ย้อนวัน ย้อนวัย ในช่วงเรียนภาษา (๑)


ปีแรกกับการเรียนภาษา ก่อนเรียน ประเมินตนเองด้านการอ่านและเขียนอยู่ที่ระดับหนึ่ง (เต็มสี่) และด้านการพูดและการฟังอยู่ที่ศูนย์

ย้อนวัน ย้อนวัย ในช่วงเรียนภาษา (๑)

 

                ภาคการศึกษาของฝรั่งเศสจะเริ่มประมาณปลายเดือนกันยายน และสิ้นสุดลงตอนเดือนสิงหาคม แต่พอเข้ามิถุนายน ฝรั่งก็เริ่มร่าเริงแล้ว และระเริงไปจนสิงหาคมนั่นแหละ ก็ฤดูร้อนนี่คะ อะไรๆ ก็สดใสไปซะหมด

                ปีแรกกับการเรียนภาษา ก่อนเรียน ประเมินตนเองด้านการอ่านและเขียนอยู่ที่ระดับหนึ่ง (เต็มสี่) และด้านการพูดและการฟังอยู่ที่ศูนย์...ค่ะ...ประเมินไว้อย่างนั้นจริงๆ แม้จะเคยเรียนมาบ้างก่อนเดินทางประมาณ ๓ เดือน แต่เมื่อได้ฟังแอร์โฮสเตสประกาศเป็นภาษาฝรั่งเศสก็ถึงกับอึ้ง...ฟังไม่ออกเลย...นอกจากคำว่า บงชูร์ (bonjour) และแมคซี่ (merci)...แป่ว...

                ดังนั้น เมื่อเข้าเรียน ๓ เดือนแรกข้าพเจ้าไปปาร์ตี้ทุกคืนพฤหัสบดี (หลังจากนั้นก็ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง) คือ ที่โรงเรียนภาษาจะจัดงานปาร์ตี้ทุกคืนพฤหัสบดีไงคะ ที่ไม่จัดวันศุกร์ เพราะบางคนอาจจะกลับบ้าน อาจจะมีเดทกับคู่รัก และ ฯลฯ ก็เลยต้องเป็นพฤหัสบดี บอกใครไปไม่มีใครอยากจะเชื่อซักคน เพราะอยู่เมืองไทยเป็นเด็กดีไง..อิอิ.. จริงๆ คือ ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน เหม็นบุหรี่ แล้วก็เวียนหัวกับไฟแว้บๆ เสียงเพลงดังๆ ไม่รู้ว่าทนกันได้ไง

                อ้าว...แล้วทำไมคราวนี้ถึงไปได้ล่ะ มีเหตุผลค่ะ ประการแรก เพื่อสร้างความหน้าด้านหน้าทน ไม่ได้หยาบคายนะคะ เพราะปราการแรกที่ต้องฝ่าให้ได้เมื่อพูดหรือฟังไม่รู้เรื่องคือ ความอาย ช่วงแรกนี่ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาใบ้ ภาษาภาพ (วาดรูป) และภาษาไทยเวลานึกไม่ออก..ฮ่าๆ เมื่อไม่มีความอาย เราก็จะพยายามสื่อสาร พยายามเข้าใจกัน เพราะหัวอกเดียวกันนี่คะ

                ประการถัดมา เมื่อเราไม่อาย เราก็เริ่มคุ้นเคยซึ่งกันและกัน เวลาเรียนในห้องก็จะไม่เขินด้วย พูดผิดพูดถูกก็พูดไป สิ่งสำคัญคือ ต้องสื่อสารกันได้ แล้วค่อยมาแก้ไขไวยากรณ์กันภายหลัง ซึ่งก่อนเข้าเรียน ทางโรงเรียนก็จะวัดระดับความรู้ เพื่อจัดการแยกแยะเด็กนักเรียน (คงเหมือนๆ กันเวลาเรียนภาษา ไม่ว่าจะภาษาไหนก็ตาม) เรียนจบคอร์สก็ประเมินผลว่าจะเลื่อนระดับได้หรือไม่

               

                 มีอยู่คอร์สหนึ่ง (ที่ CAREL[1] แบ่งการเรียน ณ ขณะนั้น เป็นคอร์สละ ๓ - ๔ สัปดาห์) เจอหนุ่มจอร์แดนคนหนึ่ง (มีเพื่อนจอร์แดนหลายคน แต่คนนี้พิเศษ...ฮึ่ม...) เขามีระดับการเรียนที่ดีกว่าเพื่อนๆ ในชั้นเรียนเดียวกันมาก เขาสามารถไปอยู่ชั้นที่สูงกว่าได้ แต่ไม่ไป แล้วพออยู่ในชั้นนี้ เขาก็จะเก่งกว่าทุกคน และแสดงออกอย่างมากมาย เช่น ครูถาม แล้วตอบทันที พูดมาก สงสัยมาก เป็นต้น ซึ่งพวกเราจะต้องใช้เวลาคิดนิดนึง เพราะฉะนั้นจะไม่เคยพูดทันเขาเลย แต่เพื่อนทุกคนก็เป็นคนดี ยกเว้นข้าพเจ้า...ฮ่าๆๆ... หญิงไทยใจเหี้ยมหาญค่ะ บอกไปเลยว่า หยุดพูด หยุดตอบ หยุดแสดงความเห็นบ้างได้ไหม ไม่มีใครเขาเก่งเท่าเธอที่จะตอบได้อย่างอัตโนมัติ พอเธอตอบๆๆ ซะหมด คนอื่นเลยเซ็ง มีอยู่ครั้งนึง อาจารย์ผู้สอนก็ทนไม่ไหวเหมือนกันจนถึงกับพูดว่า taisez vous ภาษาไทยก็หุบปากนั่นแหละค่ะ

                เรื่องของข้าพเจ้ากับพ่อหนุ่มจอร์แดนคนนี้ก็กระหึ่มพอควร เพราะดิฉันไม่ชอบค่ะ และแสดงออกว่าไม่ชอบค่ะ (ดูความร้ายกาจสิคะ) เขาก็รู้นะ และในงานปาร์ตี้ครั้งสุดท้ายก่อนบ๊ายบายโรงเรียน เขาก็เข้ามานั่งคุยด้วย บอกขอโทษหากมีอะไรที่เขาทำให้ข้าพเจ้าไม่พอใจ เราอาจไม่เจอกันอีกก็ได้หลังจากจบการเรียนภาษา แต่อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนกันนะ ข้าพเจ้าก็ยิ้มในใจ...หุหุ...มีการขอโทษด้วยเฟ้ย เอ๊า...จะคิดมากไปทำไม ขอโทษก็ยกโทษ แล้วก็จับมือเป็นเพื่อนกัน

 

                อีกเรื่องนึง (วีรกรรมเยอะ) วันนั้นเข้าเรียนสาย แล้วถูกอาจารย์ดุ ทั้งๆ ที่อาจารย์ไม่ได้เจาะจงเรา (มีคนอื่นกระหืดกระหอบมาพร้อมๆ กันด้วย) แต่ก็เสียใจมากมาย เพราะสายครั้งแรกแล้วถูกดุเลย (ยังไม่สำนึกอีกนะว่าตัวเองผิดที่มาสาย) ในขณะที่คนอื่นสายตั้งหลายครั้งไม่เห็นอาจารย์ดุเขาเลย ก็เลยประท้วงเงียบค่ะ ปกติเวลาเรียนออกเสียงในห้อง Lab จะนั่งหน้าเสมอ เพื่อดูปากอาจารย์ เพราะเป็นเทคนิคหนึ่งที่จะทำให้ออกเสียงชัดขึ้น แต่วันนั้น ไปนั่งหลังห้องเลย อาจารย์ถาม ก็ไม่ตอบ แล้วก็นั่งน้ำตาไหล (นางเอกจริง..จริ๊ง) จนอาจารย์ต้องเข้ามาถามว่าเป็นอะไร คือ อาจารย์ก็คิดไม่ถึงว่านักเรียนคนนี้มันจะคิดมากโอเวอร์อย่างนี้ไงคะ เขาเลยไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร เราก็ตอบไป อธิบายไป อาจารย์บอก...โธ่เอ๊ย...ไม่ได้มีอะไรเล้ย...ก็พักหลังมีคนมาสายบ่อยๆ เลยต้องเตือนกันบ้าง บังเอิญมาเป็นเธอก็แค่นั้นเอง แล้วเรื่องก็จบลงด้วยดีค่ะ เพราะอาจารย์ท่านนี้สอนเรามาหลายคอร์สแล้ว เป็นเหมือนแม่ของหลายๆ คนเลยล่ะค่ะ

 

                เรียนที่นี่ ๑๑ เดือน บันทึกเดียวคงไม่จบ เพราะพิมพ์ไป ก็นึกออกมาเรื่อยๆ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ

 

 



หมายเลขบันทึก: 243737เขียนเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2009 19:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 05:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

สวัสดีค่ะ

มาเรียนรู้ด้วยคนนะค่ะ

จะติดตามตอนต่อไป ผมเลยนึกบรรยากาศออก

เลยนึกถึงตอนไปต่างประเทศครั้งแรกของผม

แต่ผมโชคดีที่เรียนกับคนไทยทั้งห้อง

สวัสดีค่ะคุณ •.♥°.•.♥• kittyjump.•.♥.•°♥natadee

ยินดีที่จะเข้ามาเรียนรู้ร่วมกันค่ะ แต่ต้องใจเย็นหน่อยนะคะ อาจจะนาน..น้าน..นาน หรือบางทีก็อาจออกมาติดๆ กันก็เป็นได้ค่ะ เอาแน่นอนไม่ค่อยได้..หุหุ

นายอุ้ม

ป้าว่ามันต้องเรียนกับคนต่างชาติ เพราะถ้าเรียนกับคนไทยมันคอยจะเผลอน่ะ เวลานึกไม่ออกก็จะถามกันเป็นภาษาไทย แต่ถ้าต่างชาติ พูดผิดพูดถูกมันก็ต้องใช้ภาษาอื่นน่ะ

คุณ กอก้าน>>>ก้านกอ*:)*(แก๊งค์ก้านคอพับ)

เอ่อ...น้องโพสต์มา ทำเอาพี่งง อย่างไรก็ตาม..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

เอ้อ เขียนได้มันดีว่ะ ต็อก

เจ๊เอง

ข้าพเจ้าก็ศิษย์เก่า CAREL ค่ะ

มีกิตติศัพท์ว่า ใครเอาตีนชี้หน้าไม่ได้ ก็ฝรั่งมันชอบเอาตีนมาชี้แทนนิ้วค่ะ

อาจารย์แหววคะ ต๊อกนี่ เพื่อนว่าดุ เพราะมีเพื่อนชาวการ์ตาคนนึง เวลาพูดชอบถึงเนื้อถึงตัว ต๊อกเลยใส่ศอกบ้าง ควักคัตเตอร์มาขู่บ้าง ห้าวซะไม่มี...เฮ้อ..

เฮอๆ หนูก็เจอส่งไป Carel นา (ไม่รู้จะได้ไปป่าว) อ่านบันทึกจารย์ไปคิดไป เราคงไม่รอดแน่ๆ ฮ่าๆๆ รออ่านต่อค่ะ ตื่นเต้นๆ

หมาน้อย ถ้าคิดลบซะตั้งแต่ยังไม่เริ่ม หนูจะเอาแรงที่ไหนมาสู้ละนี่..ฮึ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท