ตอนที่ ๘ ความหมายอันตรายิกธรรม...ปุริโส้สิ๊ (เป็นบุรุษ?)…อามะภันเต (ครับ หรือครับฮ่ะ)


ตรงปุริโส้สิ๊ คือเป็นเพศชายหรือเปล่านั้น เข้าใจว่าห้ามเพศหญิงและกะเทย ที่เป็นกะเทยแท้ๆ

อันตรายิกธรรมคือ เหตุขัดขวางการอุปสมบท ๑๓ อย่าง ที่พระอาจารย์จะสอบถามกับผู้อุปสมบทในพิธีบรรพชานั้น มีอะไรบ้าง  (ส่วนใหญ่มีที่มาจากการเคยเกิดเหตุที่ทำให้หมู่คณะภิกษุสงฆ์ต้องมัวหมอง)  ลองมาไล่ดูกันครับ

                1. กุฏธัง  - เป็นโรคเรื้อนหรือเปล่า   

                2. คันโท ฝี     

                3. กิลาโส ขี้กลาก 

                4. โสโส โรคมองคร่อ (มีเสมหะแห้งอยู่ในลำหลอดปอด)

                5. อะปะมาโร โรคลมบ้าหมู

                

               ห้าคำถามแรกนี้ ผู้อุปสมบทต้องตอบว่า นัตถิ ภันเต  ทุกข้อ แปลว่า  ไม่  

              (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ คือเนื่องจากในสมัยนั้นมีคนเป็นโรคชอบแอบมาขอบวช เพียงเพื่อให้หมอเทวดา ชีวกโกมารภัจจ์ รักษา ซึ่งปกติหมอเทวดาจะรักษาเฉพาะกษัตริย์ กับภิกษุสงฆ์เท่านั้น พอรักษาหายแล้วก็สึกเลย คือไม่ได้ตั้งใจมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้าเลย)

 

                6. มะนุสโส้สิ๊ เป็นมนุษย์หรือเปล่า  (เคยมีพญานาคมาแอบขอบวช เลยต้องมีข้อนี้ถามกันไว้ก่อน)

                7. ปุริโส้สิ๊  - เป็นบุรุษ คือเพศชาย  (คนมีสองเพศเคยมาบวช)

                8. ภุชิสโส้สิ๊  - เป็นไท ไม่ใช่ทาส

                9. อะนะโนสิ๊ ไม่มีหนี้สิน

                10. นะสิ๊ ราชะภะโต ไม่ติดราชการ (เคยมีทหารหรือข้าราชการออกบวชเพื่อหนีราชการสงคราม)

                11. อะนุญญาโตสิ๊ มาตาปิตูหิ  - มารดาบิดาอนุญาติแล้ว (เหตุจากกรณีของราหุลออกบวช)

                12. ปะริปุณณะวีสะติวัสโส้สิ๊   อายุครบ ๒๐ แล้ว

                13. ปะริปุณณัณเต ปัตตะจีวะรัง  - มีบาตร มีจีวร แล้ว (เคยมีคนบวชแล้วไม่มีจีวร ไปเปลือยกายขอบิณฑบาตร  ในพิธีบวช ผู้บวชจึงต้องมีบาตรจีวรครบแล้วก่อนจะตอบอันตรายิกธรรม)

                

                แปดข้อหลังนี้ ต้องตอบว่า อามะ ภันเต คือ รับว่าใช่ครับ

 

                วิธีที่พระท่านแนะให้จำในการตอบ คือให้ตอบ นัตถิ 5 อามะ  8

                ตรงปุริโส้สิ๊ คือเป็นเพศชายหรือเปล่านั้น เข้าใจว่าห้ามเพศหญิงและกะเทย ที่เป็นกะเทยแท้ๆ  คือมีอวัยวะสองเพศในร่างเดียวจริงๆ (เรียกว่า บัณเฑาะก์) ส่วนจะเป็นเกย์เป็นตุ๊ดนั้น อาจไม่เข้าข่าย เพราะสมัยโน้นคงจะยังไม่มีปัญหาเรื่องนี้  แต่บางคนก็ว่า ไม่ได้ เพราะทั้งกาย วาจา และใจ ต้องเป็นลูกผู้ชายเต็มร้อย!

                ส่วนผมว่าใครที่รู้ใจตัวเองว่าไม่ใช่บุรุษ ก็หาวิธีสร้างบุญบารมีวิธีอื่นเถิดครับ อย่ามาบวชให้ยุ่งเลย...

หมายเลขบันทึก: 243098เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2009 23:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ธรรมรักษา

อนุโมทนาสาธุ

กับผลบุญที่ตั้งใจบวช

ตั้งใจปฏิบัติธรรมจะได้อานิสงส์แก่ตนเองโดยตรง

และแก่ผู้อื่นโดยรอบ

ได้ตอบแทนบุญคุณบิดามารดา

ได้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา

ได้สั่งสมศรัทธาพร้อมปัญญาให้งอกงาม

อาตมาตั้งใจจะบวชสามเดือนเอาไปเอามา

อยูุ่่มาได้สิบปีพอดี คงจะเป็นเพราะเราตั้งใจ

ปฏิบัติในทางที่ถูกที่ชอบตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

และครูอุปัชฌาย์อาจารย์ ทำให้จิตใจของเราเกิดความสุข

สงบในศีลธรรม และที่รู้สึกภูมิใจคือเราได้ทำหน้าที่นักบวช

ได้ทำงานพระศาสนาตามสติกำลังของตนเองซึ่งถือว่าเป็นงานที่มีคุณค่าได้ลดละเสียสละ เพื่อไปสู่ความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง

ขอเป็นกำลังใจให้.. พระุพุทธศาสนาเป็นที่สุดของมวลมนุษย์

หากผู้ใดปฏิบัติตามย่อมได้รับประโยชน์ตามอย่างแน่นอนขอยืนยัน

ธรรมรักษา

 

 

นมัสการครับ

ผมยังมี "ห่วง" มาก ได้อยู่ครองจีวรเพียง16วันแต่ตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มที่ในช่วงเวลานั้น ถึงวันนี้ก็ยังสัมผัสได้ รู้สึกได้ถึงความสุขสงบภายในจิตใจ

และพยายามรักษาสติในท่ามกลางชีวิตฆราวาสอยู่ตลอด

หวังว่าจะมีความเจริญก้าวหน้าในพระธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

อาตมา บวชมาแล้ว ๑๔ พรรษา บวชเพื่อละกามยินดีในบรรพชิตของตนเอง และขออนุโมทนาในผู้ปฏิบัติธรรม ทุกท่าน ที่ยินดีในศีล ยินดีในธรรมที่ตนปฏิบัติใด้เป็นสมบัติของตน ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยเทอญ สาธุ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท