อันตรายิกธรรมคือ เหตุขัดขวางการอุปสมบท ๑๓ อย่าง ที่พระอาจารย์จะสอบถามกับผู้อุปสมบทในพิธีบรรพชานั้น มีอะไรบ้าง (ส่วนใหญ่มีที่มาจากการเคยเกิดเหตุที่ทำให้หมู่คณะภิกษุสงฆ์ต้องมัวหมอง) ลองมาไล่ดูกันครับ
1. กุฏธัง - เป็นโรคเรื้อนหรือเปล่า
2. คันโท – ฝี
3. กิลาโส – ขี้กลาก
4. โสโส – โรคมองคร่อ (มีเสมหะแห้งอยู่ในลำหลอดปอด)
5. อะปะมาโร – โรคลมบ้าหมู
ห้าคำถามแรกนี้ ผู้อุปสมบทต้องตอบว่า นัตถิ ภันเต ทุกข้อ แปลว่า ไม่
(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ คือเนื่องจากในสมัยนั้นมีคนเป็นโรคชอบแอบมาขอบวช เพียงเพื่อให้หมอเทวดา ชีวกโกมารภัจจ์ รักษา ซึ่งปกติหมอเทวดาจะรักษาเฉพาะกษัตริย์ กับภิกษุสงฆ์เท่านั้น พอรักษาหายแล้วก็สึกเลย คือไม่ได้ตั้งใจมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าเลย)
6. มะนุสโส้สิ๊ – เป็นมนุษย์หรือเปล่า (เคยมีพญานาคมาแอบขอบวช เลยต้องมีข้อนี้ถามกันไว้ก่อน)
7. ปุริโส้สิ๊ - เป็นบุรุษ คือเพศชาย (คนมีสองเพศเคยมาบวช)
8. ภุชิสโส้สิ๊ - เป็นไท ไม่ใช่ทาส
9. อะนะโนสิ๊ – ไม่มีหนี้สิน
10. นะสิ๊ ราชะภะโต – ไม่ติดราชการ (เคยมีทหารหรือข้าราชการออกบวชเพื่อหนีราชการสงคราม)
11. อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ - มารดาบิดาอนุญาติแล้ว (เหตุจากกรณีของราหุลออกบวช)
12. ปะริปุณณะวีสะติวัสโส้สิ๊ – อายุครบ ๒๐ แล้ว
13. ปะริปุณณัณเต ปัตตะจีวะรัง - มีบาตร มีจีวร แล้ว (เคยมีคนบวชแล้วไม่มีจีวร ไปเปลือยกายขอบิณฑบาตร ในพิธีบวช ผู้บวชจึงต้องมีบาตรจีวรครบแล้วก่อนจะตอบอันตรายิกธรรม)
แปดข้อหลังนี้ ต้องตอบว่า อามะ ภันเต คือ รับว่าใช่ครับ
วิธีที่พระท่านแนะให้จำในการตอบ คือให้ตอบ นัตถิ 5 อามะ 8
ตรงปุริโส้สิ๊ คือเป็นเพศชายหรือเปล่านั้น เข้าใจว่าห้ามเพศหญิงและกะเทย ที่เป็นกะเทยแท้ๆ คือมีอวัยวะสองเพศในร่างเดียวจริงๆ (เรียกว่า บัณเฑาะก์) ส่วนจะเป็นเกย์เป็นตุ๊ดนั้น อาจไม่เข้าข่าย เพราะสมัยโน้นคงจะยังไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่บางคนก็ว่า ไม่ได้ เพราะทั้งกาย วาจา และใจ ต้องเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อย!
ส่วนผมว่าใครที่รู้ใจตัวเองว่าไม่ใช่บุรุษ ก็หาวิธีสร้างบุญบารมีวิธีอื่นเถิดครับ อย่ามาบวชให้ยุ่งเลย...
ธรรมรักษา
อนุโมทนาสาธุ
กับผลบุญที่ตั้งใจบวช
ตั้งใจปฏิบัติธรรมจะได้อานิสงส์แก่ตนเองโดยตรง
และแก่ผู้อื่นโดยรอบ
ได้ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา
ได้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
ได้สั่งสมศรัทธาพร้อมปัญญาให้งอกงาม
อาตมาตั้งใจจะบวชสามเดือนเอาไปเอามา
อยูุ่่มาได้สิบปีพอดี คงจะเป็นเพราะเราตั้งใจ
ปฏิบัติในทางที่ถูกที่ชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
และครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ทำให้จิตใจของเราเกิดความสุข
สงบในศีลธรรม และที่รู้สึกภูมิใจคือเราได้ทำหน้าที่นักบวช
ได้ทำงานพระศาสนาตามสติกำลังของตนเองซึ่งถือว่าเป็นงานที่มีคุณค่าได้ลดละเสียสละ เพื่อไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง
ขอเป็นกำลังใจให้.. พระุพุทธศาสนาเป็นที่สุดของมวลมนุษย์
หากผู้ใดปฏิบัติตามย่อมได้รับประโยชน์ตามอย่างแน่นอนขอยืนยัน
ธรรมรักษา
นมัสการครับ
ผมยังมี "ห่วง" มาก ได้อยู่ครองจีวรเพียง16วันแต่ตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานั้น ถึงวันนี้ก็ยังสัมผัสได้ รู้สึกได้ถึงความสุขสงบภายในจิตใจ
และพยายามรักษาสติในท่ามกลางชีวิตฆราวาสอยู่ตลอด
หวังว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าในพระธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
อาตมา บวชมาแล้ว ๑๔ พรรษา บวชเพื่อละกามยินดีในบรรพชิตของตนเอง และขออนุโมทนาในผู้ปฏิบัติธรรม ทุกท่าน ที่ยินดีในศีล ยินดีในธรรมที่ตนปฏิบัติใด้เป็นสมบัติของตน ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ