ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสร่วมลงพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหลายชุมชน เป็นการแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่มีการพูดคุยกันถึงการอยู่การกินของผู้คนในชุมชนว่าต่อไปนี้จะอยู่อย่างไร กินอย่างไร จึงจะอยู่ดีมีสุข
ภายใต้การเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วของทุกเรื่องที่อยู่รอบข้าง พี่น้องในชุมชนส่วนใหญ่สะท้อนว่าต้องใช้การปรับตัวอย่างมาก จนถึงขั้นต้องวางแผนแบบวันเว้นวันเลยทีเดียว บางคนบอกว่าถ้าวันไหนดูข่าวทางโทรทัศน์แล้วนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมีเรื่องราวให้คิดมากทั้งที่เกี่ยวกับตัวเองโดยตรงและคนอื่นๆ บ้างก็บอกว่าอยากผ่อนคลายโดยดูหนังดูละครบ้างแต่ก็เหมือนกับซ้ำเติม ยิ่งดูยิ่งคิดมากเพิ่มขึ้น
ผมได้ลองตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องการตกงาน ปรากฏว่าได้คำตอบชนิดสะดุ้งแทบตกเก้าอี้ เช่น อาจารย์คิดว่าชาวบ้านที่อยู่กับไร่กับนามีสิทธิพาลูกหลานตกงานด้วยหรือ บางคนบอกว่าถ้าลูกหลานถูกปรับให้ออกจากงานในเมืองก็จะดีใจมากเพราะจะได้อยู่บ้านเกิดเมืองนอนหาอยู่หากินไปคงไม่ปล่อยให้อดตาย และหลายคนบอกว่าภาครัฐประโคมข่าวเรื่องการตกงาน จนน่ากลัว ทำไมไม่พูดถึงงานในไร่นาสวนที่ทุกคนควรช่วยกันรื้อฟื้น
ที่ว่ามาเป็นบางส่วนที่สะท้อนจากชุมชน ที่ผู้รู้ ข้าราชการ นักวิชาการ นักบริหารทั้งหลาย ควรจะรับฟังบ้าง นะครับ
สวัสดีค่ะท่าน ผอ.
ท่าน ผอ.ศักดิ์พงศ์ ครับ
นี่ไง อาจารย์พงษ์ศักดิ์
ขอบคุณอ้อย
อยู่นี่เอง
ทำไม ครูอ้อยเป็นอะไรค่ะ
ทำไมครูอ้อยต้องโป้งๆๆๆๆๆๆๆพวกเราด้วยค่ะ
มาชม
เห็นมุมคิดแบบน่าคิด ของชาวบ้านที่ไม่มีวันตกงานนะนี่...
ตามมาดูข้อเขียน อาจารย์ครับ
สวัสดีครับอาจารย์ ศักพงษ์ คนแซ่เดียวกัน
ขอบคุณเสียงเบาๆจากชาวบ้านให้ได้คิด ขอเสนอเสียงที่ชาวบ้านไม่ได้ยินคือเสียงคนบ้าและคนใบ้ อยากให้อาจารย์ได้อ่านงานเขียนเรื่อง ชายบ้าและหญิงใบ้ ของวีรศักดื ขันแก้ว แล้วจะเข้าใจเห็นใจคนพิการมากขึ้นครับ ท่าน
สวัสดีครับท่านอาจารย์ที่เคารพครับ
เรื่องราวที่อาจารย์เขียนผมอยากให้ครู กศน.ทุกคนได้อ่านบ้างครับ
อ่านแล้วได้คิด ไม่สั้นไม่ยาว ได้ใจความ
อ่านแล้วโยนิโสมนสิการ
ผมอีกคนครับที่ใช้หอมหวล อยากรู้จักอาจารย์ ติดต่อไปนะครับ 081-2057805