูปแบบที่ไม่คุ้นชิน จะเกิดความสำเร็จที่ไม่ได้คาดฝันเกิดขึ้นทั้งด้านบวกและด้านลบ

 

การที่มีเด็กคนหนึ่งสอบตกโจทย์ที่ครูให้ ไม่ได้หมายความว่า เด็กคนนั้นไม่เรียน หากแต่เป็นเพราะว่า เขายังงงต่างหาก งงที่จะเชื่อมโยงสิ่งที่เขารู้ออกมาเป็นคำตอบให้ตรงกับคำตอบที่ครูมีในใจอยู่ก่อนแล้ว

 

เด็กเรียนรู้การสร้างความกลัวในใจขึ้นในใจของเขาจากทักษะชีวิตที่ผู้ใหญ่รอบตัวแสดงบทบาทเป็นบทเรียน

 

การที่เด็กกล่าวเท็จหรือปิดบังเรื่องบางเรื่องไม่ให้ผู้ใหญ่รับรู้เกิดจากเขามีความกลัวอยู่ในใจ เป็นความกลัวที่เกิดขึ้นมาจากการเรียนรู้ความคาดหวังของผู้ใหญ่และการเรียนรู้คำตัดสินที่ผู้ใหญ่มักแลกเปลี่ยนกันหรือผู้ใหญ่เคยบอกจากปากให้เขารู้ตรงๆ  

 

การที่เด็กถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรอบตั้งแต่ยังเล็ก ไม่มีโอกาสฝึกฝนทักษะชีวิตการมีสังคมกับคนรอบข้างที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมันส่งผลต่อเนื่องจนถึงวัยรุ่น ทำให้วัยรุ่นสับสนในการเลือกเพื่อนที่จะอยู่ด้วยในสังคมโลกที่กว้างกว่าครอบครัวด้วยนะ

 

Keywords :

 

เมื่อใดที่ครูให้เวลาเรียนรู้แก่เด็ก ขอเพียงแต่ครูตั้งคำถามเป็น ให้อิสระเด็กในการตอบ ไม่ตั้งธงคำตอบเอาไว้ในใจครูก่อน ตั้งธงไว้อยู่แค่เด็กเข้าใจในสิ่งที่ครูอยากให้เขาเรียนรู้ ให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้อย่างมีสติ ได้คิดวิเคราะห์และไตร่ตรองใคร่ครวญกับตัวเองว่าคำถามที่ถูกตั้งนั้น เขาอยากบอกอะไรกับครูตามที่เขาเข้าใจและตัดสินใจแล้วบ้าง เด็กเขาก็สามารถสร้างผลงานของเขาเองออกมาได้ตามแนวทางที่เขาถนัด

หมายเลขบันทึก: 242251เขียนเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ 2009 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 11:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)

สวัสดีคะคุณหมอ

เล่าให้เห็นชีวิตนักศึกษาแพทย์ พอดีที่ทำงานอยู่ติดกับสโมสรนักศึกษาแพทย์  นักศึกษาจะช่วยกันเรียน ช่วยกันอ่านหนังสือ ชอบบรรยากาศนี้มาก

สวัสดีค่ะ  และขอไชโยดังๆอีกคร้งนะคะ "ไชโย"

นับเป็นความรู้สึกดีใจสุดๆที่ครูแป๋มมีความรู้สึกได้ว่า  หากพวกเราที่ทำหน้าที่"สอน" ได้เข้าใจเด็กๆว่าการเรียนรู้มันมีอะไรมากกว่าการที่ผู้ใหญ่จะยัดเยียดให้พวกเขาไปทำหน้าที่แค่ "เรียน" ตามบัญชาของผู้ใหญ่  ครูแป๋มขออนุญาตปริ๊นนำไปให้เพื่อนครูและ  ตัวนักเรียนได้เรียนรู้  ทำความเข้าใจก่อนนะคะ....รีบมาก...อ้อ..ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณครับ คุณพี่หมอเจ๊

ขออนุญาตสรุปเป็นข้อสรุปส่วนตัวนะครับว่า

การศึกษาคือการให้อิสรภาพแก่ผู้เรียนในการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านการปฏิบัติจริง

สวัสดีค่ะ

  • คุณครูแป๋ม คุณครูณภัทร๙  มีความสนใจเรื่องเด็กและการสอนไม่แพ้กัน  อยากให้ครู ๆ เข้ามาอ่านกันจัง
  • คุณหมอสบายดีนะคะ
  • คิดถึงอยู่เสมอค่ะ จะโทรหาแต่กลัวรบกวนเวลา
  • เรื่องเล่าที่บ้านพ่อครูบา  ได้หลายตอนแล้วค่ะ
  • เรื่องเด็ก ๆ ก็ไม่เห็นโรงเรียนให้คำตอบแต่อย่างใด
  • ก็ตัดสินใจว่า ถ้าไม่มีใครไปก็จะขึ้นรถไปเอง ไปก่อน ๑วันค่ะ
  • ด้วยความรักและคิดถึงค่ะ

สวัสดีค่ะ

* มาแอบอ่านการบ้านค่ะ

* คำตอบเหมาะที่จะเป็นการบ้านของครูมากเลยค่ะ

* ชอบแนวคิดนี้มากค่ะ การได้ลงมือทำด้วยตัวเองกับงานที่ต้องอาศัยความละเอียด นอกจากทำให้เด็กวัยรุ่นเพิ่มทักษะเรื่องฝีมือแล้ว ยังได้ฝึกสติด้วย ของแถมที่ได้คือความละเมียดของใจซึ่งจะเกิดเมื่อเขาเกิดความสุขจากความภูมิใจต่อความสำเร็จที่เกิดจากน้ำมือของเขาเอง

* สุขกายสุขใจนะคะ

คุณครู วรางค์ภรณ์ เนื่องจากอวน ค่ะ นกมันดูแลกันเนอะค่ะ เหตุใดคนเราจึงไม่ดูแลกันอย่างนกบ้างเนอะค่ะ

น้องประกายค่ะ ชีวิตนักศึกษาแพทย์นะแคบนะค่ะ แต่มีความสุขค่ะ

แวะมาอ่านชีวิตนักศึกษาแพทย์แคบจริงหรือคะ..

งั้นทานข้าวโพดหน่อยนะคะหวานหวานจ้า

น้องณภัทรค่ะ สรุปได้ตามสบายเลยค่ะ เรื่องเล่านี้มีหลายมุมมองค่ะ แล้วแต่ว่าเรื่องราวแห่งการเดินทางของแต่ละคนเป็นอย่างไรค่ะ ผู้คนแต่ละคนมีทางเดินที่เป็นเรื่องของปัจเจกเนอะค่ะ

แวะมาสวัสดีพี่หมอเจ๊ค่ะ

หายไปนาน... ไม่ได้มาทักทายพี่เลย

พี่สบายดีนะคะ

เห็นในบันทึกของพี่ครูคิม...ยังอิจฉาที่ได้กอดพี่หมอเจ๊ค่ะ แม้ว่าน้องจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับการ "กอด" เท่าไรนัก

คิดถึงพี่ค่ะ

(^___^)

ครูคิมค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ

คนทุกคนจิตวิญญาณของตนอยู่ค่ะครู

ซึ่งบางครั้งเจ้าของก็ไม่รู้หรอกว่าเงาของมันหลอนเอาหรือว่ามันเป็นของจริง

เพราะว่ามันชอบไปแอบหลบในซอกนอนเล่นสำหรับบางคน

กว่าจะปลุกตื่นก็ต้องใช้แรงเยอะค่ะครู

ใจเย็นๆนะค่ะ

ใช้พลังใจของครูทำเรื่องที่เป็นเรื่องเดียวกับที่เด็กๆอยากทำนะค่ะครู

เสียงจากใจเด็กๆจะดังเข้าไปปลุกจิตวิญญาณที่แอบหลับไหลของคนบางคน

ให้ตื่นเองแหละค่ะ

การเดินทางของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะครู

การเดินทางในที่นี้ของหมอเจ๊หมายถึง

การเดินทางเข้าไปปลุกจิตวิญญาณในตัวตนให้ตื่นขึ้นจากความหลับไหลค่ะครู

ครูพรรณาค่ะ สุขกายสุขใจเช่นกันค่ะ

ที่แท้แล้วความสุขอยู่รอบตัวคนค่ะครู

เพียงแต่ที่ผู้คนไม่เคยเห็นค่าของมันค่ะ

จนกว่าจิตวิญญาณจะตื่นขึ้นค่ะครู

.....

มีคำถามฝากไว้ค่ะครู

สอนอย่างไรให้จิตวิญญาณที่หลับไหลของเด็กๆตื่นขึ้น

และตื่นขึ้นมาอย่างเป็สุขค่ะครู

เมื่อจิตวิญญาณของเขาตื่นขึ้นอย่างมีความสุข

ความสดใสที่เขาได้สัมผัสจะทำให้เขาอยากเรียนค่ะครู

.....

โจทย์นี้ท้าทายทุกผู้คนที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กนะค่ะ

ครูแอ๊ดค่ะ

แถวบ้านหมอเจ๊นะเขาไม่ใคร่กินข้าวโพดแบบนี้เท่าไรเลย

แต่ตัวหมอเจ๊ชอบนะค่ะ

........

อร่อยยยยยยยยยยยยค่ะ

........

มีใครบางคนถามถึงครูด้วยนะค่ะ

น้องโก๊ะค่ะ

คิดถึงเช่นกันค่ะ

พี่ว่าพี่ก็หายไปนานเหมือนกันค่ะ

.......

โอ๊ย...จะไปอิจฉาครูพี่คิมทำมั๊ย อยากกอดก็เจอกันหน่อยซิค่ะ

ต้นเดือนมีค.พี่อยู่ที่กทม.อ่ะนะ

เจอกันได้เปล่าค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ

  • วันนี้คันในหัวใจตะหงิด ๆ ผอ.ก็ไม่มาโรงเรียน
  • ได้ทีโทรไปชวนผู้ใหญ่บ้านมาทำวิจัยเพื่อท้องถิ่นฉบับเล็ก ๆกันดีไหม
  • เขารีบขับรถมาหาที่โรงเรียนเลยค่ะ เจอกับ อบต.มาพอดี  อบต.จะมาใช้งานครูคิม
  • ก็ได้คุยกัน..เขายินดีร่วมมือด้วยบอกว่า.."ดีครับเด็ก ๆจะได้เป็นนักวิจัยกันแต่เล็กแต่น้อย"
  • รอฝันอยู่ค่ะ..เริ่ม ๒๐ ก.พ.นี้ค่ะ
  • ครูคิม ค่ะ
  • ดีใจพี่คิมที่ได้รับรู้เรื่องราว
  • อย่างนี้ควรขยายมุมมองเรื่องราว
  • ทำเรื่อง "อาหารเพื่อสุขภาพ"
  • จะได้งานวิจัยที่ช่วยประเทศชาติได้ด้วยนะค่ะ
  • อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มีผลต่อสุขภาพ
  • วิจัยได้หลากหลายวิชาการค่ะ
  • ดิน น้ำ ลม ใบ ดอก ผล
  • จิปาถะที่จะมองในมุมของสุขอนามัยร่วมไปด้วย
  • วิทยาศาสตร์ก็ได้
  • สาระชีวิตก็ได้
  • เชื่อมสังคมก็ได้
  • อยู่ที่มุมมองค่ะ
  • ชาวบ้านที่เป็นผู้ใหญ่วิจัยร่วมกัยเด็กก็ได้ค่ะครู
  • ยิ่งอบต. ผู้ใหญ่บ้านร่วมมือด้วยอย่างนี้
  • น่าจะสบายเลยค่ะ

มาอ่านชีวิตของคุณหมอ เพื่อเสริมสร้างพลัง  ขยันหมั่นเพียรเสมอ ทำให้แข็งแกร่งในทางความคิด และการปฏิบัติหน้าที่นะคะ

คิดถึงคุณหมอเสมอค่ะ

สวัสดีครับคุณหมอ เจ๊ แซ่เฮ คนงาม

เดินทางผ่านพัทลุง แวะหามะลิ ช้ำๆบ้านบังหีมแม้งครับหมอ

สวัสดีอีกรอบนะครับ

ชอบมากครับกับประโยคนี้ ของคุณพี่หมอเจ๊

"การเดินทางเข้าไปปลุกจิตวิญญาณในตัวตนให้ตื่นขึ้นจากความหลับไหล"

สวัสดีค่ะคุณหมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ

  • ทำเรื่อง "อาหารเพื่อสุขภาพ"
  • ค่ะ..ทำเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพค่ะ "เพิ่มรักเติมรสวิถีไทยในหมู่บ้านของเรา"(ตอนท้าย ๆอาจเปลี่ยนค่ะ)
  • จะได้งานวิจัยที่ช่วยประเทศชาติได้ด้วยนะค่ะ
  • อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่มีผลต่อสุขภาพ
  • วิจัยได้หลากหลายวิชาการค่ะ
  • ดิน น้ำ ลม ใบ ดอก ผล
  • ในพื้นถิ่นมีปัจจัยทางทรัพยากร และภูมิปัญญา
  • จิปาถะที่จะมองในมุมของสุขอนามัยร่วมไปด้วย
  • วิทยาศาสตร์ก็ได้
  • สาระชีวิตก็ได้
  • เชื่อมสังคมก็ได้
  • อยู่ที่มุมมองค่ะ
  • ชาวบ้านที่เป็นผู้ใหญ่วิจัยร่วมกัยเด็กก็ได้ค่ะครู
  • ยิ่งอบต. ผู้ใหญ่บ้านร่วมมือด้วยอย่างนี้
  • ทั้งผู้ใหญ่บ้านและ อบต. มีความเข้าใจคะ ดีใจที่จะได้เห็นเด็ก ๆเป็นนักวิจัยตั้งแต่เยาวัย"
  • รอเล่าต่อภายหลังวันที่ ๒๓ นะคะ
  • ขอขอบคุณค่ะ
  • ครูอ้อย เจ้าขา คิดถึงเช่นกันค่ะ

    บังวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- เจ้าค่ะ

    รับอีเมล์ที่ส่งให้แล้วตอบด้วย

    ......

    เวลาเด็กเขาถามเรื่องราวเก่าๆ นึกถึงบังขึ้นมาทันทีเลยค่ะ

    แหมบางเรื่องหมอเจ๊ก็ไม่รู้ว่ามันมีที่มาอย่างไรนี่ค่ะ

    ......

    ดีใจที่ยังเขียนบล็อกอยู่ค่ะ

    น้องณภัทร๙ ค่ะ

    จิตวิญญาณของผู้คนนะตื่นตั้งแต่กำเนิดในครรภ์แม่

    หากแต่เมื่อคลอดออกมาดูโลกได้

    หลายสิ่งหลายอย่างรอบตัวผู้คน

    กลับสอนให้ผู้คนสร้างเปลือกห่อหุ้มจิตวิญญาณ

    ห่อหุ้มหนาเข้าหนาเข้าตามอายุที่เพิ่มขึ้นๆค่ะ

    จิตวิญญาณของผู้คนมันจึงหลับไหลไปเหมือนดักแด้เลยค่ะ

    ........

    ดูแลเด็กๆแบบประคับประคองให้จิตวิญญาณเขาตื่นเสมอนะค่ะ

    จิตวิญญาณที่ตื่นเป็นยังไง

    ดูจากความประพฤติของเด็กตัวน้อยๆได้ค่ะ

    ........

    การให้อิสระแก่ผู้คนในการเรียนรู้คือการปลุกจิตวิญญาณให้ตื่นขึ้นค่ะน้อง

    ........

    ฝากดูแลจิตวิญญาณของหลานน้อยอย่าให้หลับไหลซะนะค่ะน้อง

    สวัสดีครับคุณหมอเจ๊ แซ่เฮคนงาม

    เข้าไปดูเมล์แล้วครับ หาไม่เจอ พอดีว่าไรสเล่นงานเครื่อง ให้ช่างมาแก้ไข พอเปิดไหม่ ก็หาไม่เจอครับหมอ

    ต้องรบกวนใหม่แล้วครับ

    เมษา ข่าวว่า เกลอคิม จะมาเรียนรู้ที่บ้านท่านอัยการ ส่งข่าวผู้เฒ่าบ้างครับ จะไปเล่านิทานให้ฟังครับ

    • วอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei-- เจ้าขา
    • ส่งเมล์ใหม่ไปแล้วนะค่ะ
    • ตอบด้วยค่ะ
    • อยากฟังนิทานจากเสียงจริงด้วยคนค่ะ
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท